"พัก ฮัง-ซอ" ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ของช้างศึก

   ชายวัยกลางคนลัดฟ้าจากเกาหลีใต้ เข้ามาเป็นแม่ทัพใหญ่ของทัพดาวทอง ประเทศที่คลั่งไคล้ในกีฬาลูกกลมๆ มากที่สุดชาติหนึ่งในโลก แต่ผลงานของทีมกลับอ้างว้างเหลือเกิน

   ความสำเร็จของเวียดนาม ที่พอจะยิ้มได้หน่อยคือแชมป์ อาเซียน คัพ 2008 เท่านั้น

   กระทั่งการมาของ ฮัง-ซอ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป

   - รองแชมป์ เอเชียน คัพ 2018 รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี

   - อันดับ 4 เอเชียนเกมส์ ปี 2018

   - แชมป์ อาเซียน คัพ 2018

   - เหรียญทอง ซีเกมส์ 2019 และ 2021

   - ผ่านเข้ารอบ 8 ทีม สุดท้าย เอเชียน คัพ 2019

   - ผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบ 3 โซนเอเชีย

   เทรนเนอร์ชาวเกาหลีใต้ เสกให้เวียดนาม ที่เคยเป็นเพียงไม้ประดับสู่การกลายเป็นทีมที่ทุกชาติต้องครั่นคร้าม

   แม้แต่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเบอร์หนึ่งของเอเชีย ก็ยังลำบากไม่น้อย กว่าจะผ่านทัพดาวทองของ ฮัง-ซอ ไปได้

   ก่อนจะผันตัวสู่งานกุนซือ สมัยเป็นนักเตะ เขาเองก็ไม่ได้โด่งดังมากมายนัก เพราะเคยเป็นกัปตันทีมรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี กับติดทีมชาติชุดใหญ่เพียงนัดเดียวเท่านั้น

   หลังแขวนสตั๊ดและอบรมหลักสูตรการเป็นโค้ชสำเร็จ ฮัง-ซอ ก็มีงานคุมเกาหลีใต้ ชุดยู-23 ใน เอเชียนเกมส์ 2002 ตามด้วยเป็นผู้ช่วยของ กุส ฮิดดิ้ง ในทีมชาติชุดใหญ่กับศึก เวิร์ล คัพ ปีเดียวกัน

   ส่วนงานในระดับสโมสร เขาก็มีถ้วยให้เชิดหน้าชูตาหน่อยๆ กับการนำ ซังชู ซังมู ซึ่งเป็นทีมกองทัพ คว้าแชมป์ เคลีก 2 ได้สองสมัย

   ด้วยความที่ยังไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ฮัง-ซอ ยังคงหมกมุ่นอยู่กับงานของตนเองอย่างหนัก

   กระทั่งวันหนึ่ง ชอย ซอง-อา ภรรยาของเขาได้แนะนำให้สามีของตนเองลองไปหาความท้าทายใหม่ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะมี อี ดง-ชุน ซึ่งคนที่คุ้นเคยกับภูมิภาคนี้เป็นอย่างดีคอยดูแล

   ทว่าในทีแรก ฮัง-ซอ ปฏิเสธกลับไป เพราะคิดว่าตนเองไม่เหมาะสมกับอาเซียน เนื่องจากแทบไม่มีความรู้ใดๆ เกี่ยวกับฟุตบอลทางโซนนี้เลย

   แต่สุดท้ายภรรยาของเขาก็เกลี้ยกล่อมให้สามีได้คุยกับ ดง-ชุน จนได้ และความคิดของเทรนเนอร์มาดเข้มก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป

   และวันเวลาที่เวียดนาม กับ ฮัง-ซอ บรรจบกันก็มาถึง ทว่าตอนแรกเขาไม่คิดว่าจะได้เข้ามาคุมทีมชาติชุดใหญ่เลย เนื่องจากอยากจะเริ่มต้นกับสโมสรในประเทศก่อน 

   ด้วยเหตุนี้เขาจึงค่อนข้างวิตกกังวล เพราะมันคืองานใหญ่ที่มาพร้อมความคาดหวังที่สูงลิ่ว แถมตนเองก็เพิ่งออกนอกเกาหลีใต้เป็นหนแรกและยังไม่รู้จักฟุตบอลในภูมิภาคนี้ดีสักเท่าไหร่ด้วย

   เท่านั้นไม่พอ สถิติของโค้ชชาวต่างชาติของเวียดนาม ก็ค่อนข้างแย่ เพราะไม่ค่อยมีใครได้คุมทัพดาวทองระยะยาวสักเท่าไหร่ 

   กระทั่งการได้พูดคุยกับ โดน์ เหงียน ดึ๊ก (ประธานสโมสร ฮอง อันห์ ยา ลาย) บุคคลผู้ทรงอิทธิพลในวงการลูกหนังที่นั่น ก็ทำให้ความตื่นตระหนกของ ฮัง-ซอ ค่อยๆ ลดลงไป

   จนในที่สุดเขาก็เซ็นสัญญาเป็นเฮดโค้ชให้เวียดนาม ในเดือนตุลาคม 2017 พร้อมภารกิจพาทีมกลับสู่ความยิ่งใหญ่ในอาเซียน ให้จงได้

   ผลงานของทัพดาวทองภายใต้การกำกับของ ฮัง-ซอ ดูดีขึ้นแบบผิดหูผิดตาอย่างชัดเจน 

   พวกเขาฉุดไทย ลงจากบัลลังก์ความเป็นเบอร์หนึ่งของอาเซียนได้สำเร็จ แถมยังต่อกรกับชาติใหญ่ๆ ในทวีปได้แบบสูงสี

   ตลอดระยะเวลา 5 ปี ในฐานะกุนซือทีมชาติเวียดนาม เขาทำให้ทัพช้างศึกต้องเหน็ดเหนื่อยแทบทุกครั้ง โดยเฉพาะการคว้าแชมป์ อาเซียน คัพ 2018 ที่ฉีกหน้าไทย อย่างแรง 

   ต่อเนื่องด้วยเหรียญทอง ซีเกมส์ 2019 กับ 2021 ที่ชนะทีมช้างศึกได้ทั้งสองเกมในนัดชิงชนะเลิศ

   แม้สไตล์การเล่นของเวียดนาม จะไม่ใช่ฟุตบอลที่สวยงามนัก แต่มันทรงประสิทธิภาพและได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ 

   ประชาชนบนดินแดนสกุลเหงียนต่างชื่นชมและเทิดทูน ฮัง-ซอ ในฐานะวีรบุรุษผู้มอบความสุขให้คนทั้งประเทศ

   ผลพวงจากความสำเร็จที่กุนซือวัย 65 ปี สร้างไว้ มีรายงานว่าชาวเวียดนาม 3.4 ล้านคน เดินทางไปเที่ยวเกาหลีใต้ กันอย่างเนืองแน่น ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว

  

   เท่านั้นไม่พอ ในครั้งที่ มุน แช-อิน รั้งตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เขายังปลดล็อกวีซ่าเข้าประเทศให้กับประชาชนคนเวียดนาม ถึง 5 ปี อีกต่างหาก

   เอฟเฟกต์ของ ฮัง-ซอ ยังต่อเนื่องไปถึงการติดท็อป 10 ของ 'ผู้ทรงอิทธิพล' ของเกาหลีใต้ เคียงข้างศิลปินระดับโลกเลยทีเดียว

   "ในวันข้างหน้า ผมคงจะคิดถึงพวกคุณมากๆ ผมจะจดจำช่วงเวลาที่เราร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ตลอดไป หัวใจของผมจะมีความทรงจำที่ดีกับทุกคน" กุนซือจากแดนโสมขาวกล่าวหลังคุมทีมชาติเวียดนาม เป็นเกมสุดท้าย ซึ่งแพ้พ่ายต่อไทย ไปในนัดชิงชนะเลิศ อาเซียน คัพ 2022

   แม้ว่าความเกรี้ยวกราดของเขาจะไม่เป็นที่ถูกใจใครและใครหลายๆ คน

   แม้ว่าคำพูดของเขาจะเสียดแทงและดูโอหังในบางที

   แม้ว่าท่าทางของเขาจะทำให้ฝั่งตรงข้ามต้องหมั่นไส้ในบางคราว

   แต่ทั้งหมดนี้ ฮัง-ซอ ทำเพื่อให้หน้าที่รับผิดชอบของตนเองออกมาดีที่สุด

   เขาเป็นเฮดโค้ชลูกผู้ชายตัวจริง กล้าที่จะยืดอกรับผิดชอบเมื่อรู้ว่าตนเองเป็นฝ่ายไม่ถูกต้อง

   เขาเป็นเฮดโค้ชที่เป็นแบบอย่างแห่งความอุตสาหะและพยายาม

   เขาคือเฮดโค้ชที่แฟนๆ ชาวไทยทั้งรัก-ทั้งเกลียดในเวลาเดียวกัน

   ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ของช้างศึก...พัก ฮัง-ซอ


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport