ห้าทีมนี้รุมกินโต๊ะบาเยิร์น

บาเยิร์น มิวนิค กำลังถูกทดสอบหนักหน่วง..

ทีมเสือใต้คือแชมป์บุนเดสลีกาเยอรมัน 10 สมัยซ้อน แน่นอนเดิมทีพวกเขาก็คือเบอร์หนึ่งของประเทศอยู่แล้ว แต่การครองความยิ่งใหญ่ไม่ปล่อยให้โล่แชมป์บุนเดสลีกาหลุดมือเลยตลอดเวลาหนึ่งทศวรรษคือเรื่องที่แทบจะพูดได้ว่าเหลือเชื่อ

การได้แชมป์ต่อเนื่องนานถึงสิบปีเต็มโดยไม่เพลี่ยงพล้ำเสียทีให้กับผู้ท้าชิงทีมไหนเลยคือเรื่องที่ทำได้ยากจริงๆ นะครับ

ฤดูกาล 2011/12 คือฤดูกาลสุดท้ายที่บาเยิร์นไม่ได้แชมป์ลีกสูงสุดของประเทศ เมื่อ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ของเทรนเนอร์ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่เพียงประกาศศักดาป้องกันแชมป์บุนเดสลีกาได้เท่านั้นแต่ยังตอกย้ำความยิ่งใหญ่ด้วยการยำใหญ่เสือใต้ในนัดชิงเดเอฟเบ โพคาลที่เบอร์ลินอีกด้วย

แฮตทริกของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ กับประตูของ ชินจิ คางาวะ และ มัตส์ ฮุมเมิลส์ คนละลูกทำเอากองเชียร์เสือเหลืองฉลองกันอย่างบ้าคลั่ง ไม่มีอะไรสะใจไปกว่าการโค่นมหาอำนาจอย่างบาเยิร์นในลีกสองปีซ้อนและถล่มยอดทีมแคว้นบาวาเรียจนแหลก 5-2 ในนัดชิงฟุตบอลถ้วยอีกแล้ว

ย้อนกลับไป ณ ตอนนั้น ถ้าบอกว่าบาเยิร์นจะกลับมาเป็นแชมป์ในฤดูกาลต่อมาก็คงไม่แปลกหรอก จะอย่างไรทีมอย่างบาเยิร์น มิวนิค ก็คือเต็งหนึ่งตลอดกาล แต่ถ้ามีใครพูดอย่างมั่นใจว่าพวกเขาจะได้แชมป์ต่อเนื่องไปสิบปีซ้อน เรื่องนี้คงต้องมาถกกันหน่อย

บาเยิร์นกลับมาได้จริงๆ และทำได้อย่างอลังการเสียด้วย จุ๊ปป์ ไฮย์นเกส นำทีมกวาดทริปเปิลแชมป์แบบเหมาหมดทั้งบุนเดสลีกา เดเอฟเบ โพคาล และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2013

ถ้าจะมีผลงานไหนสมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับการตั้งต้นกอบกู้ศรัทธาคืนและก้าวต่อไปเป็นทีมที่ไม่มีใครโค่นได้ก็คงไม่มีอะไรเหมาะไปกว่าทริปเปิลแชมป์อีกแล้ว

และจากนั้น บาเยิร์นก็ไม่เคยทำโล่แชมป์บุนเดสลีกาหลุดมืออีกเลย หลายครั้งเข้าป้ายด้วยการนำม้วนเดียวจบ บางครั้งมีผู้ท้าชิงที่สร้างความอึดอัดให้บ้าง แต่สุดท้ายบทสรุปจะเป็นอีหรอบเดิมเสมอนั่นคือแชมป์ไปอยู่ที่แคว้นบาวาเรียทุกคราไป

การได้แชมป์สิบปีติดต่อกันยากขนาดไหนน่ะหรือครับ ตอบอย่างง่ายที่สุดก็คือตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่เคยมีทีมไหนทำได้มาก่อนในเวทีบุนเดสลีกา แชมป์ติดต่อกันที่นานที่สุดก่อนหน้านี้คือ 3 สมัยซ้อนเท่านั้นเอง (บาเยิร์น มิวนิค 1972-1974, 1985-1987, 1999-2001 กับ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค 1975-1977) เพียงแต่ถ้านับรวมเยอรมันทั้งหมด ดินาโม เบอร์ลิน เคยคว้าแชมป์ 10 สมัยติดต่อกันได้ระหว่างปี 1979-1988 ในฟุตบอลลีกเยอรมันตะวันออก

เพียงแค่นี้ก็บอกเราได้ชัดเจนถึงความยากขั้นสุดยอดของมัน เพราะการได้แชมป์และป้องกันแชมป์ได้ครั้งแล้วครั้งเล่าคือการบอกว่าคุณสามารถรักษาความสม่ำเสมอของการเป็นทีมที่ดีที่สุดได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงการเปลี่ยนผ่าน

ไม่มีแชมป์ทีมไหนได้แชมป์ด้วยนักเตะชุดเดิมในอีกสิบปีให้หลังหรอก ลองดูขุนพลบาเยิร์นชุดแชมป์ฤดูกาล 2012/13 เปรียบเทียบกับชุดปัจจุบันก็ได้ครับ มีเพียง มานูเอล นอยเออร์ กับ โธมัส มุลเลอร์ สองคนเท่านั้นที่ยังอยู่กับทีม

หลายคนแยกย้ายไปเล่นที่อื่น บางคนก็เลิกเล่นฟุตบอลไปแล้ว

จากทีมชุดนั้นที่มีตัวหลักเป็น นอยเออร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, ดันเต้, เฌโรม บัวเต็ง, ดาวิด อลาบา, ฆาบี มาร์ติเนซ, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, โทนี่ โครส, ฟร้องค์ ริเบรี่, โธมัส มุลเลอร์, อาร์เยน ร็อบเบน และ มาริโอ มานด์ซูคิช บาเยิร์นเปลี่ยนตัวหลักในแต่ละตำแหน่งสองคนบ้าง สามคนบ้าง กว่าจะมาถึงชุดปัจจุบันของ ยูเลียน นาเกลส์มันน์

กระทั่งเทรนเนอร์ยังเปลี่ยนไปหลายคน ก่อนมาถึงนาเกลส์มันน์ก็มีทั้งไฮย์นเกส, เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, คาร์โล อันเชล็อตติ, ไฮยน์เกสอีกรอบ, นิโก้ โควัช และ ฮันซี่ ฟลิค

จาก ลาห์ม สู่ ราฟินญ่า, โยชัว คิมมิช, เบนฌาแม็ง ปาวาร์

จาก อลาบา สู่ ฆวน เบร์นาต, อัลฟอนโซ่ เดวิส, ลูก้าส์ แอร์กน็องเดซ

จาก ดันเต้ กับ บัวเต็ง สู่ ฮุมเมิลส์, นิคลาส ซือเล่, ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่

จาก มาร์ติเนซ, ชไวน์สไตเกอร์, โครส สู่ ติอาโก้ อัลกันตาร่า, อาร์ตูโร่ วิดัล, โกร็องแต็ง โตลิสโซ่, ชาบี อลอนโซ่, เลออน โกเร็ตซ์กา

จาก ริเบรี่, มุลเลอร์, ร็อบเบน สู่ มาริโอ เกิตเซ่, ดักลาส คอสต้า, คิงส์เลย์ โกมัน, ฮาเมส โรดริเกซ, แซร์ช นาบรี้, ลีรอย ซาเน่, จามาล มูเซียล่า

จาก มานด์ซูคิช สู่ เลวานดอฟสกี้ และ เอริก มักซิม ชูโป-โมติง

นักเตะมากหน้าหลายตาผ่านเข้ามาและก็จากไป บ้างเป็นตัวหลัก เป็นกุญแจ เป็นหัวใจ บางก็เป็นตัวเสริม เป็นอะไหล่ เป็นตัวสำรอง บ้างแจ้งเกิด บ้างแจ้งดับ แต่สุดท้ายไม่ว่าทีมจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างไร แชมป์ก็จะเป็นของพวกเขา

นี่คือความเกรียงไกรของบาเยิร์น แน่นอนพวกเขามีทีมงานที่ดี มีขุมกำลังที่ได้เปรียบคู่แข่งร่วมลีกทีมอื่นๆ แต่ทุกลีกล้วนมีทีมเต็มไปด้วยนักเตะฝีเท้าเยี่ยม เป็นยักษ์ใหญ่เงินหนาแรงดึงดูดเยอะจนมีคุณภาพเหนือกว่าทีมอื่นเช่นกัน แต่ในห้าลีกใหญ่ไม่มีใครทำ 10 สมัยซ้อนได้เหมือนพวกเขาสักทีม จะมีใกล้เคียงก็เพียง ยูเวนตุส แห่งอิตาลีทีมเดียวที่ได้แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 9 ปีซ้อน

บาเยิร์นคว้าแชมป์จนกลายเป็นกิจวัตรประจำปีไปแล้ว พวกเขาจองแชมป์อยู่เจ้าเดียวจนเราแทบจะนึกไม่ออกเลยว่าพวกเขาจะไม่ได้แชมป์ได้อย่างไร

นั่นคือมาตรฐานในแบบที่ บาเยิร์น มิวนิค เป็น จะดีจะแย่ผมก็คว้าแชมป์ให้คุณเห็นได้ก็แล้วกัน

กับฤดูกาลนี้ บททดสอบของบาเยิร์นใหญ่และหนักหน่วง มันคือฤดูกาลที่พวกเขาเจอกับคู่แข่งแย่งแชมป์มากที่สุดแล้ว ทำให้ในขณะเดียวกันบุนเดสลีกา 2022/23 ก็เป็นซีซั่นที่การแข่งขันใกล้เคียงกันที่สุดเช่นกันด้วย

จนถึงตอนนี้ที่ผ่านไป 21 เกม มีอยู่ห้าทีมที่มองเห็นโอกาสคว้าแชมป์บุนเดสลีกาและขึ้นไปแทนที่บาเยิร์น

อูนิโอน เบอร์ลิน, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, ไฟร์บวร์ก, แอร์เบ ไลป์ซิก และ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ห้าทีมนี้รุมกินโต๊ะบาเยิร์นทีมเดียว อูนิโอน กับ ดอร์ทมุนด์ มีคะแนนเท่ากับเสือใต้ ไฟร์บวร์กน้อยกว่ากันสามคะแนน ไลป์ซิกสี่คะแนน แฟร้งค์เฟิร์ตห้าคะแนน

เหลืออีก 13 เกม สถานการณ์พลิกผันได้ตลอดเวลา

มองในมุมของบุคคลภายนอก การเป็นแชมป์อยู่ทีมเดียวมันก็ดูจะผูกขาดเกินไปหน่อย ผมเชื่อว่าแม้จะมีคนเชียร์บาเยิร์นอยู่บ้าง แต่แฟนบอลบ้านเราก็คงจะเหมือนๆ กับแฟนบอลที่อื่นแม้กระทั่งในเยอรมันเองที่อยากเห็นทีมอื่นคว้าแชมป์บ้าง

กองเชียร์เสือใต้คงไม่คิดอย่างนั้นอยู่แล้ว จะแชมป์สมัยที่เท่าไหร่มันก็มีความสุขทั้งนั้นไม่ได้รู้สึกเบื่ออยากเสียแชมป์บ้าง แต่กับคนที่ไม่ได้เชียร์พวกเขาคงไม่คิดอย่างนั้นกระมัง

มันคือฤดูกาลที่บุนเดสลีกาสนุกมากครับ ที่สำคัญคือโมเมนตัมในตอนนี้ดูจะไม่ได้เป็นใจให้บาเยิร์นเสียด้วย

จากสถานการณ์นำจ่าฝูงสบายๆ ในช่วงก่อนหยุดพักฟุตบอลโลก บาเยิร์นกลับมาเตะใหม่หลังเวิลด์คัพด้วยอาการสะลึมสะลือ ชนะได้แค่ 2 เกมจาก 6 นัดที่ลงเตะในลีก ทำแต้มหลุดมือเป็นว่าเล่น เกมล่าสุดก็ไปแพ้โบกี้ทีมอย่าง โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค แถมใบแดงของอูปาเมกาโน่เข้าไปอีกใบด้วย

ดอร์ทมุนด์แรงอย่างไม่น่าเชื่อเก็บชัยชนะทุกเกมที่ลงสนามเมื่อเข้าสู่ปี 2023 หกเกมในลีก แปดเกมในทุกรายการ ขณะที่อูนิโอน เบอร์ลิน ก็ยังคงความเป็นม้ามืดที่ฟอร์มฉกาจฉกรรจ์มีทีเด็ดจากเกมสวนกลับที่อันตราย เกมล่าสุดถ้าไม่สะดุดเสมอ ชาลเก้ 04 ที่กองอยู่ก้นตารางพวกเขายึดจ่าฝูงเดี่ยวๆ ไปแล้ว

เมื่อสถานการณ์มีทีมลุ้นแชมป์มากถึง 6 ทีมอย่างนี้ อีก 13 เกมที่เหลือจึงนอกจากจะสนุกตรงที่การลุ้นผลของแต่ละทีมกันแล้ว เรายังจะได้ตื่นเต้นไปกับการเจอกันเองในกลุ่มทีมที่ลุ้นแชมป์อีกด้วยอย่างในสัปดาห์นี้ที่ บาเยิร์น จะดวลกับ อูนิโอน เบอร์ลิน และ ไลป์ซิก ฟาดกับ แฟร้งค์เฟิร์ต

สำหรับบาเยิร์นเจอแฟร้งค์เฟิร์ตครบสองเกมเหย้า-เยือนไปแล้ว แต่ยังเหลือโปรแกรมเจอกับคู่แข่งอีก 4 ทีมที่เหลือคือนอกจาก อูนิโอน เบอร์ลิน วันอาทิตย์นี้แล้ว ต้นเดือนเมษายนก็จะลงเตะแดร์ กลาซิเกอร์ รับมือดอร์ทมุนด์ต่อด้วยการไปเยือนไฟร์บวร์กทันที ก่อนจะเหลือเกมรองสุดท้ายของฤดูกาลต้อนรับการมาเยือนของไลป์ซิก

ถ้าจะมีฤดูกาลไหนใกล้เคียงกับการสิ้นสุดการผูกขาดแชมป์บุนเดสลีกาของพวกเขาที่สุดมันก็อาจจะเป็นฤดูกาลนี้ ที่คู่แข่งแย่งแชมป์มีมากมายและแต่ละทีมล้วนมีสไตล์เฉพาะตัว

พลาดแค่กะพริบตาอาจไม่เพียงสังเวยตำแหน่งจ่าฝูงเท่านั้น แต่มันสามารถเลวร้ายได้ถึงการหลุดพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เลยด้วยซ้ำ

ฤดูกาลนี้ยังอีกยาวไกลครับ มันคือกำไรของแฟนบอลโดยแท้ที่จะได้ดูการลุ้นแชมป์สนุกๆ ด้วยจำนวนทีมที่มีลุ้นมากถึงหกทีม

โดยธรรมชาติแล้ว เวลาที่ผ่านไปจะค่อยๆ คัดกรองม้าออกไปทีละตัวๆ จนเมื่อถึงปลายฤดูกาลถ้าไม่ได้เหลือทีมใดทีมหนึ่งนำห่างแบบเดี่ยวๆ ก็มักจะเหลือคู่ชิงชัยกันแค่สองทีม เต็มที่เลยคือสาม อย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 1991/92 ที่สตุ๊ตการ์ทปาดทั้งดอร์ทมุนด์และแฟร้งค์เฟิร์ตเข้าป้ายในเกมสุดท้าย

ฤดูกาลนี้จะเป็นอย่างนั้นหรือดราม่าเข้มข้นยิ่งกว่านั้นไหมยังคาดการณ์ไม่ได้ แต่เท่าที่มันเกิดขึ้นจนถึงตอนนี้พูดได้เลยว่าสนุกเหลือหลาย

บาเยิร์น มิวนิค จะตกจากบัลลังก์จนได้สักทีไหม ฤดูกาล 2022/23 นี้เป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของพวกเขาจริงๆ ถ้า 5 รุม 1 ยังเอาไม่อยู่ก็ไม่รู้จะต้องรอกันไปถึงเมื่อไหร่แล้วนะครับ..

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport