หงส์สยายปีก,ซาลาห์ ควง นูนเญซ ฮ็อตต่อเนื่อง-5ข้อ ลิเวอร์พูล บุกยำ อาแจ็กซ์ ลิ่วชปล.

แม้ช่วงต้นเกม เครื่องจักรสีแดง จะยังไม่ทำงาน แต่ทันทีที่เบิกสกอร์แรกได้ สกอร์ของทีมเยือนก็ไหลมาเทมากระทั่งย้ำแค้นแชมป์ลีกดัตช์ได้สำเร็จ กำชัยกลับเมืองผู้ดีไปแบบไร้ปัญหา

1.คล็อปป์ จัดทัพตามสั่งกูรู

หลังคุมทีมออกไปแพ้ ฟอเรสต์ แบบสุดช็อก 1-0 ในเกม พรีเมียร์ลีก นัดล่าสุด เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็หวนมาจัดทัพเอาใจนักวิจารณ์หลังโดนถล่มยับว่าวางหมากประหลาดจน หงส์แดง ต้องอับอาบขายหน้าที่ ซิตี้ กราวนด์

จากเกมดังกล่าว คล็อปป์ ปรับทัพสามรายพาทีมบุกมาเหยียบถิ่น อาแจ็กซ์โดยส่ง ดาร์วิน นูนเซญ , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ลงเล่นเป็นตัวจริง

สำหรับสามดาวเตะที่โดนดร็อปไปนั่งข้างสนามประกอบไปด้วย เคอร์ติส โจนส์ , ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ และ เจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งทั้งหมดได้ออกสตาร์ตในเกมบุกไปแพ้ ฟอเรสต์ และเป็นเหตุให้ คล็อปป์ โดยเฉ่งโทษฐานส่งคุณน้าสารพัดประโยนช์รับบทแบ็คขวา แถมไม่คิดใช้งานกัปตัน เฮนโด้ ทั้งๆที่ ติอาโก้ มีปัญหาหูติดเชื้อจนลงเล่นไม่ได้

2.เปิดตัวสายเขียว

ในที่สุด ลิเวอร์พูล ก็หันมาใช้ชุดเยือนชุดที่สามสีเขียวลงสนามเป็นครั้งแรกในซีซั่นนี้หลังแฟนบอลตั้งข้อสังเกตว่าชุดเยือนสีขาวไม่เป็นมงคลเอาซะเลย

จะเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้เนื่องจาก หงส์แดง สวมเสื้อขาวลงเล่นเกมเยือนในซีซั่นนี้ไม่เคยกำชัยได้ เต็มที่ก็ทำได้แค่เสมอเท่านั้น และในวันที่ออกไปแพ้ ฟอเรสต์ อย่างน่าอดสู ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์ก็สวมชุดขาวลงบู๊เช่นกัน

แต่ก็นั่นแหละ อันที่จริงการสวมชุดเขียวลงเล่นเป็นเกมแรกในซีซั่นนี้ของ ลิเวอร์พูล อาจไม่ใช่เพราะสโมสรเห็นคล้อยตามแฟนบอลก็ได้ หากแต่มันเป็นไฟท์บังคับนั่นเองเนื่องจาก อาแจ็กซ์ สวมชุดเหย้าที่มีทั้งสีแดงและขาวปนกัน เร้ด แมชีน จึงต้องประเดิมสวมบท สายเขียว เป็นนัดแรกด้วยประการฉะนี้

3.เก๋าไม่ช่วยอะไร

จาก 11 รายชื่อของ อาแจ็กซ์ ปรากฏว่ากุนซือ อัลเฟร็ด ชรอยเดอร์ เน้นเอาความเก๋าเข้าต่อกรกับ ลิเวอร์พูล เนื่องจากอายุเฉลี่ยทีมชุดนี้ของแชมป์ลีกดัตช์สูงที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยส่งลงเล่นเกมหูใหญ่เลยทีเดียว

มีการเปิดเผยว่า อาแจ็กซ์ ทีมนี้มีอายุเฉลี่ย 27 ปี 295 วันซึ่งถือเป็นไลน์อัพที่สูงวัยที่สุดของทีมดังจากเมืองกังหันลมนับตั้งแต่ที่พวกเขาลงเล่นถ้วย แชมเปี้ยนส์ลีก

4.บังโม-นูนเญซ ฮ็อตต่อเนื่อง

นับตั้งแต่เขี่ยบอล เห็นได้ชัดว่า ลิเวอร์พูล ซึ่งขอแค่เสมอก็จะเข้ารอบบุกมาเล่นแบบเนือยๆหวังแค่แชร์แต้มเป็นหลักเนื่องจากเพียงพอต่อการหลุดเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย

อย่างไรก็ดี หลังผ่านพ้นครึ่งชั่วโมงด้วยเห็นว่า อาแจ็กซ์ ไม่มีพิษสง ทีมจากเมอร์ซีย์ไซด์จึงเริ่มเดินเกมรุกมากขึ้นเป็นลำดับ และกดดันแผงหลังเจ้าบ้านได้อย่างต่อเนื่องกระทั่งนาทีที่ 42 โม ซาลาห์ ที่กลับมาสู่ฟอร์มเฉียบคมอีกรอบหากไม่นับเกมแพ้ เจ้าป่า ก็สำแดงเดชตวัดยิงลูกจ่ายของ เฮนโด้ ตุงตาข่ายพา ลิเวอร์พูล ออกนำก่อนจบครึ่งแรกช่วยการันตีโอกาสเข้ารอบของทีมจากเมืองผู้ดีมากขึ้นไปอีก และเป็นประตูที่หกของเขาแล้วจากเกม แชมเปี้ยนส์ลีก สี่นัดหลัง

ขณะเดียวกัน นูนเญซ ก็มาบวกเม็ดสองให้ หงส์แดง ได้ตั้งแต่ต้นครึ่งหลังจากจังหวะโขกลูกเตะมุมตุงตาข่ายซึ่งแสดงให้เห็นว่ากองหน้า อุรุกวัย กำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างร้ายกาจเช่นกันซึ่งเป็นประตูที่หกของเขากับรั้ว แอนฟิลด์ ก่อนที่ ฮาร์วีย์  เอลเลียตต์ จะมาเพิ่มเม็ดสามให้ทีมเยือนในอีกพริบตาเดียวเท่านั้น

และจากนั้นมา เร้ด แมขีน ก็พอใจกับสกอร์โดยหันมาแพ็คเกมตั้งรับปล่อยให้แชมป์เมืองกังหันลมได้ครองเกมรุกตามสบาย พร้อมทั้งเปลี่ยนตัวสำรองลงไปสัมผัสเกม แต่แน่นอนว่า อาแจ็กซ์ ไร้น้ำยาที่จะยิงตีไข่แตก และพ่ายไปแบบไร้ประตูสู้

5.สถิติที่เลวร้ายของ อาแจ็กซ์

จากชัยชนะของ ลิเวอร์พูล ที่สนาม โยฮัน ครัฟฟ์ อารีน่า เท่ากับว่า คล็อปป์ ประสบกับชัยชนะเหนือ อาแจ็กซ์ แบบ 100% รวมทั้งหมดหกนัดแล้วโดยสองนัดเป็นช่วงที่เขากุมบังเหียน ดอร์ทมุนด์

ด้าน ลิเวอร์พูล ก็มีผลงานที่ดีในเกมบุกมาบู๊กับทีมดัตช์โดยพวกเขาเสียประตูแค่เม็ดเดียวเท่านั้นตลอดเจ็ดนัดในเกมบู๊กับ พีเอสวี เมื่อเดือนธ.ค.2008

สำหรับ อาแจ็กซ์ พวกเขามีชัยเหนือทีมจากเมืองผู้ดีในรังตัวเองแค่นัดเดียวเท่านั้นจากเก้านัดหลัง (เสมอหนึ่ง แพ้เจ็ด) ซึ่งหนเดียวเกิดขึ้นเป็นเกมพิชิต แมนฯ ซิตี้ เมื่อปี 2012 

ขณะเดียวกัน อาแจ็กซ์ แพ้ ลิเวอร์พูล ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ตลอดสี่เกมหลังที่พบกันอีกด้วย