"พาณิภัค"บู๊ซีเกมส์สมัยสุดท้ายนำทัพเทควันโดไทยลุ้น6ทอง

มหกรรมกีฬาซีเกมส์ กลับมาประลองกันอีกครั้งและใช้เวลาห่างกันเพียงแค่ 1 ปี หลังจากที่ประเทศเวียดนาม เพิ่งจัดการแข่งขันไปเมื่อปีที่แล้ว โดยครั้งนี้เป็นซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งจะเริ่มขึ้นระหว่างวันที่ 5-17 พ.ค.2566

สำหรับกีฬาเทควันโดนั้น ถือเป็น 1 ในความหวังที่โกยเหรียญทองช่วยทัพกีฬาไทยในช่วงเกือบ 20 ปีมานี้ และซีเกมส์ที่ผ่านๆมา จอมเตะทีมชาติไทยก็สามารถพิชิตเหรียญทอง จนช่วยให้ยอดเหรียญรางวัลรวมของทัพนักกีฬาไทยมีจำนวนมาก

และแน่นอนทีมเทควันโดไทยไม่ได้ไปแข่งขันเพื่อเป็นไม้ประดับ เพราะในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ทุกครั้ง สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ส่งทัพใหญ่ไปสู้ทุกครั้งเพื่อไม่ให้อายขายขี้หน้าใคร

"แคมโบเดีย 2023" ครั้งนี้ กีฬาเทควันโด เจ้าภาพกัมพูชาจัดให้มีชิงชัยกันทั้งสิ้น 24 เหรียญทอง โดยแบ่งเป็นประเภทต่อสู้ 16 ทอง และประเภทพุ่มเซ่ หรือท่ารำ อีก 8 ทอง ซึ่งในจำนวนเหรียญทองทั้งหมด เจ้าภาพสามารถส่งได้เต็มพิกัด แต่ชาติต่างๆ ในอาเซียน ส่งนักกีฬาเข้าชิงชัยได้ไม่เกิน 15 เหรียญทอง จาก 24 เหรียญ

และเมื่อไทยถูกจำกัดเหรียญรางวัล ทำให้ "บิ๊กเอ" พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย จึงต้องส่งยอดฝีมือไปบู๊เพื่อคว้าทองมาให้ได้มากที่สุด

งานนี้ ถึงขนาดต้องส่ง "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะเบอร์ 1 ของโลก เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2020 และแชมป์เก่าซีเกมส์ 3 สมัยติด นำทีมลงบู๊ ในรุ่นที่ตัวเองถนัดคือ 49 กก.หญิง ซึ่งซีเกมส์ครั้งนี้ อาจเป็นการลงแข่งขันครั้งสุดท้ายในชีวิตนักกีฬาเทควันโดของเจ้าตัวด้วย หลัง "เทนนิส" ได้ประกาศเอาไว้แล้วว่า หลังจบศึกโอลิมปิกเกมส์ 2024 ที่ฝรั่งเศส เตรียมจะอำลาทีมชาติ ซึ่งก็จะทำให้ในการครั้งแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งจะมีขึ้นที่ไทย แฟนๆกีฬาจะไม่เห็น "เทนนิส" พาณิภัค แล้ว

แน่นอนว่าการมีชื่อของจอมเตะที่ไร้เทียมทานคนในวงการเทควันโดโลกนั้น การันตีเหรียญทองไม่ไปไหนแน่นอนแล้ว 1 เหรียญ ขณะที่อีก 1 เหรียญทอง น่าจะมาจาก "เหมี่ยว" จุฬานันท์ ขันติกุลานนท์ จากรุ่น 46 กก. ที่เคยคว้าเหรียญทองในรุ่นนี้มาแล้ว

ส่วนอีกเหรียญทองที่น่าจะแบบเบอร์ คงจะเป็นของจอมเตะสาว "นก" พรรณนภา หาญสุจินต์ รุ่นน้ำหนัก 57 กก.หญิง อดีตแชมป์โลก ซึ่งถือว่าเป็นแชมป์เก่าซีเกมส์ที่ยากจะหาใครล้มเธอในรุ่นนี้  

สำหรับรายชื่อจอมเตะทีมชาติไทย ชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ประเภทต่อสู้ทั้ง 10 รุ่น มีดังนี้ จุฬานันท์ ขันติกุลานนท์ รุ่น 46 กก.หญิง, พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ รุ่น 49 กก.หญิง, ชุติกาญจน์ จงกลรัตนวัฒนา รุ่น 53 กก.หญิง, พรรณนภา หาญสุจินต์ รุ่น 57 กก.หญิง, ศศิกานต์ ทองจันทร์ รุ่น 62 กก.หญิง, รามณรงค์ เสวกวิหารี รุ่น 54 กก.ชาย, ธนกฤต ยอดรักษ์ รุ่น 58 กก.ชาย, ณภัทร ศรีติมงคล รุ่น 63กก.ชาย และแจ็ค วู้ดดี้ เมอร์เซอร์ รุ่น 74 กก.ชาย

สำหรับจอมเตะประเภทต่อสู้ชุดนี้ ถือเป็นการผสมผสานกันระหว่าง นักเทควันโดหน้าเก่า ที่เคยคว้าเหรียญทองซีเกมส์ครั้งที่ผ่านมาผสมกับจอมเตะดาวรุ่ง ที่ทำผลงานในระดับนานาชาติได้ดี

ดูจากรายชื่อแล้ว ก็ถือว่าเป็นชุดใหญ่ที่เมื่อเสร็จจากซีเกมส์ จะหลายรายที่มุ่งหน้าต่อกับการแข่งขันชิงแชมป์โลก 2023 ที่ประเทศอาเซอร์ไบจาน ต่อทันที ซึ่งทิ้งเวลาห่างกันประมาณ 2 สัปดาห์ ซึ่งซีเกมส์ 2023 ก็ถือเป็นแมตช์อุ่นเครื่องและเตรียมความพร้อมไปในตัวของทีมจอมเตะไทย

ขณะที่นักกีฬาประเภทท่าร่ายรำ (พุมเซ่) ไทยส่งได้ 5 ทอง มีนักกีฬาทั้งสิ้น 11 คน ประกอบด้วย 1.อรนวีย์ ศรีสหกิจ 2.รัชฏาวัลย์ ตะเพียนทอง 3.พิชามญชุ์ ลิ้มไพบูลย์ โดยประเภททีมชาย มี สิปปกร เวชกรณ์ปฏิวงศ์, วรพล เซี่ยงหลิว, ณัฏฐชัย สุทา ส่วนประเภทฟรีสไตล์ทีมผสม ประกอบด้วย ธัญสินี มุขดา, ศศิภา ชูผล (ฟรีสไตล์หญิง), ศศิภา ชูผล (ฟรีสไตล์เดี่ยวหญิง), จิรพงศ์ เขตหลัก (ฟรีสไตล์เดี่ยวชาย), ชุติพนธ์ ปันซุน, ณัฐพัชร แก้วกัน

ในประเภทเทควันโดพุมเซ่นั้น ยังคงรักษาสภาพการตัดสินแบบดั้งเดิมอยู่ คือตัดสินด้วยสายตา ทำให้โอกาสที่นักเทควันโดชาติเจ้าภาพจะได้เปรียบคู่แข่งขันนั้นมีสูง ซึ่งในซีเกมส์ที่ผ่าน เหรียญทอง พุมเซ่ จะตกเป็นของเจ้าภาพเสียส่วนใหญ่ เช่นกันกับครั้งนี้ ทีมพุมเซ่ไทยจะเจองานยากอีกครั้งอย่างแน่นอน

ผศ.ดร.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่ซีเกมส์ครั้งนี้เจ้าภาพจำกัดการส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขัน โดยประเภทต่อสู้จาก 16 รุ่น ส่งได้แค่ 10 รุ่นเท่านั้น และร่ายรำ จาก 8 ส่งได้ 5 รุ่นเท่านั้น ทำให้โอกาสที่ไทยจะคว้าเจ้าเหรียญทองในกีฬาเทควันโดเหมือนทุกครั้งคงเป็นไปได้ยาก แต่ก็ยังตั้งเป้าเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 5 เหรียญทอง

"ปัญหาที่กังวลก็คือเรื่องของการตัดสินที่ใช้การตัดสินด้วยสายตา ไม่ได้กังวลเรื่องเจ้าภาพจะโกง แต่กังวลว่าผู้ตัดสินในอาเซียนนั้นขาดประสบการณ์ และไม่ทันกฎกติกาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ย้ำเตือนนักกีฬาคือต้องเตะให้เด็ดขาด ทิ้งห่างหลายๆคะแนน จะได้ไม่เสียดายถ้าแพ้แค่ 1-2 คะแนนเท่านั้น" ประมุขจอมเตะไทยกล่าว

ส่วนเรื่องของ "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ ที่หลายคนกังวลเรื่องอาการบาดเจ็บนั้น ทางสมาคมฯ ได้พิจารณาแล้วว่าหลังจากซีเกมส์ยังมีเวลาพักก่อนชิงแชมป์โลกราวๆ 15 วัน ซึ่งก็เพียงพอ นอกจากนี้หลายๆ ชาติในอาเซียนก็ได้มีการสอบถามกันว่า พาณิภัค ลงรุ่นไหนจะได้ไม่ลง ดังนั้นคู่แข่งในรุ่นของเทนนิสคงไม่เยอะมาก เตะแค่ 1-2 ครั้งก็ได้เหรียญทองแล้ว บวกกับตัวนักกีฬาเองอยากลงด้วย ดังนั้นจึงสรุปให้ลงแข่งขันซีเกมส์ไป ผศ.พิมล กล่าว

ด้าน "เสี่ยบิ๊ก" ธนฑิตย์ รักตะบุตร เลขาธิการสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้จัดการทีมชุดซีเกมส์ ครั้งที่ 32 เปิดเผยถึงความพร้อมของการแข่งขันเทควันโดซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ในการแข่งขันซีเกมส์รอบนี้ สิ่งที่เห็นคือกัมพูชายังไม่พร้อมมากนัก ทำให้สมาคมตัดสินใจควักเงินส่วนตัวเพื่อสำรองที่พักให้นักกีฬา รวมถึงจ้างรถรับส่งเอง เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักกีฬาไทย เพื่อให้พร้อมที่สุดสำหรับการลงแข่งขัน

"เสี่ยบิ๊ก" เผยอีกว่า สำหรับกระแสข่าวที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียลถึงประเด็นการส่งนักกีฬาชุดดีที่สุดทำศึก นำโดย "เทนนิส" พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ แชมป์โลกและแชมป์โอลิมปิกเกมส์ เหมาะสมและจำเป็นหรือไม่ที่ต้องส่งเข้าร่วมรายการนี้ ในมุมมองของตน ไม่อยากให้แฟนๆไปด้อยค่าการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ แต่อยากให้มองว่าเป็นการแข่งขันที่จะเป็นบันไดในการพัฒนานักกีฬาหน้าใหม่ รวมถึงเป็นแมตช์เตรียมความพร้อมของนักกีฬาหลายๆคน ที่มีคิวจะออกไปทำศึกใหญ่ในช่วงระยะเวลาหลังจากจบศึกซีเกมส์

จากการเปิดเผยของ 2 คีย์แมนสำคัญได้ออกมาตั้งเป้าว่า จาก 15 ทองที่ได้ส่งแข่งขัน โอกาสที่จะคว้า 5 เหรียญทอง เป็นอย่างต่ำ ซึ่งในซีเกมส์ ทุกครั้ง "บิ๊กเอ" พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคม จะตั้งเป้าให้ต่ำไว้ พอถึงวันประลองจริง เหล่าจอมเตะจะช่วยกันโกยทองให้เทควันโดไทย ไม่ต่ำกว่า 6 เหรียญทอง ซึ่งใน "แคมโบเดีย 2023" ก็น่าลุ้นว่าทีมเทควันโดไทย อาจจะทำได้มากถึง 6 เหรียญทอง โดยแบ่งเป็น ต่อสู้ 5 เหรียญทอง และพุมเซ่ 1 เหรียญทอง

กีฬาเทควันโดของไทยแลนด์ มาตราฐานสูงไปไกลระดับโลกแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดแปลก เป้าหมายที่วางไว้ จะช่วยให้ทัพจอมเตะไทย ครองความยิ่งใหญ่ในย่านอาเซียน เหมือนเดิม

เรื่องโดย : สกุลโอ๋


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport