ทัพพาราเกมส์ไทยโกยทองเข้าเป้าปูทางสู่โคราชเจ้าภาพครั้งหน้า

รูดม่านปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับมหกรรมกีฬาคนพิการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในภูมิภาค​อาเซียน​ "อาเซียนพาราเกมส์​ ครั้งที่​ 12" ณ​ กรุงพนมเปญ​ ประเทศกัมพูชา​ ระหว่างวันที่​ 3-9 มิ.ย.66 โดยครั้งนี้เปิดชิงชัยทั้งสิ้น 13 ชนิดกีฬากับอีก 1 กีฬาสาธิต​

ผลแข่งขันตลอด 7 วันปรากฎว่าเจ้าเหรียญทองยังคงเป็น "อินโดนีเซีย" มีศักยภาพมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคอาเซียนในเวลานี้ โดยพวกเขาครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองอาเซียนพาราเกมส์ครั้งนี้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน หลังกวาดไปทั้งสิ้น 159 ทอง 148 เงิน 94 ทองแดง ซึ่งเป็นการคว้าเจ้าเหรียญทองสมัยที่ 4 ในประวัติศาสตร์อาเซียนพาราเกมส์ของทัพแดนอิเหนาอีกด้วย

ขณะที่รองแชมป์อย่างประเทศไทย จบที่อันดับ 2 ด้วยการคว้าไป 126 ทอง 110 เงิน 92 ทองแดง จบที่ตำแหน่งรองแชมป์เหรียญทองเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกันของทัพพาราไทย ซึ่งเป็นการจบตำแหน่งอันดับ 2 ของตารางเหรียญเป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของไทย และที่สำคัญคือทัพนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทยไม่สามารถคว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองมานานถึง 8 ปีแล้ว นับตั้งแต่อาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 8 เมื่อปี 2015 ที่ประเทศสิงคโปร์เป็นเจ้าภาพ อย่างไรก็ดีทัพพาราไทยยังคงครองบัลลังก์คว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองอาเซียนพาราเกมส์ไว้ได้มากที่สุดอยู่ที่จำนวน 6 สมัย จากการจัดทั้งหมด 12 ครั้ง

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเราตั้งเป้าไว้ที่ 125 เหรียญทอง ซึ่งเราไม่ได้มองว่า อินโดนีเซียว่าจะได้เท่าไหร่ เพียงแต่พยายามโฟกัสที่นักกีฬาของไทยในชนิดกีฬาที่มีโอกาสได้เหรียญทอง หากมองจากครั้งที่แล้ว "โซโลเกมส์" ที่ประเทศอินโดนีเซีย ก็ต้องบอกว่าช่องว่างระหว่างไทยกับอินโดนีเซียมันลดลงเยอะมาก เชื่อว่าเรามาถูกทางแล้ว และสามารถคว้าเหรียญรางวัลตามเป้าหมายที่วางไว้

"การแข่งขันครั้งนี้ภาพรวมถือว่าเป็นไปด้วยดี มีปัญหาอุปสรรค์บ้าง แต่ก็สามารถแก้ไขได้ ซึ่งคงเป็นเรื่องธรรมดาของการแข่งขัน คงไม่มีอะไรที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามเรายังเห็นความตั้งใจของเจ้าภาพ มีการเอาใจใส่ พยายามแก้ปัญหาทุกอย่างจนจบการแข่งขันไปได้ด้วยดี แต่สิ่งที่อาจจะเสียใจนิดหน่อยก็คือมีนักกีฬาหลายคนที่เตรียมตัวมาแล้ว เดินทางมาถึงแล้ว แต่ไม่ได้รับโอกาสในการลงแข่งขัน เนื่องจากมีการตัดบางอีเวนต์ออกไป ซึ่งก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นในครั้งต่อๆ ไป และเชื่อมั่นว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นที่ประเทศไทยอย่างแน่นอน" ผู้ว่าการ กกท. กล่าว

ด้าน ร.ท.ณัยณพ ภิรมย์ภักดี ประธานคณะกรรมการพาราลิมปิกเเห่งประเทศไทย กล่าวว่า แม้ผลงานเราจะจบรองแชมป์ แต่ภาพรวมจะเห็นได้ว่านักกีฬาที่มีประสบการณ์ที่เป็นรุ่นพี่ยังคงทำผลงานได้ตามมาตรฐาน รวมถึงนักกีฬารุ่นใหม่ที่ก้าวขึ้นมารับใช้ชาติสามารถแจ้งเกิดได้หลายคน มีผลงานในแง่ของการทำลายสถิติทั้งกับของตัวเองและของอาเซียนพาราเกมส์ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีของวงการกีฬาคนพิการของเมืองไทย มองว่าจะเป็นแนวทางที่ดีในการปรับปรุงและต่อยอดเพื่อลงชิงชัยในรายการใหญ่หลังจากนี้ทั้ง "เอเชียนพาราเกมส์ 2023" ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน ระหว่างวันที่ 22-28 ต.ค.66 และ พาราลิมปิกเกมส์ 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 28 ส.ค. - 8 ก.ย.67

แน่นอนว่านักกีฬา เจ้าหน้าที่ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องของทัพพาราไทยในครั้งนี้ทุกคนคงไม่มีใครอยากจะเป็นแค่ที่ 2 ซึ่งอย่างที่ ดร.ก้องศักด กล่าว ผลงานที่ออกมาระหว่างทีมไทยกับอินโดนีเซียแชมป์ 3 สมัยหลังสุดนั้น มันไม่ได้ห่างกันแล้วเมื่อเทียบกับมหกรรมครั้งก่อนๆ

ดังนั้นเชื่อได้เลยว่า "อาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 13" ที่จังหวัดนครราชสีมาจะเป็นเจ้าภาพในระหว่างวันที่ 21-26 ม.ค.69 จะถึงคราวของพลพรรคนักกีฬาคนพิการทีมชาติไทยที่จะได้เฮดังๆ ในฐานะเจ้าเหรียญทองกันบ้างแล้ว ยิ่งแข่งในบ้านเราเองด้วย พลังแห่งเสียงเชียร์จากคนไทยทั้งประเทศยิ่งพร้อมหนุนหลังเราเต็มกำลัง


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport