ที่เหลือต่อจากนี้

สิ่งที่เกิดขึ้นในเกมที่ แอนฟิลด์ เมื่อคืนวันอาทิตย์ เราได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง ทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ

4 ประตู, พลาดลูกจุดโทษ, เซฟสุดสวย, ชวดได้ประตูชัย รวมถึงพฤติกรรมผู้ช่วยผู้ตัดสิน

รังเหย้าของ ลิเวอร์พูล วันนั้น เต็มไปด้วยความวุ่นวายอันบ้าคลั่งที่ถูกหยิบยกให้เป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของฤดูกาล

หลังการยกธงขาวแบบน่าอับอายในช่วงครึ่งหลังที่ เอติฮัด ตามด้วยผลเสมออันแสนจืดชืดที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์

นี่คือ ลิเวอร์พูล ที่แตกต่างออกไป นี่คือ ลิเวอร์พูล ที่ เดอะ ค็อป ภาคภูมิใจ และนี่คือจุดเริ่มต้นแห่งความหวังในอีก 9 เกมที่เหลือ

ลิเวอร์พูล สลัดความคุ้นชินในซีซั่นนี้ที่มักเอาตัวรอดไม่ได้เมื่อตกเป็นฝ่ายตามหลัง

การโดนนำห่าง 2 ประตูในช่วงเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง มันเกิดขึ้นแบบง่ายดาย 

ประตูแรกปล่อยให้ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ทำประตู ซึ่งนั่นทำให้เกิดภาพความผิดพลาดเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นอีกครั้ง และประตูที่สองของ กาเบรียล เชซุส ที่เทคโขกแบบไร้ความกดดัน

ขณะเดียวกัน รูปเกม ณ ขณะนั้นทีมเยือนดูเป็นต่อเจ้าถิ่นอยู่ราวหนึ่งกิ๊ก ทั้งการครองบอล ความมั่นใจในการเล่น และการเพรสซิ่งเข้าใส่ถึงหน้าปากประตูที่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ยืนอยู่

ว่ากันตามตรง ลิเวอร์พูล ยังหาจุดเปลี่ยนตัวเองไม่เจอเลย มองไปทางไหนก็ติด ๆ ขัด ๆ 

จนกระทั่งจุดพลิกผันเกิดขึ้นในแบบที่ตัวนักเตะไม่ต้องลงแรง แต่แค่แลกกับการโดนใบเหลืองตักเตือน

กรานิต ชาคา ไปท้าทายใส่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบบน็อตหลุด แล้วเจ้าเทรนท์ก็สู้กลับเกิดการกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย แต่ก็มากพอที่จะทำให้บรรยากาศที่ แอนฟิลด์ จุดติดขึ้นมาอีกครั้ง

41 นาทีก่อนหน้า ทีมเจ้าบ้านสร้างโอกาสยิงได้เพียง 4 ครั้ง และยิงไม่เข้ากรอบเลย ส่วนตัวเลขการครองบอลอยู่ที่ 52 เปอร์เซ็นต์

แต่หลังจาก พอล เทียร์นี่ย์ แจกใบเหลืองให้แก่ทั้งดาวเตะสวิส และ เทรนท์ ลิเวอร์พูล เหมือนกลับมาเกิดใหม่ด้วยการระดมหาทางเจาะ อาร์เซน่อล มากมาย 17 ครั้ง โดยที่ยิงตรงกรอบ 4 หน และครองบอลเพิ่มเป็น 63 เปอร์เซ็นต์

แล้วให้หลังแค่นาทีเดียวในการครองบอลเพลย์ต่อมาคือการได้ประตูไล่ตาม 1-2 จาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์

พร้อมกับการปลุกให้ แอนฟิลด์ กลายสภาพเป็นนรกทีมเยือนอย่างแท้จริง 

ครึ่งหลัง เจอร์เก้น คล็อปป์ อุดช่องโหว่ที่เกิดขึ้นตอนครึ่งแรก กระชับแดนกลางให้แน่นขึ้น แล้วใช้การเล่นแนวรับสูงที่เป็นจุดเด่นของตัวเอง

อิบราฮิม่า โกนาเต้ กลายร่างเป็นผู้กอบกู้แนวรับ จังหวะเข้าปะทะ และการสกัดสำคัญ ๆ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล ยังคงอยู่ในเกม

19 ครั้งคือตัวเลขที่ ลิเวอร์พูล พยายามยิงใส่ทีมเยือนในกรอบเขตโทษ ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากที่สุดที่ "เดอะ กันเนอร์ส" เผชิญมาในฤดูกาลนี้

เสียดายโอกาสของ ซาลาห์ กับความผิดพลาดสองครั้งติดในการสังหารจุดโทษต่อจากเกมที่บุกพ่ายต่อ บอร์นมัธ เช่นเดียวกับการหลุดเข้าไปดวลตัวตัวกับ แอร่อน แรมส์เดล ของ ดาร์วิน นูนเญซ

เมื่อถูกถามว่าดาวเตะอียิปต์ จะยังเป็นเพชฌฆาตมือหนึ่งของทีมต่อหรือไม่ กุนซือเลือดด๊อยช์ท เผยว่าจะไว้พูดกัน แต่ไม่ใช่ที่นี่(หมายถึงตอนให้สัมภาษณ์) 

ฟาบินโญ่ คือมือปืนหมายเลขสองที่รับหน้าที่ยามที่ ซาลาห์ ไม่อยู่สนาม ต่อจากนี้รอดูกันว่าผู้ยิงจุดโทษของ "หงส์แดง" จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่?!

ส่วนกองหน้าทีมชาติอุรุกวัย ยังต้องเร่งฟอร์มตัวเองขึ้นมาใหม่ เพราะนับจากจบศึกฟุตบอลโลก เขามีชื่อทำสกอร์ได้เพียง 3 ลูกจากการลงเล่น 13 เกมพรีเมียร์ลีก

ภาพน่ายินดีที่เราได้เห็น ติอาโก้ อัลกันตาร่า กลับคืนสนามในรอบ 2 เดือนที่ขับเคลื่อนแดนกลางให้ใหลลื่นด้วยการผ่านบอลจนเพิ่มความได้เปรียบให้แก่ ลิเวอร์พูล ชัดเจนทันที

สำหรับ เทรนท์ ที่ผ่านช่วงเวลาลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไม่มีชื่อติดทัพทีมชาติอังกฤษ รวมถึงถูกดร็อปจากทีมชุดยกพลเยือนถิ่นเชลซี

เกมนี้ เขาอาจเริ่มต้นด้วยความหละหลวมก็จริง แต่ คล็อปป์ ก็ขยับเอาเขามายืนตรงกลาง และใช้การเปิดบอลจากตรงนี้แทนที่การหวังผลทางริมเส้น

"มันไม่ใช่ครั้งแรก" คล็อปป์ เผยถึงเหตุผลที่เอา เทรนท์ มาเล่นตรงกลาง

"เราเคยทำแบบนั้นมาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ชัดเจนขนาดนั้น แต่เราเคยทำมาก่อน เราขยับ เทรนท์ มาด้านใน"

"วันนี้ เทรนท์ บิลด์อัพตรงกลางมากขึ้น กลายเป็นเหมือนผู้เล่นหมายเลข 6 สองคน นั่นคือสิ่งที่เป็น"

"คุณจำเป็นต้องคุ้นชินกับมัน ผมบอกได้ว่ามันเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่ขั้นหนึ่งที่ทำได้ในเกมเจอ อาร์เซน่อล"

ประตูคืนชีพของ "หงส์แดง" เกิดจากความยอดเยี่ยมของหนุ่มสเกาเซอร์ ก่อนปิดบัญชีแบบงดงามโดย โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ที่กำลังนับถอยหลังการลาจากยูนิฟอร์มสีแดงเพลิง

ลิเวอร์พูล เกือบได้รางวัลตอบแทนชิ้นใหญ่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจากบอลที่ออกกจากเท้าซ้ายของ ซาลาห์ และการพยายามตามซ้ำของ โกนาเต้

2 ช็อตนี้ต้องยกนิ้วให้กับความยอดเยี่ยมของ แรมส์เดล ที่เซฟชีวิต "เดอะ กันเนอร์ส" ให้ไม่กลับออกไปด้วยมือเปล่า

"นี่เป็นครั้งแรกตลอดระยะเวลานานที่เราตอบสนองได้ดีจริง ๆ เราไม่ยุบลงง่าย ๆ " คล็อปป์ เผย

"เราดูมีความพร้อมที่จะฮึดสู้มากกว่านัดก่อน ๆ ในครึ่งหลังเราน่าจะทำให้สกอร์มันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ด้วยซ้ำเมื่อพิจารณาถึงโอกาสที่เรามี การได้อย่างน้อย 1 แต้มถือเป็นเรื่องที่โอเค ถือว่าเราได้เป็นส่วนหนึ่งของเกมที่สนุก"

ขณะที่ คณะกรรมการผู้ตัดสินฟุตบอลอาชีพอังกฤษ หรือ PGMOL ยืนยันว่าจะสอบสวนเหตุการณ์ที่ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน โดน คอนสแตนติน ฮัตซิดาคิส ไลน์แมนชักศอกใส่ตอนพักครึ่งแรก ซึ่งก็ต้องติดตามว่าจะมีบทลงโทษตามมาหรือไม่

และทาง PGMOL ได้สั่งพักงานผู้ช่วยรายนี้เป็นการชั่วคราวไว้ก่อนเพื่อรอการสอบสวนจากสมาคมฟุตบอลอังกฤษ ต่อไป

ที่ผ่านมาการเดินทางตลอดฤดูกาล 2022/23 เต็มไปด้วยความย่ำแย่ ไม่ว่าสุดท้ายเมื่อจบนัดที่ 38 จะเป็นอย่างไร

ก่อนจะถึงจุดนั้น "เดอะ ค็อป" อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นเพื่อเป็นความหวังนำไปสู่การสู้กันใหม่ในอนาคต

HOSSALONSO


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport