สิ้นสุดการรอคอยมอยส์, เวสต์แฮม ! 5 ประเด็นหลัง เวสต์แฮม ชนะ ฟิออเรนติน่า คว้าแชมป์ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก

จาร์ร็อด โบเว่น ยิงประตูสุดสำคัญในนาทีสุดท้ายนำ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด คว่ำ ฟิออเรนติน่า 2-1 ในรอบชิงชนะเลศ ศึกยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก เมื่อวันพุธที่ 7 มิถุนายนที่ผ่านมา ทำให้เหล่าสาวก "ขุนค้อน" สิ้นสุดการรอคอยกว่าครึ่งศตวรรษในการคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยยุโรประดับเมเจอร์ ที่สำคัญโทรฟี่นี้ยังเป็นแชมป์รายการใหญ่ใบแรกของ เดวิด มอยส์ ที่คว้ามาครอบครองได้สำเร็จนับตั้งแต่ที่ก้าวเข้ามาทำงานกุมบังเหียนทีม

1. แชมป์ที่รอคอยกว่าครึ่งศตวรรษ


แฟนบอลเวสต์แฮม ยูไนเต็ด หัวใจพองโตสุดๆ เมื่อทัพ "ขุนค้อน" ผงาดคว้าแชมป์ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นโทรฟี่แชมป์ระดับยุโรปที่พวกเขารอคอยมานานถึง 58 ปี นับตั้งแต่ที่ "เดอะ แฮมเมอร์ส" เคยทำได้ในศึกคัพ วินเนอร์ส คัพ เมื่อปี 1965 ซึ่งเป็นการครองแชมป์ฟุตบอลถ้วยยุโรประดับเมเจอร์สมัยที่ 2 ของทีม นอกจากนี้ยังเป็นแชมป์ระดับเมเจอร์แรกนับตั้งแต่ที่ได้แชมป์ เอฟเอ คัพ เมื่อปี 1980 ยิ่งไปกว่านี้ เวสต์แฮม ยังเป็นสโมสรจากลอนดอนทีมเดียวเท่านั้นที่มีเกียรติยศประดับตู้โชว์ และยังเป็นทีมที่ 4 จากอังกฤษ (เชลซี, ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูฯ, เวสต์แฮม) ที่ได้แชมป์ฟุตบอลถ้วยยุโรประดับเมเจอร์ในช่วงศตวรรษที่ 21 งานนี้บอกเลยสาวก "ขุนค้อน" สามารถเดินเชิดหน้าชูตาอย่างภาคภูมิใจเหนือสโมสรร่วมเมืองที่มีศักดินายิ่งใหญ่กว่าอย่าง "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล, "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี และ "ไก่เดือยทอง" ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 

2. เกมเดือดเลือดอาบ !


จริงๆ แล้วแมตช์นี้ในสนามไม่ได้เดือดมากมายนัก แต่สำหรับแฟนบอลโดยเฉพาะฝั่งเวสต์แฮม โคตรเดือดจริงๆ ไม่รู้ว่าพวกพี่ๆ ไปเก็บกดมากจากไหน ที่สำคัญมีแฟนบอลบางคนแสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจเมื่อขว้างปาสิ่งของลงไปในสนามในจังหวะที่ คริสเตียโน่ บิรากี้ กำลังเดินเข้าไปเตะมุม จากนั้นก็มีพลังงานบางอย่างเป็นของแข็งๆ พุ่งปะทะเข้าที่หลังศีรษะของกัปตันทีม "ม่วงมหากาฬ" จนแตกเลือดอาบกบาล ส่งผลให้ต้องหยุดเกมชั่วคราว สำหรับการกระทำแบบนี้แน่นอนว่า เวสต์แฮม เตรียมเดือดร้อนได้เลย เพราะสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) คงจัดการลงโทษย้อนหลังชัวร์ ขณะเดียวกันสโมสรก็เตรียมจัดหนักจัดเต็มสาวกนิสัยไม่ดีที่ก่อความวุ่นวายในสนามทั้งหมด ด้วยการสั่งแบนห้ามเข้าไปชมเกมในลอนดอน สเตเดี้ยม และห้ามเดินทางไปเชียร์ทีมรักในทุกๆ ที่ด้วย 

3. อนาคตของ ไรซ์ ยังคลุมเครือ


เดแคลน ไรซ์ สร้างเกียรติประวัติในฐานะนักเตะอาชีพได้สำเร็จ เมื่อนำ เวสต์แฮม คว้าแชมป์ที่สุดแสนยิ่งใหญ่ในเวทียุโรป โดยเขากลายเป็นกัปตันทีม "ขุนค้อน" คนที่สามต่อจาก บ็อบบี้ มัวร์ และ บิลลี่ บอนด์ส ที่ได้ชูโทรฟี่ระดับเมเจอร์ร่วมกับต้นสังกัด อย่างไรก็ตามในความสุขที่แสนล้นปรี่ของแฟนบอลเวสต์แฮม ก็อาจจะมีความหวั่นใจอยู่ด้วย เนื่องจากนักเตะตกเป็นข่าวเตรียมอำลาโมสรหลังจบฤดูกาลนี้ โดยมี อาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มีลุ้นได้ตัวไปร่วมทีม อย่างไรก็ตาม ไรซ์ ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้หลังนำสโมสรคว้าแชมป์ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ว่าตอนนี้เขายังเป็นนักเตะเวสต์แฮม และไม่อยากคิดเรื่องอื่นนอกจากมีความสุขกับช่วงเวลานี้เท่านั้น "มันไม่ใช่การอำลาแต่อย่างใด  มีข่าวลือมากมายแต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น ผมยังคงเป็นนักเตะเวสต์แฮม ผมยังมีสัญญาเหลืออยู่ 2 ปี ผมรักทุกๆ นาทีที่ได้อยู่ที่นี่" 

4. เอเมอร์สัน สร้างตำนานที่ยากจะทำลาย


จะมีนักเตะในโลกนี้ซักกี่คนที่สามารถคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้จนครบทั้งในสโมสรและทีมชาติ แต่ เอเมอร์สัน สามารถทำได้เมื่อเขาได้แชมป์ในระดับฟุตบอลถ้วยยุโรปครบทุกรายการ แถมในศึกยูโรก็ได้แชมป์ด้วย โดยย้อนไปเมื่อปี 2019 และ 2021 แบ็กซ้ายชาวอิตาเลียน ได้แชมป์ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก กับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ร่วมกับ "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี จากนั้นก็มาสร้างประวัติศาสตร์กับ เวสต์แฮม ด้วยการคว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา คอนเฟอเรนซ์ ลีก ในฤดูกาลนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนักเตะยังเป็นหนึ่งในขุนพลทีมชาติอิตาลีที่ได้แชมป์ ยูโร 2020 ด้วย งานนี้ต้องบอกเลยว่า เอเมอร์สัน อาจจะเป็นนักเตะคนแรกและคนเดียวในโลกนี้ที่สามารถสร้างสถิติที่ยิ่งใหญ่ยากที่จะมีพ่อค้าแข้งคนไหนสามารถลบล้างได้ 

5. คุ้มค่าแห่งการรอคอย


มอยส์ ถือเป็นกุนซือที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะมาก เขาสะสมประสบการณ์มากมายตั้งแต่สมัยที่เป็นนักเตะจนกระทั่งก้าวเข้ามารับงานผู้จัดการทีม โดย นายใหญ่ชาวสกอตแลนด์ มีโอกาสได้คุมทีมมากมายตั้งแต่ เปรสตัน นอร์ธ เอนด์, เอฟเวอร์ตัน, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, เรอัล โซเซียดาด, ซันเดอร์แลนด์ และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (2 รอบ) เขาไม่เคยสัมผัสความสำเร็จระดับเมเจอร์เลย ที่ใกล้เคียงสุดก็คือคุม "ทอฟฟี่สีน้ำเงิน" แพ้ เชลซี ในรอบชิง ศึกเอฟเอ คัพ เมื่อปี 2009 จากนั้นก็นำ "ผีแดง" คว้าโล่การกุศลคอมมิวนิตี้ ชิลด์ เมื่อปี 2013 แต่ก็ไม่นับเป็นแชมป์รายการใหญ่ และจากวันแรกที่คุมทีมจนถึงปัจจุบันรวมทั้ง 1,097 เกม ในที่สุด กุนซือวัยแซยิด ก็คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์มาประดับเกียรติยศได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในอาชีพของเขา...ช่างเป็นการรอคอยที่แสนคุ้มค่าจริงๆ 

ทอมเม้ง


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport