ทีมชาติไทย การันตีลิ่วรอบน็อคเอาท์เอเชียนคัพ หลังญี่ปุ่นชนะอินโดฯ

ผลพวงจากการที่ ญี่ปุ่น เอาชนะ อินโดนีเซีย 3-1 ในเกมนัดสุดท้ายของกลุ่ม ดี ศึกฟุตบอลเอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ เมื่อวันอังคารที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้อินโดนีเซีย ลงสนาม 3 นัด มีแค่ 3 แต้ม ต้องไปลุ้นเกมกลุ่ม เอฟ ให้ โอมาน แพ้หรือเสมอ คีร์กีซสถาน ถึงจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย

แต่จากผลการแข่งขันดังกล่าวส่งผลให้ ทีมชาติไทย การันตีผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์อย่างเป็นทางการ จากการลงเตะ 2 นัด มี 4 แต้ม และลูกได้เสียบวกอยู่ 2 ประตู แม้เหลือเกมลงสนามอีก 1 นัดก็ตาม ทำให้เกมที่จะพบ ซาอุดิอาระเบีย ในวันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคมนี้ "ช้างศึก" ลุ้นเพียงแค่จะจบอันดับ 1, อันดับ 2 หรือเป็นหนึ่งในอันดับ 3 ที่ดีที่สุด 4 ทีมเท่านั้น

โดยเรียลไทม์อันดับที่ 3 จาก 6 กลุ่มตอนนี้เป็น (อันดับ 1) ปาเลสไตน์ 3 นัด มี 4 แต้ม ผลต่าง 0, (อันดับ 2) ซีเรีย 3 นัด มี 4 แต้ม ผลต่าง 0, (อันดับ 3) บาห์เรน 2 นัด มี 3 แต้ม ผลต่าง -1, (อันดับ 4) อินโดนีเซีย 3 นัด มี 3 แต้ม ผลต่าง (-3), (อันดับ 5) จีน 3 นัด มี 2 แต้ม ผลต่าง -1, (อันดับ 6) โอมาน 2 นัด มี 1 แต้ม ผลต่าง -1 

ขณะเดียวกันจากการผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์เอเชียน คัพได้สำเร็จในครั้งนี้ ทำให้เป็นการผ่านเข้ารอบครั้งที่ 3 นับตั้งแต่จัดการแข่งขันขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1956 ของทัพ "ช้างศึก" ต่อจากปี 1972 (มี 6 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน) และครั้งล่าสุดปี 2019 (มี 24 ทีมเข้าร่วมการแข่งขัน)

สำหรับโปรแกรมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม ทีมชาติไทย ทีมอันดับ 113 ของโลก พบกับ ซาอุดิอาระเบีย ทีมอันดับ 56 ของโลก ในวันพฤหัสบดีที่ 25 มกราคม 2567 ที่สนามเอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม เวลา 22.00 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD หมายเลข 36 และช่อง T Sport 7