5 เหตุผล ทำไมจึงไม่ควรพลาดศึก เมืองทอง - บุรีรัมย์

5 เหตุผล ทำไมจึงไม่ควรพลาดศึก เมืองทอง - บุรีรัมย์
เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คือ 2 สโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองไทย กับความสำเร็จที่คู่คี่สูสีกันมายาวนาน และการโคจรมาพบกันอีกครั้งในรอบ 16 ทีม สุดท้ายของ รีโว่ ลีก คัพ 2022-23 ที่กำลังจะระเบิดศึกในวันพุธที่ 25 มกราคมนี้จะมีอะไรน่าสนใจบ้าง 'SIAMSPORT' จึงอยากจะแชร์ให้คุณได้อ่านกัน!!

[ 1 ] ศึกแห่งศักดิ์ศรีที่เป็นมากกว่าเกมกีฬา

   ขึ้นชื่อว่า เมืองทอง กับ บุรีรัมย์ ไม่ว่าที่ไหนและเมื่อไร ทั้งสองฝั่งต่างพร้อมที่จะใส่กันเกินร้อยเสมอ

   เหตุผลหลักนั่นคือการที่กิเลนผยองและปราสาทสายฟ้าคือคู่ปรับที่ฟาดฟันกันล่าแชมป์มานับสิบปี

   เอาเฉพาะแชมป์ลีก บุรีรัมย์ ฟาดไปทั้งหมด 8 ครั้ง ขณะที่ เมืองทอง ได้มา 4 สมัย ซึ่งถือเป็น 2 ทีมที่ได้สัมผัสถ้วยใบนี้มากที่สุดในสยามประเทศ

   แม้ว่าระยะหลังกิเลนผยองจะร้างราความสำเร็จไปพอสมควร แต่พวกเขาก็ยังคงเป็นสโมสรใหญ่ที่ไม่มีใครประมาทเป็นอันขาด 

   นอกจากเรื่องในสนามที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีทีท่าจะลดราวาศอกกันเลย นอกสนามก็เป็นศึกที่ทั้ง 2 ฝั่ง มักจะมีอะไรให้ติดตามอยู่เสมอ 

   ไล่ตั้งแต่ประโยคเด็ดของ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร บุรีรัมย์ ที่เอ่ยว่า "แพ้ใครแพ้ได้ แต่ไม่แพ้ เมืองทอง" ก็เป็นอีกหนึ่งวลีสุดคลาสสิกที่เป็นอมตะในวงการลูกหนังไทย จนถึงปัจจุบัน

   บรรยากาศของกองเชียร์ของทั้งสองทีมก็เป็นอีกสีสันหนึ่งที่น่าสนใจ เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน 

   เมืองทอง ขึ้นชื่อเรื่องวัฒนธรรมการเชียร์ที่เป็นกลุ่มก้อนมาแสนนาน พวกเขาคือสโมสรต้นๆ ที่มีแฟนฟุตบอลรวมตัวกันเพื่อให้กำลังใจนักเตะแบบชิดติดขอบสนาม ไม่ว่าจะไปไกลเพียงใด ก็จะมีสาวกกิเลนผยองเดินทางไปตะโกนเรียกชื่อผู้เล่นอยู่เสมอ

   เช่นเดียวกับ บุรีรัมย์ ที่อาจจะใหม่กว่า แต่ด้วยความสำเร็จที่สั่งสม ส่งผลให้ฐานแฟนคลับของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ 

   แม้ว่าสไตล์การเชียร์จะแตกต่างกันออกไป แต่ต้องยอมรับว่า 'กองเชียร์' คือเสน่ห์ที่ทำให้ฟุตบอลน่าชมมากขึ้น ไม่เพียงแต่นักเตะที่จะฮึกเหิมไปกับพลังที่ได้รับ หากแต่มันยังทำให้ผู้คนต่างก็อยากเข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศในสนามแข่งขันด้วยตัวเอง

[ 2 ] ธีราทร และการต้อนรับของแฟนๆ 

   ธีราทร บุญมาทัน หนึ่งในนักฟุตบอลที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติไทย กับความสำเร็จในประเทศและรวมไปถึงแชมป์ เจลีก 2019 ร่วมกับ โยโกฮามะ มะรินอส ที่ญี่ปุ่น

   จริงๆ แล้วในช่วงเริ่มต้นอาชีพค้าแข้ง เขาเกือบที่จะได้เป็นผู้เล่นของ เมืองทอง อยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุเล็กๆ น้อยๆ ทำให้เจ้าตัวไปลงเอยกับ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ภายหลังถูก บุรีรัมย์ เทกโอเวอร์ จนทำให้ ธีราทร กลายเป็นเจ้าชายสายฟ้าในเวลาต่อมา

   กระทั่งปี 2016 ที่ชื่อของเขาสร้างความตื่นตะลึงไปทั่วทั้งประเทศเมื่อย้ายจาก บุรีรัมย์ มาเล่นให้ เมืองทอง ท่ามกลางความประหลาดใจว่าเหตุไฉนจึงตัดสินใจข้ามฟากมาโลดแล่นกับคู่แข่งตัวฉกาจอย่างกิเลนผยอง

   เท่านั้นไม่พอ ในวันที่พา เมืองทอง เอาชนะปราสาทสายฟ้าได้ - ธีราทร ยังระเบิดอารมณ์และพูดผ่านไมค์ว่า "สะใจ" จนกลายเป็นอีกประโยคเด็ดอีกต่างหาก 

   วันเวลาผันผ่าน เขาย้ายไปประสบความสำเร็จที่ญี่ปุ่น ก่อนจะกลับมาอยู่กับ บุรีรัมย์ อีกครั้ง และก็ยังพาทีมพุ่งชนแชมป์เช่นเคย

   เมื่อฤดูกาล 2021-22 ที่ ธีราทร กลับมาเยือน ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม อีกครั้ง เขาได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากกองเชียร์ เมืองทอง ที่ตะโกนเรียกชื่อเขาแบบที่คุ้นเคยว่า "เฮียอุ้ม" ที่อาจจะหยาบคายไปบ้าง แต่เจ้าตัวก็รู้เจตนาดี เพราะเขาเองก็โค้งคำนับแฟนๆ กิเลนผยองด้วยรอยยิ้ม

   ไม่มีใครกล้าปฏิเสธถึงความเก่งกาจของผู้เล่นวัย 32 ปี คนนี้ เขาได้ถ้วย ไทยลีก ร่วมกับ บุรีรัมย์ และ เมืองทอง รวมกันถึง 5 ครั้ง ซึ่งการกลับมาสนามที่ตนเองเคยประสบความสำเร็จจะเป็นเช่นไร เป็นเรื่องที่น่าติดตามจริงๆ

[ 3 ] มาริโอเวย์ฟัดอิชิอิสไตล์

   นับตั้งแต่ มาริโอ ยูรอฟสกี้ เข้ามานั่งตำแหน่งเฮดโค้ชของ เมืองทอง ในช่วงปลายปี 2020 เขาก็ค่อยๆ ปรับสไตล์ของกิเลนผยองให้เป็นทีมที่เล่นฟุตบอลกับพื้นเป็นหลัก โดยเน้นการสร้างเกมตั้งแต่แดนหลัง 

   การเล่นในลักษณะนี้สุ่มเสี่ยงที่จะโดนคู่ต่อสู้ลงโทษ เพราะถ้าพลาดเพียงเล็กน้อย มันส่งผลถึงการเสียประตูได้ทันที

   ทว่าเทรนเนอร์ชาวมาซิโดเนีย ก็ยังเชื่อมั่นในแท็กติกที่เขาชื่นชอบ และนั่นเป็นที่มาของคำว่า 'มาริโอ เวย์' ที่เล่นฟุตบอลอย่างสวยงาม สร้างความเพลิดเพลินให้กับแฟนฟุตบอลที่ได้ชมเกมการแข่งขัน

   ขณะเดียวกัน มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือชาวญี่ปุ่น ที่การันตีคุณภาพกับการนำ คาชิมะ แอนท์เลอร์ส คว้าแชมป์ เจลีก มาแล้ว อีกทั้งยังเคยนำทัพกวางเขาเหล็กทะยานสู่รอบชิงชนะเลิศ ฟีฟ่า คลับ เวิร์ล คัพ 2016 ได้เป็นทีมแรกของเอเชีย 

   โดยเกมชิงดำ เขานำทีมสู้กับ เรอัล มาดริด ที่ห้วงเวลานั้นมีสตาร์ดังอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คาริม เบนเซม่า, ลูก้า โมดริช, โทนี่ โครส, คาเซมิโร่, เซร์คิโอ รามอส, มาร์เชโล่ และอีกมากมาย ได้อย่างสูสี ก่อนจะแพ้ไปในช่วงต่อเวลาพิเศษ

   พอย้ายมาคุม สมุทรปราการ ซิตี้ - อิชิอิ ก็ปลุกปั้นเขี้ยวสมุทรจนกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่ง อีกทั้งยังสร้างนักเตะหลายๆ รายสู่ทีมชาติไทย ไม่ว่าจะเป็น เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, จักพัน ไพรสุวรรณ, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และ ศุภนันท์ บุรีรัตน์ 

   กุนซือวัย 55 ปี เข้ามาสานงานต่อจาก อเล็กซานเดร กามา ในช่วงครึ่งทางของซีซั่น 2021-22 ซึ่งก็พาทีมไปถึงเป้าหมาย นั่นคือการคว้าแชมป์ได้ทุกถ้วยในประเทศไทย

   อิชิอิ เป็นโค้ชที่มีแท็กติกหลายหลาก เขาสามารถปรับตัวตามทรัพยากรนักเตะที่มี ซึ่งด้วยขุมกำลังของ บุรีรัมย์ ชุดปัจจุบันนั้นมีผู้เล่นรูปร่างใหญ่อยู่หลายราย บวกกับการที่ ธีราทร บุญมาทัน ซึ่งเป็นคีย์แมนของทีมนั้นเป็นคนที่เปิดป้อนได้แม่นยำ ทำให้เขามักจะใช้ฟุตบอลไดเร็กต์จู่โจมคู่ต่อสู้

   ดังนั้นการเผชิญหน้ากันระหว่าง เมืองทอง กับ บุรีรัมย์ จึงเป็นเหมือนการห้ำหั่นของฟุตบอลสไตล์ที่แตกต่างกันนั่นเอง   

[ 4 ] ชมฟอร์มแข้งใหม่ของ 2 ทีม

   ในช่วงตลาดซื้อ-ขายผู้เล่นก่อนเปิดเลกที่สอง ทั้ง เมืองทอง และ บุรีรัมย์ ต่างก็เดินหน้าคว้านักเตะใหม่เข้าสู่ทีมกันพอสมควร

   เริ่มจากกิเลนผยองที่ได้ เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ (บีจี ปทุม ยูไนเต็ด), กานต์นรินทร์ ถาวรศักดิ์ (การท่าเรือ เอฟซี), วิลเลียน พ็อพพ์ (ชาเปโคเอนเซ่, บราซิล), กฤษณ์พรหม บุญสาร (ขอนแก่น ยูไนเต็ด), ปฏิวัติ คำไหม (แบงค็อก ยูไนเต็ด) และ คคนะ คำยก (อัสสัมชัญ ยูไนเต็ด) เข้ามา

   ใน 6 คนนี้ มีความน่าสนใจแตกต่างกันออกไป ไล่ตั้งแต่ เจริญศักดิ์ นักเตะที่อยู่ในลิสต์จะย้ายไปเล่นในญี่ปุ่น แต่ไปโดนดองที่ บีจี ปทุม กระทั่งถูกปล่อยมา เมืองทอง ซึ่งต้องรอดูว่าเขาจะไปได้สวยกับต้นสังกัดใหม่มากเพียงใด

   พ็อพพ์ คีย์แมนสำคัญของ มาริโอ ยูรอฟสกี้ ที่หมดสัญญาหลังจบซีซั่น 2021-22 และพอไม่มีเขา แนวรุกกิเลนผยองดูฝืดเคืองขึ้นทันที แต่ในเมื่อฮีโร่คนนี้กลับมาแล้ว ทิศทางของทีมจะเป็นเช่นไรต่อ

   กฤษณ์พรหม จะตอบโจทย์ในเรื่องของแบ็กซ้ายได้หรือไม่, ปฏิวัติ ที่ไม่ได้ลงเฝ้าเสาเลยที่ แบงค็อก จะกลับมาเหนียวหนึบแบบตอนเล่นอยู่กับ สมุทรปราการ หรือเปล่า และ คคนะ ดาวรุ่งวัย 18 ปี ที่โค้ชชาวมาซิโดเนีย ทึ่งในฝีเท้า จนส่งลงเป็นตัวจริงในเกมบุกถล่ม ลำปาง เอฟซี มาแล้ว จะเฉิดฉายต่อหน้าแฟนๆ ของตัวเองที่ ธันเดอร์โดม สเตเดี้ยม ได้ไหม

   ขณะที่ บุรีรัมย์ ที่อาจจะปล่อยอาวุธหนักออกไปเพียบ ไล่ตั้งแต่ อ่อง ตู (ลำพูน วอร์ริเออร์ส), อายุบ มาซิก้า และ แฟร้งค์ คาสตาเญด้า ที่แยกทางกัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ได้ ฮาริส วุชคิช (ริเยกา, โครเอเชีย), ดิออน คูลส์ (ยาโบลเนช, เช็ก) รวมไปถึง ฟิลิป โรกิช (ซิริอุส, สวีเดน) เข้ามาแทนที่

   ในรายของ วุชคิช นั้นมาพร้อมความสูง 1.91 เมตร ซึ่งตอบโจทย์แท็กติกที่พวกเขาใช้งานได้เป็นอย่างดี เคยเล่นกับ นิวคาสเซิ่ล (อังกฤษ), เรนเจอร์ส (สกอตแลนด์), ทเวนเต้ (เนเธอร์แลนด์ส) และ เรอัล ซาราโกซ่า (สเปน) มาแล้ว แถมยังพกดีกรีทีมชาติสโลวีเนีย ชุดใหญ่มาด้วย

   คูลส์ แข้งเชื้อสายเบลเยียม-มาเลเซีย ผู้สารพัดประโยชน์ที่เล่นได้หลากหลายตำแหน่งในแนวรับ และเคยติดทัพปีศาจแดงแห่งยุโรป ชุดเยาวชนมาแล้วกว่า 28 เกม แถมยังได้โควตาอาเซียน อีกต่างหาก

   ปิดท้ายที่ โรกิช กองกลางชาวสวีเดน ที่อาจจะไม่ได้โปรไฟล์หรูเท่า 2 คนก่อนหน้า แต่ประสบการณ์อันโชกโชนในลีกบ้านเกิดน่าจะทำให้เขาสร้างความแปลกใหม่ใน ไทยลีก ได้ไม่ยาก

   ทั้งหมดนี้ใครจะเปรี้ยงปร้างกับต้อนสังกัดใหม่ ทุกคำตอบรอคุณอยู่ในอีก 90 นาที ข้างหน้านี้

[ 5 ] ทีมชาติปะทะทีมชาติ

   เมืองทอง กับ บุรีรัมย์ คือ 2 สโมสรที่มีแฟนฟุตบอลติดตามมากที่สุดในประเทศไทย หลักฐานชั้นดีคือยอดผู้กดไลค์ในเฟซบุ๊กของทั้งคู่รวมกันอยู่ในระดับ 4 ล้าน กว่าๆ เลยทีเดียว

   เท่านั้นไม่พอ ทั้งสองทีมยังอุดมไปด้วยนักเตะทีมชาติไทย ฝั่งกิเลนผยองนำโดย วีระเทพ ป้อมพันธุ์, เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์, เอกนิษฐ์ ปัญญา, ปรเมศย์ อาจวิไล ที่เพิ่งได้แชมป์ อาเซียน คัพ 2022 มาหมาดๆ 

   นอกจากนี้ยังมี พิชา อุทรา, ปฏิวัติ คำไหม, สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ ที่อยู่ในลิสต์ช้างศึกเสมอ ไม่นับรวม กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ที่ยังพักรักษาอาการบาดเจ็บอยู่

   ขณะที่ปราสาทสายฟ้านั้นแน่นเอี๊ยด ชุดแชมป์อาเซียน มี ธราทร บุญมาทัน, พรรษา เหมวิบูลย์, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี และ ศศลักษณ์ ไหประโคน

   ทว่าคนอื่นๆ ที่อาจจะไม่ติดทีมชาติชุดล่าสุด แต่ก็ถือเป็นขาประจำของทัพช้างศึก ไล่ตั้งแต่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, ศุภชัย ใจเด็ด

และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา 

   ดังนั้นการพบกันของ เมืองทอง กับ บุรีรัมย์ มันก็เหมือนการเผชิญหน้าของผู้เล่นทีมชาตินั่นเอง ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมการันตีถึงคุณภาพฟุตบอลที่คุณจะได้ชมเกมแบบเต็มอรรถรสกลับไปแน่นอน


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport