อาร์เซน่อล พบ ลิเวอร์พูล : ในวันที่ปืนใหญ่ชนะขาด

ปกติหลังเกมมาเร็ว....แต่ช่วงนี้ไม่ปกติ 555

เอาเป็นว่ายังไงไม่พลาดกับบิ๊กแมตช์ระดับห้าดาว ที่มาพร้อมกับวิธีการเล่นของทีมกลุ่มลุ้นแชมป์ 

สนุก คุ้มค่าทุกนาที ดูไม่มีง่วง

หลังจบเกมอาร์เซน่อล ปราบ ลิเวอร์พูล 3-1 เสียงสะท้อนดังไปทั่วโลกครับ

โดยเฉพาะฝั่งเด็กหงส์ เท่าที่ผมแกะมาจาก X ของผมที่มียอดผู้ติดตาม 645,000 

ก็มีทั้งยอมรับความพ่ายแพ้โดยจำนน และมีอยากยอมรับแต่ไม่กล้าก็ประปรายอย่างเช่น

"เอาจริงๆ อาเซน่อลแทบไม่ต้องทำอะไรเลย แค่รอเราพลาดเอง กลางแน่นๆ ดับเบิล6  ลวพ.ออกบอลยากๆเข้าไว้ คือ จบเลย"

"ผมว่าเทร็นดูไม่ค่อยแฮปปี้กับตน.แบ็คแล้ว อยากเล่นกลางมากกว่า"

"แมคก้า เล่นได้ไม่ดีเหมือนอยู่ไบรท์ตัน"

ก็ว่ากันไป...

ก่อนเกมนัดนี้ อาร์เซน่อล เสมอ กับลิเวอร์พูลในพรีเมียร์ลีก และแพ้ในเอฟเอ คัพ

เกมนี้หากยังเอาชนะไม่ได้ในเอมิเรสต์ ก็ไม่ควรแพ้ แล้วถ้าหากชนะได้ การลุ้นแชมป์เปิดกว้างอีกครั้งหลังจากดรอปๆลงไปช่วงธ.ค. 

แน่นอน...สนามซ้อมที่ลอนดอน โคลนีย์ "อเนลก้า สปอร์ต คอมเพลกส์" ย่อมมีการวางแทกติกอย่างเข้มข้น

จริงๆ ก็น่าจะพอรู้สไตล์กันดีระหว่าง mk และ jk บอลระบบเดียวกัน 4-3-3 

เน้นเพรสซิงแดนบนและแดนสอง เป็นหลักเพื่อบีบให้อีกฝั่งออกบอลไม่ได้ เล่นเกมที่ตัวเองถนัดไม่ได้

เพียงแต่ว่าใครใช้ในสนามแข่งจริงได้ดีกว่าหรือไม่ได้ผลเท่านั้นเอง

ถ้าจะหาเหตุผลว่าทำไมเด็กๆของ  MK เล่นในสนามแข่งจริงอย่างได้ผล ก็คงมีไม่กี่ข้อที่เห็นในเอมิเรสต์ สเตเดี้ยมเมื่อคืนที่ผ่านมา

1  ทีมไลน์อัพ ปรับเปลี่ยน 

ถ้าจำได้สองเกมที่เจอกันก่อนหน้านี ชุดผู้เล่นในแดนกลางและหน้าปรับเปลี่ยน

ที่แอนฟิลด์ ในPL นั้น เสมอ 1-1  

แผงกองกลางของปืนคือ โอเดการ์ด,ไรส์ และ ฮาแวร์ตส์ 

ข้างหน้า มี เชซุส , มาร์ติเนลลและซากา

ฝั่งหงส์ โซโบสไล, เอนโด และ โจนส์  แนวรุก ซาลาห์, กัคโป และ ดิอาส

ผลเสมอในเกมที่ใกล้เคียงกันทั้งสองฝั่ง เชิงแทกติก แต่ปัญหาที่พอมองเห็นคือตัวรับหงส์แดง "ขาดสมาธิ" ในการเล่น หรือหย่อนยานในการรับมือ เสียประตูเร็วตั้งแต่สี่นาทีแรก อันเป็นเรื่องปกติในซีซั่นนี้อยู่เหมือนกัน (เสียลูกแรกก่อน)  เกมจบลงด้วยผลเสมอไม่ได้ไม่เสีย

แพ้ในเอฟเอ คัพ 0-2 

แผงกองกลางอาร์เซน่อล โอเดการ์ด, ไรส์ และจอร์จินโญ ส่วนข้างหน้าเลือก ซากา, ฮาแวร์ตส์ และ เนลสัน 

แผงกองกลางลิเวอร์พูล เอลเลียตต์, แมคก้า, โจนส์ ข้างหน้า กัคโป, ดาร์วิน และ ดิอาส  

เกมนั้นตัดสินกัน 10 นาทีสุดท้าย คิวิออร์ ทำเข้าตัวเองและ ดิอาส สวนกลับ โยกมาเล่นทางขวา 

รูปเกมใกล้เคียงกัน ปืนสร้างโอกาสแดนสามมากกว่าเล็กน้อย

มาถึงเกมล่าสุดนี้ อาร์เตต้า จัด จอร์จินโญ ลงมา เล่นร่วมกันกับ เดแคลน ไรส์, มาร์ติน โอเดการ์ด แบ๊กโฟร์ชุดเดิม แม้ ไวท์ กับ ซินเชนโก มีปากเสียงกันนัดชนะฟอเรสต์ ส่วนข้างหน้าเลือก ไค ฮาแวร์ตส์ ยืนฟอลส์ไนน์ ไม่มีชื่อ กาเบรียล เชซุส แม้กระทั่งม้านั่งสำรอง

ส่วนมิดฟิลด์หงส์แดง กราเฟนแบร์ก, แมคกา, โจนส์ ข้างหน้า ดิอาส, โชตา และกัคโป 

ไลน์อัพกลางและหน้าของหงส์ เพี้ยนไปหลายตำแหน่ง ส่วนปืน ยังคงโครงสร้างเดิมไว้ได้ เพราะไลน์อัพสองแดนนี้มีส่วนต่อการเพรสแดนบนและแดนสองอย่างไม่ต้องสงสัย 

กรุ๊ปแทกติกของชุดผู้เล่นหลักสำคัญเสมอ 

2เพรสแดนสองโหดจริง

แน่นอนว่าปืนไม่ชนะหงส์มาสองเกมในสองเดือนและสองถ้วย นัดนี้สำคัญอย่างยิ่ง เล่นในบ้านตัวเอง ถ้าแพ้โอกาสลุ้นแชมป์จะเริ่มห่างไปอีก สัญญาณไม่ดี ดังนั้นแผนการเล่นต้องเข้มข้น และต่อเนื่อง เรียกว่าถ้าเพรสใส่ต้องเอาให้หายใจไม่ออกกันเลยทีเดียว

ซึ่งมันเป็นแบบนั้น แผงมิดฟิลด์และข้างหน้าของปืน เพรสอย่างดุดัน เข้มข้น และต่อเนื่อง 200% กว่าที่เห็นในสองเกมล่าสุด พวกเขาไม่ต้องการแพ้ และเป้าหมายคือทำลายเกมรุกหงส์แดง ตัดเกมรุกออก บีบให้เล่นแค่แดนสองและแดนตัวเองเท่านั้น

แมคก้า นี่โดนรุมบ่อยๆ เพราะคือเซนเตอร์แดนกลาง

นั่นจึงทำให้เด็กหงส์ เล่นไม่ได้ ออกบอลไม่ถนัด ถ้าไม่คืนหลัง ก็เสียบอล หรือไปเสียบอลแดนสาม หมดโอกาส end product  ตามภาษาโค้ช คือไม่ได้เข้าไปยิง 

จุดนี้เด็กปืนทำต่อเนื่อง...กดดันหนัก ไม่ให้เด็กหงส์เล่นเกมแดนสองได้ นั่นจึงทำให้แดนสามโดนตัดออกไป 

3 ประตูนำ 1-0

หลังออกอาวุธแดนกลางกันพักหนึ่ง การขึ้นนำของปืนสะท้อนให้เห็นว่าแดนกลางหงส์แดงมีปัญหา เมื่อบอลปืนขึ้นทางซ้าย ยังไม่ข้ามแดนหงส์ ซินเชนโก (เทรนต์ ยืนจ้อง) ได้บอล  จังหวะนั้น โอเดการ์ด ว่างแถวกลางสนาม ซินเชนโก ไหลบอลให้ ตรงวงกลม

ไม่มีใครประกบ...โอเดการ์ด ทำให้ ฟานไดจ์ ทิ้งตำแหน่ง จะมาเล่น  นั่นจึงเปิดช่องว่างคู่เซนเตอร์ เพราะโกนาเต้ เอียงไป รอเล่นกับ มาร์ติเนลลี 

รูเบ้อเร่อเลย.....

โอเดการ์ด แทง ให้ ฮาแวร์ตส์ พาหนี โกนาเต้ ก่อนยิงติดเซฟ เบคเกอร์ มาเข้าทาง ซากา ซ้ำ 1-0 น.14 ส่งผลให้บอลยิ่งเป็นของปืนหมด 

สถิติบอกว่าเฉพาะในลีก ปืนยิงหงส์ลูกแรก 4 นัดติด ครั้งแรกนับจากปี 1967 

ส่วนลูกตีเสมอท้ายครึ่งแรกมันเป็นปรากฏการณ์ช้อคนักเตะและแฟนปืนจากจังหวะ ซาลีบา เบียด ดิอาส ไม่ขาด โดนจิ้มบอลได้ ขณะที่ รายา ออกมา เหวอ แล้วบอลไปโดนแขน กาเบรียล เข้าประตูตัวเอง...

ตีเสมอแบบงงๆ กันไป😂

4 ใครพลาดมากกว่ากัน ฟานไดจ์ กับ เบ็คเกอร์

ประตู 2-1 นั่นควรโทษใครดี จังหวะการวางบอลยาวของ กาเบรียล จากแดนหลัง แล้ว ฟานไดจ์ ปล่อยบอลตกพื้นก่อน เบียดกับ มาร์ติเนลลี แล้วเสียเหลี่ยม เบคเกอร์ ออกมาจะเตะบอล ชักเท้า ไม่เตะมันเสียจังหวะบอลไปเข้าทาง มาร์ติเนลลี ยิงโล่งๆเข้าไป (ยิงหงส์อีกแล้ว มาร์ติเนลลี)

ดูจากภาพช้า... ฟานไดจ์ เบียด มาร์ติเนลลี แต่ตัวเองเสียหลัก จนเกือบชน กับ เบคเกอร์ ที่ออกมาตัดบอล...ส้มหล่นใส่ มาร์ติเนลลี

ฟานไดจ์ เบียดเอาเหลี่ยมไม่ได้ครับ เพราะกลายเป็นคนตัวใหญ่กว่า เสียหลักจนเกือบไปชน เบคเกอร์  ที่ออกมาตัดบอล เลยเตะบอลไม่โดน บอลลอยเข้าทาง มาร์ติเนลลี

ฟานไดจ์ ...เสียเหลี่ยมกับเบียดแย่งบอล จนเสียประตู ครับ 

ส่วนเหลืองสองของ โกนาเต้ ก็ตามจังหวะของเกม

ลูก3 เลยมาง่ายๆ ก็ถือว่าเป็นการตอกย้ำว่าปืนวางเกมแพลนมาแล้วเวิร์ค จัดซะหงส์ไปไม่เป็น

6หงส์ไม่ชนะทีมทอปโฟร์

จากความพ่ายแพ้ต่ออาร์เซน่อลล่าสุดเท่ากับว่า ลิเวอร์พูล ยังไม่เก็บชัยชนะต่อทีมในกลุ่มทอปโฟร์ ได้เลย แพ้สเปอร์ส, เสมอแมนฯซิตี้ , เสมอและแพ้ปืน พวกเขายังมีเกมเจอกับ สเปอร์สและ แมนฯซิตี อีกทีมละแมตช์ ถ้าถึงตอนนั้นแล้วแต้มไม่ห่างสูสีกัน ก็น่าคิดไม่น้อยทีเดียว

ชัยชนะนัดนี้ทำให้อาร์เซน่อล ไล่จี้มาเหลือสองแต้มพร้อมส่งสัญญาณว่าพวกเขายังมีโอกาสไม่น้อยกว่าทั้งแมนฯซิตี้ และลิเวอร์พูล ที่สำคัญ ปืนใหญ่ ชนะทั้งแมนฯซิตี และลิเวอร์พูล ได้ด้วย

ม้าสามตัวในการลุ้นแชมป์ยาวๆ มีโอกาสเป็นไปได้สูง 

ขณะที่หงส์แดงนั้น....การแพ้เกมนี้ น่าจะกระตุกให้ฉุกคิดอะไรบางอย่างในเรื่องของเกมการเล่นกับทีมเกรดเดียวกัน เรื่องตัวผู้เล่นชุดหลักหายไป อาจถูกนำมาเป็นเหตุผลในการแพ้ แต่ฟุตบอลมันคือการต่อสู้ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ไหนต้องสู้ให้ได้ 

เฉพาะเกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ คงขอให้เป็นนัดเดียวที่แพ้ เกมหน้าว่ากันใหม่ แต่ที่ต้องยอมรับก่อนเลยคือ ปืนใหญ่ชนะขาดทั้งผลแข่งและรูปเกม

JACKIE


ที่มาของภาพ : getty images
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport