ฟาน ไดค์ ผิดแบบเด็กประถม, แดนกลาง อาร์เซน่อล สุดแกร่ง! 5 ประเด็นเด็ดหลัง ลิเวอร์พูล พ่าย อาร์เซน่อล

ลิเวอร์พูล ต้องพบกับความพ่ายแพ้ในเกมลีกแมตช์แรกในรอบ 15 เกม หลังพวกเขาบุกไปโดน อาร์เซน่อล ไล่อัดสกอร์ 1-3 ที่สนามเอมิเรต์ สเตเดี้ยม ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

"ปืนใหญ่" ทำผลงานได้อย่างสุดยอด โดยเฉพาะในแดนกลางที่จัดการครองเกมได้ตลอด และเป็นพื้นที่สำคัญที่ทำให้พวกเขาสามารถเอาชนะ "หงส์แดง" ได้สำเร็จ ซึ่งสามประสานของพวกเขาได้แก่ เดแคลน ไรซ์, มาร์ติน โอเดการ์ด และ จอร์จินโญ่ งัดฟอร์มเทพจนแผงมิดฟิลด์เล่นไม่ออก

ขณะเดียวกันแมตช์นี้ความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ สามารถเปลี่ยนทิศทางของเกมไปเลยทีเดียว โดยทั้ง อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล ผลัดกันแจกของขวัญให้กับคู่แข่ง แต่ในรายของ "เดอะ เร้ดส์" มันส่งผลเสียหายร้ายแรงจนทำให้ทีมกลับแอนฟิลด์มือเปล่า !! 

หลังจบแมตช์นี้การลุ้นแชมป์ลีกเปิดกว้างมากขึ้นทันที ทั้ง อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และแม้แต่ แอสตัน วิลล่า สามารถไล่บี้หายใจรดต้นคอ และถ้าทีมใดสะดุดทีมอื่นสามารถพุ่งแซงได้ทันที

1. แดนกลางอาร์เซน่อลสุดบรรเจิด

มิเกล อาร์เตต้า สามารถปรับหมากในการสู้กับ ลิเวอร์พูล ได้เป็นอย่างดี หลังผิดพลาดในเกมเอฟเอ คัพ แต่สำหรับเกมลีกพวกเขาแสดงให้เห็นว่าแดนกลางของ "ปืนใหญ่" คือพื้นที่สำคัญที่ทำให้ทีมดับซ่า "หงส์แดง" ได้สำเร็จ

สามประสานในแผงมิดฟิลด์ของเจ้าบ้านทั้ง เดแคลน ไรซ์, มาร์ติน โอเดการ์ด และ จอร์จินโญ่ เล่นกันได้อย่างเข้าขาสามารถปิดโอกาสไม่ให้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ เคอร์ติส โจนส์ ทำเกมได้ถนัด 

ไรซ์ กับ โอเดการ์ด วิ่งพล่านไปแทบทุกพื้นที่ในแดนกลาง โดย มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษ สามารถเล่นเกมรับได้ดีเยี่ยม นั่นทำให้ กัปตันทีมชาวนอร์เวย์ เล่นเกมรุกได้อย่างอิสระเสรี และมีโอกาสได้สร้างสรรค์เกมอย่างเต็มที่ 

สวนทางกับ แม็ค อัลลิสเตอร์, โจนส์ และ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ที่สำคัญการเล่นเพรสซิ่งในแดนกลางของ อาร์เซน่อล ทำให้พวกเขากดดันทีมเยือนจนเล่นไม่ออก และต้องกลับบ้านไปด้วยความชอกช้ำ 

2. ฟาน ไดค์ พลาดมหันต์

หนึ่งในประเด็นที่จะไม่พูดถึงก็คงไม่ได้นั่นก็คือการเล่นของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เพราะนี่คือเกมที่ต้องบอกว่า กัปตันชาวดัตช์ เล่นได้ย่ำแย่สุดๆ ที่สำคัญการตัดสินใจก็ไม่ดี และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมเสียทั้งสามประตู

ช่วงต้นเกม ฟาน ไดค์ เจอความเร็ว และการเล่นเพรสซิ่งของแนวรุกของ อาร์เซน่อล เล่นงานอย่างหนัก ส่วนจังหวะที่เสียประตูแรก ดาวเตะทีมชาติเนเธอร์แลนด์ หลุดตำแหน่ง ทำให้ ไค ฮาแวร็ตซ์ ได้หลุดเข้าไปยิงแม้จะติดเซฟ อลีสซง เบ็คเกอร์ แต่สุดท้าย บูกาโย่ ซาก้า สามารถเก็บกินได้สำเร็จ

ขณะที่ประตูที่สอง ฟาน ไดค์ สมควรโดนตำหนิอย่างยิ่ง เพราะแทนที่เขาจะตัดสินใจเคลียร์บอลทิ้ง แต่ดันเลือกปล่อยให้ อลีสซง พยายามวิ่งออกมาเตะ แต่สุดท้ายกลายเป็นความผิดพลาด และทำให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ได้ยิงสบายๆ

สำหรับประตูตอกฝาโลง จะบอกว่า ฟาน ไดค์ ผิดเต็มประตูก็คงไม่ได้ แต่จังหวะการยื่นเท้าสกัดลูกยิงของ เลอันโดร ทรอสซาร์ ดันไปแฉลบปลายหัวเกือกทำให้บอลเปลี่ยนทิศ และลอดขา "พ่อหมี" เข้าประตู

ในส่วนของคู่หูอย่าง โกนาเต้ แม้จะพยายามช่วยทีม แต่มีหลายจังหวะที่โดนความเร็วของ มาร์ติเนลลี่ เล่นงาน สุดท้ายโดน 2 ใบเหลืองกลายเป็นใบแดง และทำให้ "เดอะ เร้ดส์" ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่มากยิ่งขึ้น 

3. ขาดคีย์แมนสำคัญทำฟอร์มสะดุด

จะบอกว่าเป็นข้ออ้างก็ได้แต่เมื่อดูรูปเกมตั้งแต่ต้นจนจบ ต้องบอกว่าการขาด 2 คีย์แมนสำคัญนั่นก็คือ คอนเนอร์ แบรดลี่ย์ และ โดมินิค โซโบซไล ที่ไม่สามารถลงสนามให้กับต้นสังกัดได้ในเกมเยือน อาร์เซน่อล

กรณีของ แบรดลี่ย์ เป็นเรื่องสุดวิสัยจริงๆ เนื่องจากคุณพ่อจากไปแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้ คล็อปป์ ตัดสินใจเลือกที่จะดร็อปเขาเพื่อจะได้กลับไปอยู่กับครอบครัวในช่วงเวลาที่ยากลำบากจากการสูญเสียบุคคลสำคัญในชีวิต

ส่วน โซโบซไล ดันมีปัญหาบาดเจ็บ ทำให้หมดสิทธิ์ช่วยทีม ขณะที่ในรายของ ดาร์วิน นูนเญซ ก็เจออาการบาดเจ็บเล่นงานเช่นกัน เพียงแต่ฟิตพอที่จะเดินทางมาเล่นในเกมที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ในฐานะตัวสำรอง 

การส่ง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงสนามถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะ "รองเทรนต์" จองสัมปทานในตำแหน่งนี้อยู่แล้ว แต่ในรายของ ไรอัน กราเฟนแบร์ก ถือว่า คล็อปป์ น่าจะเลือกตัวผิด เพราะถ้าเขาใช้งาน ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ น่าจะทำให้แดนกลางของ "หงส์แดง" มีความจี๊ดจ๊าดมากกว่านี้ 

4. คล็อปป์ วางหมากผิดพลาด

สำหรับเรื่องการวางแท็กติคผิดพลาดงานนี้ คล็อปป์ ต้องก้มหน้ายอมรับ เพราะแมตช์นี้ กุนซือชาวด๊อยท์ช เลือกนักเตะ และการจัดวางระบบการเล่นที่ค้อนข้างน่าผิดหวังพอสมควร 

หากมองจากความเป็นจริงการที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ฟิตสมบูรณ์แล้ว คล็อปป์น่าจะส่งเขากลับไปเล่นแบ็กซ้าย โดยโยก โกเมซ มายืนแบ็กขวา ส่วน "รองเทรนต์" ก็จับไปยืนมิดฟิลด์เต็มตัว หลังทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในตำแหน่งนี้ และแฟนบอล "หงส์แดง" ก็อยากเห็นเขายืนแดนกลางแบบถาวรซะที

จะเห็นได้ว่าในแมตช์นี้ฟูลแบ็กทั้งสองฝั่งไม่สามารถทำอะไรได้เลยในเกมรุก ขณะที่เกมรับก็ต้องเจอกับงานหนักในการต่อกรกับความเร็วของ มาร์ติเนลลี่ และ ซาก้า ซึ่งเล่นงานทั้งสองคนจนปั่นป่วนไปหมด

ขณะที่แผงมิดฟิลด์การที่ คล็อปป์ เลือกใช้งาน กราเฟนแบร์ก โดยหวังจะใช้ความคล่องตัวของเขาเล่นงานแดนกลาง อาร์เซน่อล แต่กลายเป็นว่านักเตะทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ซึ่งถ้ามองจากมุมแฟนบอลแน่นอนว่าหากใช้ เอลเลียตต์ คงทำให้ทีมเล่นได้มีมิติมากกว่านี้ โดยเฉพาะการเล่นแบบดุดัน กล้าวิ่งทะลุทลวง น่าจะสร้างปัญหาให้กับอาร์เซน่อล ได้มากกว่า กราเฟนแบร์ก 

5. ลุ้นแชมป์เปิดกว้างยิ่งขึ้น

ด้วยเงื่อนไขที่ต้องชนะเพื่อทำให้ อาร์เซน่อล กลับมาสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์ ทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นในการเล่น และสามารถไล่กดดัน ลิเวอร์พูล จนไม่สามารถเล่นเกมที่ตัวเองถนัดได้เลย

หลังจบเกมด้วยการคว้า 3 คะแนน นั่นทำให้ตอนนี้ "เดอะ กันเนอร์ส" กลับมาสู่เส้นทางการลุ้นแชมป์เต็มด้วย โดยปัจจุบันพวกเขาเก็บไปแล้ว 49 แต้ม ตามหลัง "หงส์แดง" จ่าฝูงเหลือเพียง  2 คะแนนเท่านั้น 

ยิ่งไปกว่านั้นความพ่ายแพ้ของ ลิเวอร์พูล ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิ้มกริ่ม เพราะทัพ "เรือใบสีฟ้า" มีคิวบุกเยือน เบรนท์ฟอร์ด ในเกมลีกวันจันทร์ที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ ถ้าพวกเขาชนะก็จะเก็บเพิ่มเป็น 49 คะแนน แต่แข่งน้อยกว่า 1 นัด ซึ่งนั่นทำให้พวกเขาจะกุมชะตาการลุ้นแชมป์เอาไว้ในมือทันที 

อย่างไรก็ตามความพ่ายแพ้ของ ลิเวอร์พูล ในเกมนี้อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พวกเขาระเบิดฟอร์มโหดอีกครั้ง เหมือนตอนที่แพ้ สเปอร์ส และหลังจากนั้นก็ไม่แพ้ใครในลีก 15 แมตช์ติดต่อกัน จนพุ่งขึ้นมาเป็นจ่าฝูงลีกอย่างที่เห็นในปัจจุบัน !!!

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport