เบื้องหลังหงส์เข้ารอบ !

แชมเปี้ยนส์ ลีกแมตช์เดย์ที่ห้า ชี้ชะตาการเข้ารอบของลิเวอร์พูล และเปิดโอกาสให้อาแจกส์ มีความหวัง หากเกมที่ โยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา เป็นใจให้ยอดทีมดัชท์ลีก ได้สามแต้ม

หากออกเป็นผลอื่น...ลิเวอร์พูลได้ไปต่อในรอบน้อคเอาต์ของแชมเปี้ยนส์ ลีกเดือนก.พ. ปีหน้า

เป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่งในความไม่ก้าวหน้าของ "หงส์แดง" ในซีซั่นนี้

ดีกว่าพลาดตกรอบช.ป.ล แบบนั้นมันคือการซ้ำสถานการณ์ให้ดูแย่ลงไปกว่ามาตรฐานการเล่นที่ตกลงอย่างน่าใจหาย 

ด้วยเหตุปัจจัยที่วิเคราะห์กันได้ต่างๆนานา แต่เอาตามหน้างานก็เห็นๆกันอยู่ว่า "พลัง" มันเหือดหาย แพสชั่น ไม่มีเหมือนสามสี่ปีก่อนช่วงคว้าแชมป์อย่างยอดเยี่ยม 

โอเค วันนี้ทุกคนเฝ้ามองดูการทำงานของ เจอร์เก้น คลอปป์ ว่าจะแก้ปัญหาสองเรื่องให้ทุเลาได้อย่างไร

1 นักเตะเจ็บ

2 ฟอร์มตกต่ำกว่ามาตรฐาน

มีการพูดกันเรื่องถ่ายเลือดใหม่ .....เรื่องนี้ เจเค จะเชื่อหรือไม่ รอดูครับ

เด็กหงส์บอกว่า ลุ้นกันเกมต่อเกมเวลานี้

ลุ้นว่า ใครเจ็บอีกมั้ยและ เล่นแล้วออกมาอย่างไร

เหมือนเกมกับอาแจกส์ นี่แหละ จากที่ดูเหมือนไม่ยาก...มันก็กลายเป็นยากไป

อันนี้ก่อนลงสนามนะครับ

มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง

1 เจเค 4-4-2  ไดมอนด์

จัดตัวเหมือน 4-3-3 เพราะแดนกลางมี ทั้ง เฮนโด, เอลเลียตต์ และ ฟาบินโญ

ข้างหน้ามี ดาร์วิน, บ๊อบบี และ โม แต่พอยืนshape ในสนาม ก็เห็นชัดเลยว่าเป็น 4-4-2 แบบไดมอนด์ คือ บ๊อบบี เป็นเหลี่ยมบน ฟาบินโญ เหลี่ยมล่าง เฮนโด โยกไปทางซ้าย และเอลเลียตต์ ทางขวา ส่วน โม กับ ดาร์วิน ยืนคู่กันแดนหน้าเลย โม ไม่ต้องมายืนริมเส้นด้านซ้ายอีกต่อไป

ดูเหมือน เจเค พยายามแก้ปัญหาของทีมเรื่องตัวผู้เล่นไม่พร้อม แดนกลางมีให้เลือกไม่มาก ปรับมาเล่นแบบ 4-4-2 ระบบที่ คลอปป์ โตมาสมัยเป็นนักเตะกับทีมไมนส์ ภายใต้โค้ช โวล์ฟกัง แฟร้งค์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว คือการเล่นแบบ 4-4-2 นักเตะจะมีพื้นที่ให้เล่นได้ใกล้ๆกัน ดูจะทำให้ compact หรือรัดกุมมากขึ้น เล่นแล้วจะแน่น แต่มันก็ต้องซ้อมแหละครับ เพราะจากระบบ 4-3-3 ที่คุ้นเคยมานานวันหนึ่งมาเปลี่ยนระบบในระหว่างแข่งขัน...ไม่ง่าย

2 อาแจกส์ ปรับหน้าเป้า 4-3-3

ทีมดังดัชท์ลีก ผู้ไม่เคยเปลี่ยนปรัชญาการเล่นบอลรุก 4-3-3  ภายใต้การคุมทีมของอดีตมือขวาของ เอริก เทน ฮาก อย่าง อัลเฟรด ชโรเดอร์ มีการปรับ11 คนแรก ด้วยการส่ง บรอบเบ หน้าเป้าลง หลังจากติดใจกับหน้าปลอมอย่าง โม คูดุส ตัวทีมชาติกานา ยืนมาหลายเกม แถมแดนกลางพัก เคนเนธ เทยเลอร์ ส่ง ดาวี คลาสเซน ลงมายืนกลางรุก มี อัลบาเรส ตัวตัดเกมทีมชาติเมกซิโก คุมกลางและ สเตฟาน เบิร์กเฮาส์ ที่เคยมาเตะกับวัตฟอร์ดหลายปีก่อนยืนเป็นลักษณะ ดับเบิล 6 กับ อัลบาเรส 

ทาดิช, เบิร์กไวน์ และ บรอบเบ คือสามกองหน้า ส่วนแบกโฟร์ ขาประจำของพวกเขาในปีนี คู่เซนเตอร์เป็น บาสซีย ที่ดึงมาจาก เรนเจอร์ส (อดีตเด็กสร้างเลสเตอร์) แทน ลิซานโดร มาร์ติเนส เล่นกับ ทิมเบอร์ โดย ดาเลย์ บลินด์ แบ๊กซ้าย ส่วนแบ๊กขวาเปลี่ยนใช้ โลเปส ไม่ใช่ เดวิน เร้นช์ ที่ฟอร์มผีเข้าผีออก ฮอร์เก ซานเชส ตัวทีมชาติเมกซิโก ที่พึ่งย้ายมาปีนี้ 

3 ครึ่งแรก ยิงครั้งแรกได้ประตู

แม้เกมแพลนของ เจเค ตั้งใจมาเล่นเพื่อความแน่นอน ไม่บุก เน้นขอหนึ่งแต้มก็เพียงพอ แต่มันเป็น 40 นาทีแรกที่ลิเวอร์พูลเล่นกันอย่างเรื่อยเปื่อยเอามากๆ แดนกลางแบบไดมอนด์ ตัดบอลไม่ค่อยได้ แถมเสียบอล จนเกือบทำเสียประตู 

อาแจกส์ เองต้องเขกกระโหลกตัวเองที่มีโอกาสยิงสองสามครั้งแบบชัดๆ กลับไม่คมเอง เบิร์กเฮาส์ ยิงง่ายๆ ชนเสา , ทาดิช ซัดจ่อๆ ติดตัว เทรนต์ เป็นช่วงครึ่งแรกที่พวกเขาอย่างน้อยควรขึ้นนำ หากทำได้เกมจะออกไปอีกแบบก็เป็นไปได้ ใครจะรู้ เพราะหงส์แดงปีนี้ สภาพนี้ เมื่อโดนนำก่อนคือกลับมาไม่ได้เลย มีนัดชนะนิวคาสเซิลเท่านั้นที่ทำได้ นอกนั้นก็แพ้ตลอด

กระทั่งเกมผ่านนาทีที่ 35 ไปแล้วเริ่มทำเกมได้บ้าง แต่ไม่สามารถเข้าถึงแดนสาม ยังไม่จบด้วยการยิงประตูกระทั่ง จังหวะการแย่งบอลแดนกลางแล้วหงส์แดงชิงเหลี่ยมได้ บอลถึง เฮนโด  ด้านซ้าย เขาดีดไซด์ก้อยเร็วเข้าไปที่ว่าง ระหว่างคู่เซนเตอร์อาแจกส์ ที่ปล่อยให้ ซาลาห์ ยืนว่างๆ แถม พาสวีร์ ประตูมือสองทีมชาติฮอลแลนด์ ดันทะเล่อทะล่าวิ่งออกมา เลยโดน ซาลาห์ดีดสวนข้ามตัวเข้าไป 1-0 น.42

นั่นคือจุดที่ทำให้ทุกอย่างโล่งเพราะ....การได้ประตูเท่ากับความกดดันตกไปอยู่กับ อาแจกส์

4 ครึ่งหลังปิดเกมเร็ว

เป็นช่วงเวลาห้านาทีที่ อาแจกส์ ยังตั้งสติตัวเองไม่ได้ แถมเปิดฉากมาเด็กหงส์เพรสแดนบนทันที เรียกว่าจู่โจมเร็วจนตั้งตัวไม่ติด ส่งผลให้ อาแจกส์ โดนยิง 2 ประตูในสองสามนาที 

2-0 น.49 เจอทีเด็ด ดาร์วิน (ครึ่งแรกดันยิงชนเสาง่ายๆ) ขึ้นโขกสะบัดเสียบโคนเสา 

3-0 น.51 จากนั้นเกมอาแจกส์ กระจัดกระจาย.... โม ซาลาห์ แทงให้ เอลเลียตต์ หลุดเข้าไปยิงแสกหน้า พาสวีร์ 

จบข่าวครับ

หลังจากนั้น อาแจกส์ ถอดใจเรียบร้อย ลิเวอร์พูลเล่นสบายเลย 

มีการปรับเปลี่ยนตัว แถมยังส่ง บายเซติช มาชิมลางแทน ฟาบินโญ

คาร์วัลโญ, มิลเนอร์ ลงมาเล่นเกม พัก ดาร์วิน, เฮนโด ด้วยเช่นกัน

ประเด็นคือหลังจากนี้ความมั่นใจจะกลับมาอีกมั้ย หรือว่าจะคงต้องลุ้นกันนัดต่อนัด

อย่างหลังครับ...แม้ตอนนี้รายชื่อนักเตะที่เจ็บแล้วหายกลับมาซ้อมและมีชื่อติดทีม เป็นข่าวดี แต่ก็ต้องลุ้นต่อครับ เพราะอย่าลืมว่ามีหลายเกมที่หงส์แดง ถล่มคู่แข่ง แต่เกมต่อมากลับเล่นแย่กว่าเดิม

ชนะบอร์นมัธ ถล่มทลาย, ชนะนิวคาสเซิลแบบน่าเสมอ

ชนะเรนเจอร์ส ถล่มทลายทั้งสองนัด แต่กลับมาเล่นพรีเมียร์ลีก ไร้ทรง

เกมต่อไปในพรีเมียร์ลีกลิเวอร์พูลจะเผชิญหน้ากับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่กำลังดิ้นรนสุดๆ เพราะพลาดท่ามาหลายนัด แถมตกไปอยู่โซนตกชั้นเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นไม่มีทางย่ามใจกับชัยชนะต่ออาแจกส์ ได้โดยเด็ดขาด

อย่าลืมเจอ นอตติงแฮม ฟอเรสต์ บ๊วยก่อนลงสนามยังเสียท่าง่ายๆ

ดังนั้นยังคงไม่มีความแน่นอนอะไรในการรักษาผลงานในยามที่สภาพทีมไม่เป็นใจและฟอร์มนักเตะดรอปลงจากเดิมเยอะแยะเลย

ลุ้นกันต่อนัดครับ...

อย่าพึ่งเสียงดังให้โลกไม่สงบนะ 555

อ้อ....จากการที่ใส่เสื้อทีมเยือนเป็นชุดเขียวเหนี่ยวแต้ม

หากเป็นไปได้...ชุดเยือนสีขาวที่เปิดตัวในศึกวินิจ คัพ ให้ผีถล่มเละเทะนั้น เอาเก็บไว้ใช้เตะลีก คัพ, เอฟเอ คัพ ก็ได้นะ


ที่มาของภาพ : getty images
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport