ไทยลีกเลก 2 เริ่ม!!

เลกที่สองของ ไทยลีก 2022-23 กำลังจะกลับมาแข่งขันกันอีกครั้ง หลังหลีกทางให้กับศึก อาเซียน คัพ 2022 ที่เพิ่งจบลงไปหมาดๆ

   แม้ว่าตารางคะแนนจะเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่นำห่างอันดับ 2 อย่าง ชลบุรี เอฟซี แบบสุดกู่ 9 คะแนน และทีมปราสาทสายฟ้าก็ยังแกร่งทั่วแผ่น ผลงานไม่มีตกลงไปเลย ทว่าอีก 15 นัด ต่อจากนี้ก็คงจะพอชี้วัดอะไรได้พอสมควร

   โดยเฉพาะกลุ่มทีมท็อปของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น บีจี ปทุม ยูไนเต็ด, แบงค็อก ยูไนเต็ด, การท่าเรือ เอฟซี, เมืองทอง ยูไนเต็ด, เชียงราย ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี รวมไปถึง ราชบุรี เอฟซี ที่กำลังพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ

   ตลาดซื้อ-ขายผู้เล่นก่อนเปิดเลกที่ 2 คึกคักมาเป็นพิเศษ การโยกย้ายมีมากมายและน่าจะเป็นซีซั่นที่นักเตะเปลี่ยนทีมกันมากที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้ง ไทยลีก เลยทีเดียว

   บุรีรัมย์ แชมป์เก่าและจ่าฝูงที่ผลงานเด่นเกินใคร แต่พวกเขาก็ไม่ยอมหยุดนิ่ง เพราะเสริมนักเตะใหม่ 3 ราย และแต่ละคนก็ดีกรีแรงทั้งนั้น ไล่ตั้งแต่ ฮาริส วุชคิช, ดิออน คูลส์ และ ฟิลิป โรกิช สวนทางกับ อายุบ มาซิกา, ดีเอโก้ บาร์ดันก้า, อ่อง ตู กับ แฟร้งค์ กาสตาเญด้า ที่ย้ายออกไป

   ขุมกำลังของปราสาทสายฟ้ายังเป็นที่เกรงขามของทุกทีม เพราะผู้เล่นไทย ของพวกเขาก็ระดับตัวจริงทีมชาติทั้งนั้น ไหนจะแข้งนอกที่เข้ามายกระดับเพิ่มอีก 

   ขณะที่ผู้ท้าชิงอย่าง ชลบุรี เองก็เพิ่มเติมได้น่าดูชม เนื่องจากได้นักเตะมากประสบการณ์อย่าง โก ซึล-กี เข้ามา พ่วงด้วย ดีเอโก้ บาร์ดันก้า และ เจสซี่ เคอร์แรน ซึ่งน่าจะทำให้พวกเขาต่อกรกับคู่แข่งได้ดีขึ้น

   ราชบุรี เอฟซี คือทีมที่น่าจับตามองมากที่สุดในเลกที่ 2 โทษฐานที่ได้ ซาฟาวี่ ราซิด กัปตันทีมชาติมาเลเซีย ชุด อาเซียน คัพ 2022 เข้ามา เพราะนี่คือนักเตะเบอร์หนึ่งของทัพเสือเหลืองแห่งมาลายันในปัจจุบัน

   เท่านั้นไม่พอ พวกเขายังทำเซอร์ไพรส์ด้วยการนำ โจนาธาร เข็มดี เซนเตอร์ฮาล์ฟอนาคตไกลทีมชาติไทย มายืนบัญชาการในแผงหลังอีกราย

   แถมยังมี อานนท์ อมรเลิศศักดิ์ กับ มุสซ่า ซิดิเบ้ 2 แนวรุกที่การันตีคุณภาพอีกต่างหาก แม้จะปล่อย อัลวิน ฟอร์เตส ปีกตัวจี๊ดไปให้ หนองบัว พิชญ เอฟซี ยืมตัว แต่ด้วยนักเตะที่มี ราชันมังกรน่าจะจบด้วยอันดับที่ดีแน่ๆ ในซีซั่น 2022-23

   บีจี ปทุม ยูไนเต็ด อาจจะไร้นักเตะระดับบิ๊กเนมเข้ามา แถมปล่อยแข้งดังออกไปหลายราย ไม่ว่าจะเป็น เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ (เมืองทอง ยูไนเต็ด), ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์ (การท่าเรือ เอฟซี), วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (การท่าเรือ เอฟซี) และ ฉัตรชัย บุตรพรม (ประจวบ เอฟซี) แต่พวกเขาไม่กระเทือนเท่าไหร่แน่ เพราะคนที่มีอยู่ก็ถือว่าระดับท็อปของไทย ทั้งนั้น

   หลังจากได้แชมป์ลีกเมื่อซีซั่น 2020-21 นับตั้งแต่นั้นมา ดูเหมือนว่ากระต่ายแก้วจะรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีนัก ซึ่งเป็นหน้าที่ของ แมตต์ สมิธ เฮดโค้ชชาวออสเตรเลีย ว่าจะกำกับ เดอะ บลู แมชีน ไปได้สวยหรือไม่ หากยังฝืดเหมือนในเลกแรก ตำแหน่งกุนซือก็คงจะต้องเปลี่ยนอีกแน่ๆ

   ส่วน 2 ทีมใหญ่ที่อาจจะเงียบๆ เรื่องการเสริมทัพ แต่ก็ไม่อาจประมาทได้คือ แบงค็อก กับ เชียงราย ซึ่งอยู่อันดับ 4 และ 5 ของตารางคะแนน

   บียูที่ปกติแล้วจะสร้างความฮือฮาในทุกช่วงของตลาดซื้อ-ชาย แต่หนนี้พวกเขามาแปลก เพราะไม่ได้นำเข้าใครเลย หากแต่ใช้การดันผู้เล่นเยาวชนขึ้นมาต่างหาก

  อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีแข้งใหม่ แต่ระบบของ แบงค็อก ก็ค่อนข้างจะลงตัวอยู่แล้ว ยิ่งการได้ ธชตวัน ศรีปาน กลับมารับบทกุนซืออีกครั้ง ก็ไม่ทำให้นักเตะต้องปรับตัวมาก 

   ส่วน เชียงราย ที่ได้ เนลสัน โบนีญ่า มาล่าตาข่ายนั้นน่าสนใจมาก เพราะแต่ไหนแต่ไร กว่างโซ้งมหาภัยก็เป็นทีมที่เล่นได้เหนียวแน่น และรอโอกาสอย่างอุตสาหะ ทว่านับตั้งแต่ปล่อย บิลล์ ออกไป ก็ยังหาตัวแทนไม่ได้เลย

   กระทั่งการมาของศูนย์หน้าทีมชาติเอลซัลวาดอร์ นี่แหละที่น่าจะตอบโจทย์ที่ตามหามานาน เนื่องจากดาวยิงวัย 32 ปี คุ้นเคยกับ ไทยลีก เป็นอย่างดีนั่นเอง

   ไล่ลงมาถึง การท่าเรือ ที่อาจจะขยับไม่เยอะ แต่เน้นๆ ทั้งนั้น เพราะได้ ปฐมพล เจริญรัตนาภิรมย์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, สมพร ยศ, ธิติ ทุมพร และดึง ศิวกร จักขุประสาท กลับมาจากการยืมตัว

   ขุมกำลังดั้งเดิมก็แน่นทุกตำแหน่ง และได้ผู้เล่นใหม่เข้ามาเสริม ก็จะทำให้การแข่งขันภายในทีมสูงขึ้น และสุดท้ายก็จะส่งผลในแง่บวกต่อสโมสร

   ทว่าเหนืออื่นใด พวกเขาจะต้องสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันภายในทีม เพราะผลงานที่ผ่านมานั้นบ่งชี้ว่ายังต่างคนต่างเล่น ทั้งๆ ที่นักเตะแต่ละรายนั้นคือแข้งชั้นนำของประเทศ ทว่าฟอร์มในสนามกับตรงกันข้าม

   หากสิงห์เจ้าท่ารวมใจเป็นหนึ่งได้เมื่อไหร่ รับประกันเลยว่าพวกเขาจะลุ้นแชมป์ได้ทุกถ้วยในประเทศ

   ปิดท้ายที่ เมืองทอง ที่จัดหนักไม่เบาในเลกที่สองกับการนำเข้า ปฏิวัติ คำไหม, เจริญศักดิ์ วงศ์กรณ์, กานต์นริทร์ ถาวรศักดิ์, กฤษณ์พรหม บุญสาร และดึงขวัญใจกิเลนผยองอย่าง วิลเลียน พ็อพพ์ กลับมาสู่รั้ว ธันเดอร์โดม อีกครั้ง

   การเติมแกร่งของอดีตแชมป์ ไทยลีก 4 สมัย ทำให้แฟนๆ ของพวกเขามั่นใจได้เลยว่าสโมสรต้องการลุ้นแชมป์อย่างเต็มตัวในอนาคต เพราะแต่ละคนที่ย้ายมานั้นยังเล่นอาชีพได้อีกหลายปี

   ต้องยอมรับว่าคะแนนในตารางของ เมืองทอง นั้นคงจะไต่ไปสู่อันดับหนึ่งได้ยากยิ่ง แต่ในฟุตบอลถ้วย พวกเขาคงเน้นหนักเป็นพิเศษ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจที่จะกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง

   นี่คือส่วนหนึ่งของกลุ่มทีมใหญ่ที่กำลังตกแต่งตัวเองเพื่อต่อสู้กับการแข่งขันที่เร้าใจ

   ไทยลีก กำลังพัฒนาไปอีกขั้น ซึ่งนั่นหมายถึงมาตรฐานที่สูงขึ้น และมันย่อมทำให้ฟุตบอลบ้านเราน่าดูชมมากกว่าเดิม

   หวังว่าการบริหารจัดการจะสอดคล้องไปกับย่างก้าวที่มั่นของฟุตบอลลีก เพราะเมื่อทุกอย่างแข็งแรง รายได้ก็ย่อมเข้ามา ความศรัทธาจากแฟนๆ ก็จะตอบสนองโดยธรรมชาติ

   ไทยลีกเลก 2 เริ่ม

ชิกกะด้าว


ที่มาของภาพ : การท่าเรือ เอฟซี Port FC, Muangthong United FC., Chonburi Football Club
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport