เปิดทางเลือก ลิเวอร์พูล แทน โม ซาลาห์ ช่วงลุยศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ

ตอนนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องวางแผนเฉพาะหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาจากการที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะไม่อยู่ช่วย ลิเวอร์พูล ชั่วคราวประมาณ 1 เดือนกว่าๆ เนื่องจากต้องเดินทางไปรับใช้ทีมชาติอียิปต์ ในศึกแอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ช่วงต้นเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้

แน่นอนว่าการขาด โม ซาลาห์ ส่งผลกระทบกับ "หงส์แดง" ในเรื่องการทำประตู เพราะผลงานของเขามีส่วนสำคัญกับฟอร์มที่ยอดเยี่ยมของทีม โดยเฉพาะในฤดูกาลนี้เจ้าตัวซัดไปแล้ว 14 ประตูกับ 8 แอสซิสต์ ในเกมลีกสูงสุดเมืองผู้ดี

แล้วในช่วงที่ ซาลาห์ ไม่อยู่ ลิเวอร์พูล มีเกมสำคัญหลายแมตช์ทั้งในฟุตบอลถ้วยในประเทศ และเกมพรีเมียร์ลีก ประเดิมด้วยการไปเยือน อาร์เซน่อล ในศึกเอฟเอ คัพ สุดสัปดาห์นี้ จากนั้นพบ ฟูแล่ม รอบตัดเชือก คาราบาว คัพ นัดแรก ตามด้วยเกมลีกพบ บอร์นมัธ ที่ไวตาลิตี้ สเตเดี้ยม จากนั้นก็ปะทะ ฟูแล่ม นัด 2 ศึกถ้วยใบเล็กเมืองผู้ดี

ในกรณีที่ อียิปต์ ทะลุรอบรองชนะเลิศ เกมชิงแชมป์ทวีปแอฟริกา นั่นจะทำให้ สตาร์วัย 32 ปี จะไม่สามารถกลับมาช่วย "เดอะ เร้ดส์" ในแมตช์สุดสำคัญนั่นก็คือการพบกับ เชลซี และ อาร์เซน่อล ในลีก 

ด้วยเหตุนี้ทำให้ คล็อปป์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหาคนทำหน้าที่แนวรุกทางฝั่งขวา ซึ่งจะต้องมีศักยภาพมากพอที่จะแบกรับภาระสำคัญนี้ ก่อนที่ "บังโม" จะกลับมาช่วยทีม

ดาร์วิน นูนเญซ

ซาลาห์ กับ นูนเญซ ถือว่าเล่นกันได้เข้าขาในฤดูกาลนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ ดาวยิงชาวอุรุกวัย ยังมีปัญหานั่นก็คือฟอร์มการเล่นที่ไม่คงเส้นคงวา เพราะบางครั้งบทจะสร้างผลงานสุดยอดก็เก่งเกินห้ามใจ แต่บทจะฟอร์มหลุดก็น่าผิดหวังสิ้นดี

หนึ่งในเหตุผลที่สาวก "เดอะ ค็อป" ไม่ค่อยไว้วางใจในตัว นูนเญซ ก็คือจังหวะการยิงประตูของเขาที่ยังขาดความเฉียบคม จากสถิติระบุว่าทุกๆ 10 ครั้งที่เขายิงจะเข้าเป้าเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น 

"น้องนูน" ใช้ "โอกาสสำคัญ" ไปแล้ว 18 ครั้งในฤดูกาลนี้ ซึ่งมากกว่านักเตะคนอื่นๆ ในลีกสูงสุดของอังกฤษ จะว่าไปแล้ว เออร์ลิง ฮาลันด์ อยู่อันดับ 2 เนื่องจากพลาดโอกาสสำคัญไป 17 ครั้ง แต่ หัวหอกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังยิงในลีกไปถึง 14 ประตู ขณะที่ อดีตสตาร์ เบนฟิก้า ยิงได้แค่ 5 ลูกเท่านั้นซึ่งถือว่ายังไม่ดีพอสำหรับหน้าเป้า

ในกรณีที่ ดีโอโก้ โชต้า และ โคดี้ กัคโป กลับมาฟิตและยิงประตูได้อีกครั้ง นั่นทำให้ นูนเญซ ต้องรีดฟอร์มเก่งและยิงประตูให้ได้อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่เพื่อช่วยรองรับกรณี ซาลาห์ ไม่อยู่ แต่เพื่อตัวเขาที่จะได้ลงเล่นตัวจริงด้วย 

ดีโอโก้ โชต้า

 การกลับมาฟิตสมบูรณ์ของ โชต้า ถือเป็นข่าวดีสำหรับ ลิเวอร์พูล อย่างมาก เพราะนี่คือหนึ่งในตัวจบสกอร์ที่มีประสิทธิภาพ และสมบูรณ์แบบที่สุด โดยเฉพาะการเล่นลูกกลางอากาศทั้งๆ ที่รูปร่างเล็ก แน่นอนว่าเขามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งกับทีมนับตั้งแต่ที่หายเจ็บกล้ามเนื้อกลับมา

สตาร์ชาวโปรตุกีส อยู่ในสนามเพียงแค่ 6 นาทีในเกมพบ เบิร์นลี่ย์ แต่สามารถยิงประตูให้ทีมขึ้นนำ 2-0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากนั้นในแมตช์กับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด เขาลงเป็นตัวสำรอง และทำแอสซิสต์ให้ เคอร์ติส โจนส์ และจากนั้นก็เรียกจุดโทษให้ทีม ก่อนที่ โม ซาลาห์ จะตะบันประตูตอกฝาโลงชนะด้วยสกอร์ 4-2 

โชต้า ถือเป็นนักเตะที่มีความหลากหลายอย่างมาก และแน่นอนว่าความเก่งกาจของเขาจะมีค่ามากๆ กับสโมสรในช่วงหลายๆ สัปดาห์ หรืออาจจะหลายเดือนข้างหน้านี้  เพราะเขาสามารถเล่นได้หมดในตำแหน่งแนวรุก 

ถ้าหาก ลิเวอร์พูล ยังสามารถรักษาโอกาสในการลุ้นแชมป์ลีกต่อไปในช่วงระหว่างที่ "คิง ออฟ อียิปต์" ไม่ได้อยู่ช่วยทีม หนึ่งในเหตุผลหลักอาจเป็นเพราะความยอดเยี่ยมของ โชต้า ก็ได้ 

โคดี้ กัคโป

จังหวะการจบสกอร์ของ กัคโป ในเกมชนะ นิวคาสเซิ่ล ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อใจสำหรับนักเตะอย่างแท้จริง เพราะมันมีความหมายกับ ดาวยิงทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เนื่องจากประตูก่อนหน้านี้ที่เขาทำได้ในพรีเมียร์ลีก เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นเขาบาดเจ็บที่หัวเข่ายิงประตูในแมตช์กับ สเปอร์ส 

แม้ว่า ดาวเตะชาวดัตช์ จะหายเจ็บกลับมาแต่ฟอร์มไม่เหมือนเดิม ขณะเดียวกัน คล็อปป์ ก็มักจะใช้งานเจ้าตัวไปเยือนในแดนกลางเพื่อเพิ่มมิติในเกมรุกให้กับ "หงส์แดง" ซึ่งเจ้าตัวก็ทำผลงานได้ดีเช่นกัน

เช่นเดียวกับ โชต้า เพราะ กัคโป เป็นนักเตะที่มีความสามารถหลากหลายซึ่งมีหลายแมตช์ที่เขาถูกจับลงมายืนในแผงมิดฟิลด์ในฤดูกาลนี้ ดังนั้น นายใหญ่ชาวเยอรมัน จึงมีออปชั่นในการวางแท็กติกมากขึ้นจากพรสวรรค์ของ สตาร์วัย 24 ปี

ยิ่งไปกว่านั้นการที่ นูนเญซ ยังไม่สามารถไว้วางใจในเรื่องการจบสกอร์ได้มากนัก งานนี้ถือเป็นโอกาสทองที่ กัคโป จะได้พิสูจน์ตัวเองให้ คล็อปป์ ได้เห็นว่าเขาคือทางเลือกในการแนวรุกที่ดีที่สุด 

ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์

ได้เวลาที่ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ จะเปลี่ยนบทบาทจากซูเปอร์ซับไปสู่การเป็นตัวจริงของทีมหรือยัง ? แม้ว่า ดาวเตะชาวอังกฤษ วัย 20 ปี ยังมีหนทางอีกยาวไกลที่ต้องพิสูจน์ตัวเอง แต่แน่นอนว่าตอนนี้ถึงเวลาที่เขาจะได้โชว์ทีเด็ดแบบเต็มตัวซะที

มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี มีโอกาสได้ลงเล่นอย่างสม่ำเสมอนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลนี้ ที่สำคัญนักเตะโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจมากๆ ในช่วงหลายๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งจังหวะยิงประตูชัยช่วงทดเจ็บในเกมลีกชนะ คริสตัล พาเลซ และฟอร์มที่น่าตื่นตาตื่นใจแมตช์ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ศึกคาราบาว คัพ 

บางแมตช์ เอลเลียตต์ ถูกจับลงสนามในตำแหน่งแนวรุกฝั่งขวาแทน ซาลาห์ และสร้างผลงานดีมีคุณภาพทั้งตอนที่มีบอลและไม่มีบอล การเปิดบอลริมเส้นที่อันตรายหลายครั้ง ขณะเดียวกันยังมีส่วนช่วยเล่นเกมรับด้วย 

ในตอนนี้ เอลเลียตต์ อาจจะยังไม่ได้มีฟอร์มการยิงประตูที่เฉียบคมเหมือน "บังโม" แต่ทักษะและการเปิดบอลริมเส้นถือว่ายอดเยี่ยม กระนั้นบางทีสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นจากมุมมองของ คล็อปป์ นั่นก็คือความเชี่ยวชาญในการแย่งบอลคืน ดังนั้น เอลเลียตต์ อาจมีบทบาทสำคัญในช่วงที่ ซาลาห์ ไม่อยู่ก็ได้ 

โดมินิค โซโบซไล

โซโบซไล มีอิทธิพลกับเกมของ ลิเวอร์พูล อย่างยิ่งนับตั้งแต่ที่เขาย้ายมาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ช่วงซัมเมอร์ล่าสุด โดยเจ้าตัวโชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่น และเป็นผู้เล่นที่เต็มไปด้วยพละกำลังรวมทั้งมีความแข็งแกร่ง ที่สำคัญยังปรับตัวกับการเล่นในลีกอังกฤษได้อย่างรวดเร็ว

กัปตันทีมชาติฮังการี มีศักยภาพที่หลากหลายโดยสามารถที่จะขยับไปยืนตำแหน่งแนวรุกริมเส้นก็ได้ แต่ข้อเสียของเขาก็คือไม่ได้มีความรวดเร็วเหมือนกับแนวรุกคนอื่นๆ ของ "เดอะ เร้ดส์" 

อย่างไรก็ตามผลงานของ โซโบซไล ถือว่าโดดเด่นมากๆ โดยเฉพาะในตำแหน่งกองกลาง แต่กระนั้นเจ้าตัวดันมาได้รับบาดเจ็บในแมตช์ถล่ม "สาลิกาดง" นั่นทำให้ คล็อปป์ ต้องลุ้นตัวโกร่งว่าเขาจะพักนานแค่ไหน 

ถ้าหาก โซโบซไล เจ็บไม่หนัก และสามารถกลับมาช่วยทีมได้ แน่นอนว่า นายใหญ่ชาวเยอรมัน อาจจะจับเขาลงไปยืนเป็นแนวรุกริมเส้นซึ่งเจ้าตัวก็เคยทำหน้าที่นี้มาแล้วสมัยอยู่กับ ไลป์ซิก 

หลุยส์ ดิอาซ

แม้ในช่วงที่ หลุยส์ ดิอาซ มีปัญหาจากกรณีที่คุณพ่อโดนลักพาตัว แต่เขาก็ยังมีความเป็นมืออาชีพด้วยการลงเล่นให้กับทีม และเป็นคนที่ทำประตูตีเสมอในเกมกับ ลูตัน ทาวน์

อย่างไรก็ตามฟอร์มของ สตาร์ชาวโคลอมเบีย ยังไม่ค่อยโดดเด่นมากนักนับตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บหนัก แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ยังคงเป็นหนึ่งในแข้งคีย์แมนสำคัญของ "หงส์แดง" และทีมมักจะได้ประโยชน์จากการกระชากลากเลื้อยทางริมเส้นของเขา

แน่นอนว่าจุดเด่นของ ดิอาซ ก็คือการเล่นทางแนวรุกฝั่งซ้าย แต่กระนั้นด้วยศักยภาพของเขาก็สามารถทดแทนตำแหน่งของ ซาลาห์ ได้เช่นกัน แต่หาก คล็อปป์ ไม่มีทางเลือกจริงๆ ก็คงจะให้ อดีตดาวเตะเอฟซี ปอร์โต้ ลงไปยืนทางฝั่งขวา

อย่างไรก็ตามถ้ามองจากความเป็นจริง คล็อปป์ ยังไม่หมดหนทางในการหายางอะไหล่ที่จะทำหน้าที่แทน "บังโม" ที่สำคัญการใช้งาน ดิอาซ ทางฝั่งซ้ายน่าจะมีประโยชน์มากกว่า 

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport