7 ข้อต้องรู้! ซาอุดิอาระเบีย คู่แข่ง ทีมชาติไทย ส่งท้ายรอบแรกเอเชียนคัพ

ผลงานใน เอเชียน คัพ, สไตล์การเล่น, เฮดโค้ช, ทีมชุดปัจจุบัน, นักเตะเด่น, นักเตะน่าจับตามองและเกร็ดน่ารู้เรื่องอื่นๆ 'SIAMSPORT' ขอแนะนำคุณผู้อ่านให้รู้จักกับทีมชาติ 'ซาอุดิอาระเบีย' เพิ่มมากยิ่งขึ้น!!

เอเชียน คัพ 2023 รอบแบ่งกลุ่ม กรุ๊ป เอฟ - ทีมชาติไทย พบซาอุดิอาระเบีย วันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม 2023 เวลา 22.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD36 และ T Sports 7 

[ 1 ] ผลงานใน เอเชียน คัพ

ซาอุดิอาระเบีย คือหนึ่งในไม่กี่ชาติที่ประสบความสำเร็จในถ้วย เอเชียน คัพ มากที่สุด ด้วยผลงานคว้าแชมป์ 3 สมัย และได้อันดับ 2 อีก 3 หน ซึ่งเท่ากับว่าพวกเขาทะลุเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศทั้งหมด 6 ครั้ง เลยทีเดียว

นับตั้งแต่เข้ามาเป็นสมาชิก เอเอฟซี ในปี 1984 (คว้าแชมป์ได้ทันที) ทีมเหยี่ยวมรกตแห่งอาหรับก็ไม่เคยพลาดการมีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปเลยสักครั้ง และนั่นบ่งบอกได้ชัดเจนถึงมาตรฐานการเล่นได้เป็นอย่างดี ซึ่งที่สำคัญ พวกเขาไม่เคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งเลยแม้แต่หนเดียว

อย่างไรก็ตาม ผลงานในระยะหลังของซาอุดิอาระเบีย ค่อนข้างจะตกไปพอสมควร เนื่องจากในปี 2011 และ 2015 ตกรอบแรกทั้งสองครั้ง ส่วนหนล่าสุด 2019 ก็ไปได้ไกลเพียงรอบ 16 ทีม สุดท้ายเท่านั้น

ทว่าจากผลงานอันยอดเยี่ยมใน เวิลด์ คัพ 2022 ที่พลิกล็อกเอาชนะอาร์เจนติน่า ซึ่งเป็นแชมป์โลกในบั้นปลาย บวกกับการที่ลีกภายในประเทศอุดมไปด้วยนักเตะดังมากมาย ส่งผลให้มาตรฐานการเล่นของพวกเขาขยับขึ้นสูงขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งมารั้งอันดับ 5 ของเอเชีย ใน ฟีฟ่า แรงกิ้ง 

[ 2 ] สไตล์การเล่น

ความที่เป็นทีมจากเอเชียตะวันตก สไตล์การเล่นของซาอุดิอาระเบีย จึงเป็นทีมที่เต็มไปด้วยเทคนิค นักเตะแต่ละคนมีทักษะลูกหนังไม่ธรรมดา คือเรียกว่าตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้านั้นเพียบพร้อมไปด้วยสกิลฟุตบอลอันเอกอุ

จุดเด่นของทีมเหยี่ยวมรกตแห่งอาหรับคือแนวรุกที่มีความสามารถเฉพาะตัวสูง ผู้เล่นในแดนบนของพวกเขาลากตะลุยและไปทำประตูได้ด้วยตนเองเกือบทุกราย 

นอกจากนี้ การที่ฟุตบอลในประเทศได้เผชิญหน้ากับบรรดาดาวดังระดับโลกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, ซาดิโอ มาเน่, คาริม เบนเซม่า และอื่นๆ อีกมากมาย มันจึงค่อยๆ ทำให้นักเตะเกมรับของซาอุดิอาระเบีย ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นทีละนิด ซึ่งมันก็ช่วยส่งเสริมให้พวกเขาเป็นทีมที่สมบูรณ์แบบมากกว่าเดิม

[ 3 ] เฮดโค้ช

โรแบร์โต้ มันชินี่ อดีตกองหน้าผู้โด่งดังขออิตาลี และพอผันตัวมาเป็นกุนซือก็ยังมีถ้วยแชมป์มากมายมาประดับบารมี ไล่ตั้งแต่ โคปปา อิตาเลีย (ฟิออเรนติน่า), เซเรีย อา (อินเตอร์ มิลาน), พรีเมียร์ลีก (แมนเชสเตอร์ ซิตี้), เตอร์กิช คัพ (กาลาตาซาราย) และที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการทำทีมชาติบ้านเกิดตนเองเถลิงบัลลังก์ ยูโร 2020

ด้วยโปรไฟล์ที่มี ทำให้เขาคือเฮดโค้ชที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน เอเชียน คัพ 2023 เพราะมีรางวัลการันตีหลายเวที อีกทั้งยังเป็นโทรฟี่ระดับโลกล้วนๆ เสียด้วย

มันชินี่ เข้ามาคุมทัพซาอุดิอาระเบีย เมื่อช่วงสิงหาคม 2023 แต่ผลงานยังไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เพราะเล่นไปทั้งหมด 11 เกม แต่เสมอไป 2 และแพ้ไปถึง 3 เกม ซึ่งเมื่อบวกกับความคาดหวัง มันจึงทำให้แรงกดดันถูกถาโถมเข้าใส่เทรนเนอร์วัย 56 ปี แบบไม่อาจหลีกเลี่ยง

ดังนั้น เอเชียน คัพ 2023 อย่างน้อยๆ เขาก็ต้องนำทัพเหยี่ยวมรกตแห่งอาหรับไปให้ถึงรอบรองชนะเลิศเป็นอย่างน้อย หากผลงานเป็นไปในทางอื่น ถือว่าล้มเหลวมากๆ

[ 4 ] ทีมชุดปัจจุบัน

ขุนพลซาอุดิอาระเบีย ทั้ง 26 คน ที่ โรแบร์โต้ มันชินี่ เรียกตัวมาถือว่าเป็นชุดที่ดีที่สุดของประเทศเลยก็ว่าได้ จะขาดเพียง ฟาฮัด อัล-มูวาลาด ปีกจอมพลิ้ววัย 29 ปี ที่ได้รับบาดเจ็บ จนต้องนั่งดูเพื่อนจากทางบ้าน และผู้รักษาประตูมือหนึ่งอย่าง โมฮาเหม็ด อัล-โอวาอีส เพียง 2 รายเท่านั้น

ส่วนคนอื่นๆ จัดว่าครบครันทุกองค์ประกอบ - ผู้รักษาประตู อาห์เหม็ด อัล-คาวซาร์ จอมหนึบจาก อัล-ฟาญ่า เจ้าของสถิติคลีนชีต 13 เกม ในฤดูกาล 2022-23 ยืนเฝ้าเสา โดยมี อาลี อัล-บูไลฮี, อาลี ลาจามี่ และ ฮัสซัน อัล-ตามบัคตี้ เป็นสามประสานในแนวรับคอยปัดกวาดก่อนบอลจะถึงพื้นที่สุดท้าย

แผงมิดฟิลด์ โมฮาเหม็ด คานโน กับ ซามี่ อัล-นาเจอี เป็นกำลังหลัก พร้อมเสริมด้วย อับดูเลเลาะห์ อัล-มัลคี และ อับดุลเลาะห์ อัล-ไคบาลี่ คอยผลัดเปลี่ยนกันลงสนาม

ส่วนตัวรุกนั้นมีตัวเลือกมากมาย โดยเฉพาะริมเส้นที่นำโดย ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี่ ผู้ทำประตูชัยให้ซาอุดิอาระเบีย เอาชนะอาร์เจนติน่า 2-1 ใน เวิลด์ คัพ 2022 ที่ผ่านมา, อับดุลระห์มาน การี๊บ, อับดุลเลาะห์ ราดิ๊ฟ และ ตาลาล ฮาจิ นักเตะวัย 16 ปี ที่เพิ่งถูกเรียกตัวเข้ามา เนื่องจากมีนักเตะต้องถอน เนื่องจากอาการบาดเจ็บ

ด้วยความที่มีผู้เล่นทักษะสูงมากมาย ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่คู่แข่งต่างก็ต้องอึดอัดด้วยเสมอเมื่อต้องเผชิญ เพราะการจะแย่งบอลจากทีมเหยี่ยวมรกตแห่งอาหรับนั้นทำได้ยากยิ่งนัก และเมื่อใดที่พลาดพลั้ง ก็อาจจะถูกลงโทษได้ทุกวินาทีเช่นกัน

[ 5 ] นักเตะเด่น 

ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี่ ปีกจอมถล่มประตูยังคงรักษามาตรฐานของตนเองได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่า เอเชียน คัพ 2023 จะยังไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ด แต่ถึงกระนั้นจังหวะลากเลื้อยของเขาก็ยังสร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับฝั่งตรงข้ามได้ทุกวินาที

การที่เหยี่ยวทะเลทรายมีแนวรุกหมายเลข 10 คนนี้อยู่ในทีมนั้นส่งผลต่อสภาพจิตใจของคนอื่นๆ ด้วย เนื่องจากหมอนี่เป็นนักเตะที่มีอิทธิพลสูงและสามารถกำหนดสถานการณ์ของเกมได้ด้วยบอลเพียงจังหวะเดียว ดังนั้นนี่คือผู้เล่นที่ทีมชาติไทย ต้องระวังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

[ 6 ] นักเตะน่าจับตามอง 

ไฟราส อัล-บูไรคาน ศูนย์หน้าวัย 23 ปี ที่อาจจะยังไร้สกอร์ในทัวร์นาเมนต์ที่ประเทศกาตาร์ ทว่าหมอนี่คือหนึ่งในตัวอันตรายที่สามารถยิงประตูได้ทุกจังหวะและทุกพื้นที่ในสนาม กับผลงาน 11 ประตู ในซีซั่นปัจจุบัน ซึ่งกลายเป็นนักเตะซาอุดิอาระเบีย ที่อยู่ในท็อปชาร์ตดาวซัลโวของลีก ร่วมกับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (20 ประตู) และ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช (17 ประตู) 

หัวหอกดาวรุ่งคนนี้เคลื่อนที่ได้ดี แถมยังมีสัญชาตญาณของการเป็นเพชฌฆาตอยู่เต็มเปี่ยม ของเพียงได้ง้างเท้าสับไก โอกาสที่บอลจะพุ่งไปสู่ก้นตาข่ายมีสูงมากทีเดียว

[ 7 ] เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย

  • ก่อนหน้านี้ ไทย กับซาอุดิอาระเบีย เคยเจอกันมาทั้งหมด 17 เกม ปรากฏว่าทีมเหยี่ยวมรกตแห่งอาหรับเอาชนะไปได้ 14, เสมอ 1 และแพ้ต่อทัพช้างศึกเพียง 3 หน เท่านั้น
  • ครั้งสุดท้ายที่ไทย เอาชนะซาอุดิอาระเบีย ได้สำเร็จคือเกมกระชับมิตรเมื่อปี 1984 หรือเมื่อ 40 ปี ที่แล้ว โดยครั้งนั้นบุกไปเอาชัยด้วยสกอร์ 3-1
  • ไทย กับซาอุดิอาระเบีย เคยเผชิญหน้ากันใน เอเชียน คัพ 2 หน ซึ่งทัพช้างศึกก็พ่ายไปทั้งสองครั้ง ด้วยสกอร์ 0-4 (1992) และ 0-6 (1996) 
  • ไทย ยิงประตูซาอุดิอาระเบีย ไม่ได้มาแล้ว 15 ปี เพราะหนสุดท้ายที่ทำได้คือเกมกระชับมิตรที่จบลงพร้อมความพ่ายแพ้ไปด้วยสกอร์ 1-2 เมื่อปี 2009 
  • ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (ผู้รักษาประตู) คือนักเตะที่อายุมากที่สุดของไทย ชุดนี้ (39 ปี) ส่วนซาอุดิอาระเบีย ก็เป็น อาลี อัล-บูไลฮี เซนเตอร์ฮาล์ฟ 34 ปี
  • ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และ ธีรศักดิ์ เผยพิมาย สองกองหน้าคือนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของไทย ชุดนี้ (21 ปี) ขณะที่ซาอุดิอาระเบีย นั้นเพิ่งเรียก ตาลาล ฮาจิ ปีกวัยเพียง 16 ปี เข้ามาร่วมทีมก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ได้ไม่นาน โดยมาแทนที่นักเตะที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องถอนตัวไป
  • สุภโชค สารชาติ, ธีราทร บุญมาทัน และ ศุภชัย ใจเด็ด คือดาวซัลโวของฝั่งไทย (7 ประตู) ส่วนทางซาอุดิอาระเบีย นั้นคือ ซาเล็ม อัล-ดอว์ซารี่ แนวรุกวัย 32 ปี ที่กดไปแล้ว 22 ประตู
  • ทีมชาติไทย ชุดนี้มาจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ การท่าเรือ เอฟซี มากที่สุด ด้วยจำนวน 5 คน
  • ขณะที่ซาอุดิอาระเบีย ใช้บริการผู้เล่นจาก อัล-ฮิลาล มากถึง 9 คน
  • ทีมชาติไทย มีนักเตะ 4 ราย ที่ค้าแข้งต่างแดน ได้แก่ นิโคลัส มิคเคลสัน (โอบี โอเดนเซ่, เดนมาร์ก), ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา (โอเอช ลูเวิน, เบลเยียม), เอเลียส ดอเลาะ (บาหลี ยูไนเต็ด, อินโดนีเซีย) และ สุภโชค สารชาติ (คอนซาโดเล่ ซัปโปโร, ญี่ปุ่น)
  • ส่วนฝั่งซาอุดิอาระเบีย ไม่มีผู้เล่นคนใดในทีมชุด เอเชียน คัพ ที่ค้าแข้งนอกประเทศ หากแต่ลีกของพวกเขาเต็มไปด้วยนักเตะชั้นนำของโลกที่ย้ายเข้ามาโลดแล่นในดินแดนแห่งน้ำมันกันแบบหนาตา
  • ธีราทร บุญมาทัน กัปตันทีมชาติไทย จะพลาดการลงสนามในเกมกับซาอุดิอาระเบีย เนื่องจากสะสมใบเหลืองครบ 2 ใบ ขณะที่ทีมเหยี่ยวมรกตแห่งอาหรับนั้นมีเพียง ฮัสซัน ตามบัคตี เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถูกจดชื่อจาก 2 เกมแรกที่ลงสนาม
  • ก่อนการแข่งขัน (สถิติอัปเดตวันพุธที่ 24 มกราคม เวลา 18:00 น.) ซาอุดิอาระเบีย คือทีมที่มีโอกาสยิงประตูมากที่สุดเป็นอันดับ 5 ของทัวร์นาเมนต์ ด้วยจำนวน 40 ครั้ง จาก 2 เกมแรก ซึ่งนักเตะของทีมเหยี่ยวมรกตแห่งอาหรับที่ได้สับไกมากที่สุดเป็น โมฮาเหม็ด คานโน กองกลางที่ลองซัดไกลไปแล้ว 6 ครั้ง
  • นอกจากนี้ซาอุดิอาระเบีย ยังเป็นอันดับ 7 ของทัวร์นาเมนต์ในเรื่องของจำนวนการเตะมุม ด้วยตัวเลข 14 ครั้ง (สถิติอัปเดตวันพุธที่ 24 มกราคม เวลา 18:00 น.)
  • ก่อนการแข่งขัน (สถิติอัปเดตวันพุธที่ 24 มกราคม เวลา 18:00 น.) ไทย มีนักเตะที่เคลียร์บอลได้มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของทัวร์นาเมนต์ นั่นคือ พรรษา เหมวิบูลย์ ที่เคลียร์บอลไปทั้งหมด 18 ครั้ง

ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport