ดาร์วิน นูนเญซ ไม่ไหวจะเคลียร์,คอเนอร์ แบรดลีย์ ของแทร่! 5 ประเด็นเกม ลิเวอร์พูล ขยี้ เชลซี

ลิเวอร์พูล ยังระเบิดฟอร์มอำมหิตได้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันประกาศลาออกหลังจบซีซั่นโดยทีมจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก เปิดบ้านไล่ต้อน เชลซี อย่างสบายเท้า 4-1 เมื่อวันพุธที่ 31 ม.ค.ขณะที่เกมนี้ คอเนอร์ แบรดลีย์ ร่ายเพลงแข้งได้อย่างโดดเด่นอีกตามเคยจากการสร้างผลงานสองแอสซิสต์ และยิงประตูแรกกับสโมสรได้เป็นผลสำเร็จอีกต่างหาก

1. แม็กก้า คัมแบ็คตัวจริงหงส์

ลิเวอร์พูล ได้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กองกลางทีมชาติ อาร์เจนติน่า ฟิตสมบูรณ์กลับมาลงสนามเป็นตัวจริงหลังสตาร์เลือดฟ้าขาวบาดเจ็บจนพลาดเกม เอฟเอคัพ รอบสี่นัดเฝ้าบ้านสยบ นอริช 5-2

นอกจาก แม็ค อัลลิสเตอร์ แล้ว เจ้าบ้านโรเตชั่นนักเตะเพิ่มอีกสามรายโดย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ , หลุยส์ ดิอาซ และ โดมินิก โซโบซไล ได้กลับมาลงเล่นเป็น 11 คนแรก

2. สิงห์บลูส์ ชุดเดิมสลับหลังรายเดียว

เชลซี ของกุนซือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ วางใจขุมกำลังชุดเดิมจากเกมเปิดบ้านเสมอกับ แอสตัน วิลล่า 0-0 ในศึก เอฟเอคัพ รอบสี่โดยมีการเปลี่ยนแผงหลังรายเดียวเท่านั้น

นายใหญ่อาร์เจนไตน์เลือกใช้งาน เบน ชิลเวลล์ ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมนี้ ทำให้ อัลฟี่ กิลคริสต์ หล่นไปรับบทตัวสำรอง

อย่างไรก็ดี ทีมเยือนมี คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู กับ มาโล่ กุสโต้ ฟื้นจากอาการบาดเจ็บนั่งรอในซุ้ม แต่ นิโคลัส แจ็คสัน ยังไม่เดินทางกลับจากศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ แม้ เซเนกัล จะตกรอบ 16 ทีมไปแล้วจากการดวลลูกโทษพ่าย ไอวอรี่ โคสต์ ชาติเจ้าภาพ

3.นูนเญซ แม่นเสาแม่นคาน


ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นว่าเหนือกว่า เชลซี หลายขุมตั้งแต่เริ่มเขี่ยบอล  และส่งผลให้ ดาร์วิน นูนเญซ มีโอกาสคลำเป้าถี่ยิบทั้งการสร้างโอกาสเอง และจากจังหวะที่เพื่อนป้อนให้

อย่างไรก็ดี หลังมีโอกาสสับไกราวสามครั้ง ดาวยิงทีมชาติ อุรุกวัย ไม่สามารถพาทีมออกนำได้ทั้งซัดโด่งข้ามคาน และโดนนายทวาร เชลซี เซฟ

จนในที่สุด ดีโอโก้ โชต้า แสดงให้เห็นถึงการเป็นยอดกองหน้าฝีเกือกคมจากโอกาสพาบอลแหวกทั้ง ติอาโก้ ซิลวา และ เบอนัวต์ บาเดียชิลเข้าไปซัดพาทีมเจ้าบ้านออกนำ 1-0 ในนาทีที่ 23 ก่อนที่ คอเนอร์ แบรดลีย์ จะกระทุ้งประตูแรกของตัวเองให้ หงส์แดง นำห่าง 2-0 ในนาทีที่ 39

เท่านั้นไม่พอ ลิเวอร์พูล น่าจะปิดฉากครึ่งแรกด้วยสกอร์นำ 3-0 ด้วยเมื่อ โชต้า โดน บาเดียชิล ย่ำในเขตโทษนาทีสุดท้าย แถม แม็ค อัลลิสเตอร์ ใจกว้างมอบโอกาสให้ นูนเญซ ทำหน้าที่สังหารลูกโทษแทน  แต่หัวหอกละตินยังไม่วายซัดบอลไปชนเสาเฉย

ถึงตอนนี้ นูนเญซ ยิงไประตูในเกมลีก 50 นัดได้แค่ 16 ลูกเท่านั้นซึ่งเป็นสถิติที่เลวร้ายมากสำหรับกองหน้าค่าตัวแพง แต่ยังดีที่เกมนี้เขาทำได้หนึ่งแอสซิสต์

ไม่เพียงครึ่งแรกจะขยันส่งบอลชนกรอบประตูเท่านั้น ครึ่งหลัง นูนเญซ ยังคลำเป้าชนคานอีกตามเคยจึงทำให้ดาวยิง หงส์แดง เป็นนักเตะรายแรกที่ซัดบอลชนกรอบในเกม พรีเมียร์ลีก นัดเดียวมากถึงสี่ครั้งนับตั้งแต่ซีซั่น 2003/04 และรวมทั้งหมดในซีซั่นนี้ เขาแม่นกรอบประตูมากถึง 9 ครั้งแล้วอันเป็นสถิติที่มากกว่านักเตะรายอื่นๆสามครั้ง

ขณะเดียวกัน นูนเญซ เป็นนักเตะ เร้ด แมชีน รายที่สองนับตั้งแต่ซีซั่น 2003/04 ที่มีโอกาสเช็กบิลมากถึง 11 ครั้งในเกม พรีเมียร์ลีก นัดเดียว แต่ส่งบอลปะทะตาข่ายไม่สำเร็จต่อจาก หลุยส์ ซัวเรซ ในเกมบู๊กับ นอริช เดือนต.ค.2011

แม้จะนำหน้าแค่ 2-0  ซึ่งอันที่จริงน่าจะมากกว่านั้น แต่หลังจบ 45 นาทีแรก ลิเวอร์พูล เหนือกว่า เชลซี ทุกด้านทั้งการครองบอล 54:46% และได้ยิงมากถึง 15 ครั้งเข้ากรอบ 6 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนได้ยิงหนเดียวและเข้ากรอบ

4. แบรดลีย์ ของแทร่


ในที่สุด คอเนอร์ แบรดลีย์ ก็พังประตูแรกของตัวเองในสีเสื้อของ ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จ แถมเป็นไปอย่างเฉียบขาดอีกด้วย

ก่อนจะนับหนึ่งมีชื่อติดสกอร์บอร์ด แบ็คขวาวัย 20 ปีโชว์ฟอร์มได้อย่างจัดจ้านตลอดทุกนัดนับตั้งแต่  คล็อปป์ ส่งลงไปประเดิมสนามเป็นเกมแรกกับทีมชุดใหญ่ แถมเจ้าตัวแอสซิสต์ประตูให้เพื่อนร่วมทีมได้เช่นเดียวกับเกมนี้ที่เขาผ่านบอลให้ เร้ด แมชีน ออกนำ 1-0 รวมถึงสาดบอลให้ โซโบซไล โขกในครึ่งหลังนาทีที่ 65 พาทีมนำหน้า 3-0 ก่อนถูกถอดออกไปพักโดยถึงตอนนี้เขามีแอสซิสต์ในซีซั่นนี้มากกว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส กัปตันทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ไปแล้ว

จะว่าไป ก่อนเกมบู๊กับ เชลซี มีกูรูบางรายแสดงความเป็นห่วง แบรดลีย์ ว่าอาจเจองานหนักที่ต้องตามคุม ราฮีม สเตอร์ลิ่ง อดีตปีกซ้ายของสโมสร แต่เท่าที่่เห็นมันไม่เป็นปัญหาสำหรับแบ็คขวาอนาคตไกลเลยแม้แต่น้อยเนื่องจากเกมของ หงส์แดง ข่ม สิงห์บลูส์ จนมิด 

และที่แน่ๆ พ่อค้าแข้งทีมชาติ ไอร์แลนด์เหนือ มีคุณสมบัติครบเครื่องอย่างแท้จริงทั้งเล่นเกมรับได้อย่างแข็งแกร่งเหนียวแน่น และเติมเกมรุกได้อย่างอันตราย แถมแอสซิสต์ได้เยี่ยมกระทั่งปลดล็อกซัดประตูได้ด้วยโดยที่ ลิเวอร์พูล แทบลืมไปเลยว่าพวกเขายังมี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ อยู่ในทีมทั้งคน

จะอย่างไรก็ตาม แบรดลีย์ กำลังเดินตามรอย อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ได้อย่างน่าประทับใจโดยในวัย 20 ปี 206 วันทำให้เขาเป็นนักเตะ ลิเวอร์พูล อายุน้อยที่สุดที่ทำสองแอสซิสต์ในเกม พรีเมียร์ลีก ถัดจากที่ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ทำได้ในเกมกับ วัตฟอร์ด เดือนก.พ. 2019  ขณะมีอายุ 20 ปี 143 วัน

สำหรับเกมถล่ม เชลซี แบรดลีย์ สร้างผลงานสุดยอดก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกดังนี้

81% ผ่านบอลแม่นยำ

3/5 จ่ายบอลยาวเข้าเป้า

4 สร้างโอกาส

2 แอสซิสต์

1/1 ซัดบอลเข้ากรอบ

1 ประตู

7/12 ชนะการดวล

3/3 ชนะการเข้าปะทะ

5. โชต้า ยิงไม่มีแพ้


นอกจาก แบรดลีย์ แล้ว ดีโอโก้ โชต้า เป็นสตาร์ทีม ลิเวอร์พูล อีกรายที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมแทบทุกนัดที่ได้ลงสนาม

อย่างเกมนี้ ดาวเตะทีมชาติ โปรตุเกส แสดงให้เห็นอีกหนว่าเขาใช้โอกาสไม่เปลืองเลยกับการยิงประตูให้กับทีมได้สำเร็จ ต่างไปจาก นูนเญซ ที่มีโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า แต่กลับส่งบอลเข้าปะทะตาข่ายไม่ได้

และที่สำคัญ หาก โชต้า คลำเป้าได้ เขาไม่เคยเดินออกจากสนามในฐานะผู้แพ้เกม พรีเมียร์ลีก เลยซึ่งถึงขณะนี้รวมถึงเกมชนะ เชลซี ด้วยมันกินเวลานานถึง 37 นัดแล้วที่เขาได้เฮหากยิงประตูได้ ขณะที่อีก 7 นัดออกเสมอ

ด้าน ลิเวอร์พูล หลังบดขยี้  เชลซี ราบคาบ สถิติหลังเกม 90 นาทีบ่งชี้ว่าเจ้าบ้านครองบอลได้มากกว่า 51:49% และได้ยิงประตูรวม 28 ครั้งเข้ากรอบ 13 ครั้ง ขณะที่อาคันตุกะได้เข่น 4 ครั้งเข้ากรอบ 3 ครั้ง

ต่อตัวเลข 28:13 ทำให้ ลิเวอร์พูล สร้างสถิติร่วมของ พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ซีซั่น 2003/04 กับการหาโอกาสยิงประตู เชลซี ได้มากถึง 28 ครั้ง ขณะที่ 13 ครั้งเป็นตัวเลขสูงสุดที่ สิงห์บลูส์ ประสบในเกมลีกเช่นกันจากการถูกฝ่ายตรงข้ามส่งบอลเข้ากรอบ


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport