"มาริโอ"รับเสียดายเมืองทองฯร่วงรีโว่คัพยันไม่โทษใครขอโฟกัสเกมลีกต่อ

โค้ชมาริโอ ยูรอฟกี้ กุนซือใหญ่ "กิเลนผยอง" รับเสียดายที่ทีมไม่ได้ไปต่อในศึกบอลถ้วยรีโว่คัพ ชี้นักเตะทุกคนทำเต็มที่แล้ว ไม่ขอโทษใครจากนี้จะขอมุ่งมั่นเพื่อเก็บแต้มในเกมลีกต่อไป ขอบคุณแฟนบอลที่สนับสนุนทีมด้วยดี

   มาริโอ ยูรอฟสกี้ กุนซือ เมืองทอง ยูไนเต็ด ออกมาให้สัมภาษณ์หลังพาทีมเปิดบ้านแพ้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-2 ในศึกฟุตบอลถ้วย "รีโว่ คัพ 2022-23" รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่สนามธันเดอร์ โดม สเตเดี้ยม เมื่อวันพุธที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา

    เฮดโค้ช "กิเลนผยอง" เผยว่า "ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับบุรีรัมย์ ที่เอาชนะเราได้และผ่านเข้าสู่รอบต่อไป ตอนก่อนเริ่มเกม 15-30 นาที เรามีปัญหาเล็กน้อย เพราะซาร์ดอร์ มีอาการบาดเจ็บทำให้เราต้องเปลี่ยนแปลง ต้องส่ง คคนะ ลงมาเล่นแทน และเป็น 45 นาที ที่ผมไม่ค่อยชอบ แต่ไม่โทษใคร ส่วน คคนะ เขายังเด็ก เขาพยายามอย่างที่สุดแล้ว"

    "ก่อนเริ่มเกมก็ได้มีการเตือนนักเตะว่า บุรีรัมย์ ชอบจังหวะฉวยโอกาสเล่นเร็ว และเกิดความผิดพลาด เหม่อจนเสียประตู รู้สึกผิดหวัง แต่ว่าจริงๆ ส่วนตัวผมมองว่าจริงๆ เมืองทองฯต้องเสียประตู 1-0 ก่อน ถึงจะได้รู้สึกตื่นขึ้นมาและเข้าสู่เกม เกมในสนามอย่างที่เห็นบุรีรัมย์ เป็นอันดับ 1 ในลีก พวกเขาทำผลงานได้ดี แต่ก็ไม่สบายใจกับผลงานที่ออกมา"

    "หลังจากเสียประตูไป ลูกทีมของผมกลับมาเล่นได้ดี พอสมควร และกลับมาตีเสมอ จากจุดโทษ หลังจากตีเสมอ เรามีเวลาประมาณ 5-6 นาที แต่ก็มาพลาดเสียประตูในช่วงท้ายเกม ผลงานของผมจะบอกว่าเจอ บุรีรัมย์ แล้วทำได้ไม่ดีต้องแก้ไข เพราะที่ผ่านมาก็เสมอมา 2 นัดสร้างปัญหาให้บุรีรัมย์มาต่อเนื่องในทุกเกม เกมนี้เราก็สู้ไปจนถึงนาทีที่ 88 และสร้างปัญหาได้ตลอด ถ้าเทียบนักเตะแล้ว นักเตะต่างชาติบุรีรัมย์ ที่เล่นเกมรุก 5-6 คน คุณภาพสูงทั้งหมดต้องยอมรับตรงจุดนี้"

    เทรนเนอร์วัย 37 ปี กล่าวทิ้งท้ายว่า "สุดท้ายก็ขอขอบคุณแฟนบอลที่มาให้กำลังใจ สร้างบรรยากาศที่สวยงามในเกมนี้ ต้องขอโทษ ที่ไม่สามารถทำสกอร์หรือผลงานที่มีความสุขให้แฟนบอลได้นำกลับไปบ้าน จากนี้เราจะหันไปโฟกัสในเกมต่อไปในลีก ที่จะพบกับ โคราช ในบ้าน"


    สำหรับเมืองทอง ยูไนเต็ด จะกลับมาเล่นในศึกไทยลีก 2022-23 นัดที่ 17 เปิดบ้านรับมือ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ที่สนามธันเดอร์ โดม สเตเดี้ยม ในวันเสาร์ที่ 28 ม.ค.66 เวลา 18.30 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง AIS PLAY


ที่มาของภาพ : siamsport
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport