"เลขาบิ๊ก" ธนฑิตย์ รักตะบุตร เลขาธิการสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา ท่านพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมฯกับตน และสต๊าฟโค้ชทีมชาติไทย ได้มีการปรึกษาหารือเรื่องการเฟ้นหานักกีฬาเทควันโดเข้ามาติดทีมชาติไทย ซึ่งเดิมที เราจะคัดเอาจากการแข่งขันเทควันโด ชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย, กีฬาแห่งชาติ, แมตช์ของโค้ชเช และกีฬาเยาวชนแห่งชาติ แต่ทว่ามีเกมของสมาคมกีฬาเทควันโดเพียงแค่รายการเดียวเท่านั้น ทำให้ท่านนายกฯได้มีนโยบายที่จะเพิ่มรายการแข่งขันให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้นักกีฬาที่ดีที่สุดเข้ามาสู่แคมป์ทีมชาติ และจะต้องมีการจัดอันดับนักเทควันโดในแต่ละรุ่นว่ารุ่นไหนใครคือเบอร์ 1 ของเมืองไทย

"ทางทีมผู้บริหารและสต๊าฟโค้ชจึงได้ข้อสรุปร่วมกันว่าให้มีการแข่งขันเทควันโด ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เกิดขึ้น ซึ่งจะมีการชิงชัยเกิดขึ้น 5 สนาม โดยแบ่งการแข่งขันเป็น 5 ภูมิภาค 5 จังหวัด ซึ่งมีการชิงชัย 3 รุ่น คือ รุ่นยุวชน, รุ่นเยาวชน และประชาชน โดยสนามแรก จะเป็นการแข่งขันโอเพ่น เปิดรับสมัครนักกีฬาจากทั่วประเทศ ซึ่งจะแข่งขันในภาคอีสาน จ.หนองคาย ระหว่างวันที่ 24-25 ก.พ.67 จากนั้นสนามที่ 2 ภาคกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา จะนำเอานักกีฬาที่มีแรงกิ้ง จากสนามแรก ประมาณ 10 อันดับ มาแข่งขันในช่วงระหว่างวันที่ 6-7 เม.ย. สนาม 3 ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 25-26 พ.ค. สนาม 4 ภาคใต้ จ.สงขลา ระหว่างวันที่ 15-16 มิ.ย. และสนาม 5 รอบไฟนัล จ.นนทบุรี ระหว่างวันที่ 20-21 ก.ค." เลขาบิ๊ก กล่าว

นายธนฑิตย์ ยังกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการแข่งขันว่า การแข่งขันเทควันโด ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2024  นอกจากจะทำตามนโยบายของ นายกสมาคมกีฬาเทควันโด เพื่อเฟ้นหานักกีฬาทีมชาติที่ดีที่สุด แล้วยังจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับจังหวัดที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน เชื่อเหลือเกินว่า นักกีฬาจำนวนหลายร้อยคน พร้อมด้วยผู้ปกครอง และทีมงานสโมสรต่างๆ จะไปร่วมงานกันจำนวนมาก ทำให้ โรงแรม ที่พัก ร้านค้า มีรายได้ นากจากนี้ นักกีฬาจากทั่วประเทศ จะได้พิสูจน์ความสามารถ เราได้เจอช้างเผือกมากยิ่งขึ้น เพราะทุกปีที่ผ่านมา สมาคมมีแค่การจัดการแข่งขันชิงแชมป์ประเทศไทย รายการเดียว นักกีฬาจากท้องถิ่นบางคนไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถ รายการนี้จึงเป็นรายการที่จะได้คนเก่งจากทั่วประเทศอย่างแท้จริง