อาการแผ่วปลายตามหลอน! 5 ประเด็น อาร์เซน่อล บุกแพ้ ฟูแล่ม

อาร์เซน่อล สั่งลาปี 2023 ด้วยผลงานสุดเลวร้ายในเกม ลอนดอนดาร์บี้แมตช์ นัดออกไปแพ้ ฟูแล่ม 2-1 ที่สนาม คราเวน คอตเทจ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 31 ธ.ค.ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าส่งผลกระทบอย่างหนักต่อโอกาสคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของพวกเขาในซีซั่นนี้เนื่องจากความปราชัยที่มีต่อ เจ้าสัวน้อย ทำให้ เดอะ กันเนอร์ส แย่งตำแหน่งจ่าฝูงกลับคืนมาจาก ลิเวอร์พูล แบบชั่วคราวไม่ได้ และหากทีมของ มิเกล อาร์เตต้า หนีไม่พ้นออกอาการแผ่วปลายเหมือนซีซั่นก่อนก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อยที่ทีมเมืองกรุงจะต้องรอเพลงรอการคว้าแชมป์ลีกเป็นสมัยแรกนับตั้งแต่ซีซั่น 2003/04 ต่อไป

1. เจ้าสัวได้ ฮิมิเนซ พ้นแบน

ฟูแล่ม มีเฮเมื่อ ราอูล ฮิมิเนซ สตาร์คนสำคัญกลับมาลงเล่นได้หลังติดโทษแบนสามเกม และถูกใส่ชื่อลงสนามเป็น 11 ตัวแรกทันที

นอกจากนี้ วิลเลี่ยน มิดฟิลด์จอมเก๋าซึ่งเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังหายหน้าไปสามเกมเช่นกันลงบู๊ได้อีกรายในเกมฉะกับทีมเก่าโดย เจ้าสัวน้อย อยู่ในช่วงมีผลงานเลวร้ายเนื่องจากยิงประตูใน พรีเมียร์ลีก ไม่ได้เลยตลอดทั้งสามเกมหลัง  แถมแพ้รวดอีกต่างหาก

รวมแล้วเจ้าบ้านสลับโผตัวจริงสามรายจากเกมออกไปแพ้ บอร์นมัธ ยับเยิน 3-0 ในวันบ๊อกซิ่งเดย์โดย ทิโทธี กาสตาญ ได้เสียบแทน เคนนี่ เตเต้ ในตำแหน่งแบ็คขวา ขณะที่ โรดริโก้ มูนิซ กับ อันเดรียส เปเรยร่า เสียตำแหน่งให้กับ ฮิมิเนซ และ วิลเลี่ยน

2. ปืนใหญ่ไม่โกงโรเตชั่นสามจุดเช่นกัน

อาร์เซน่อล ของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า เปลี่ยนทีมตัวจริงสามตำแหน่งเช่นกันจากเกมแพ้คารังให้กับ เวสต์แฮม 2-0 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมากระทั่งเสียตำแหน่งจ่าฝูงอย่างถาวรให้กับ ลิเวอร์พูล

ในจำนวนนี้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ หลุดโผเนื่องจากเจ็บน่องโดยมี ยาคุบ คิวิออร์ ได้เสียบแทนในตำแหน่งแบ้คซ้าย

สำหรับแดนกลาง ไค ฮาแวร์ตซ์ พ้นโทษแบนกลับมาเสียบแทน เลอันโดร ทรอสซาร์ ขณะที่ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ได้ลงเล่นก่อนหน้า กาเบรียล เชซุส ซึ่งหล่นไปเป็นตัวสำรองเช่นกัน

พร้อมกันนี้ ทาเคฮิโระ โทมิยาสึ แผงหลังเลือดซามูไรหายเดี้ยงมีชื่อนั่งอยู่ในซุ้ม

3. สตาร์ตดีใช่ว่าจะมีชัย

วลีที่ว่า "เริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง" ใช้ไม่ได้กับ อาร์เซน่อล ในเกมนี้เนื่องจากแม้ บูคาโย่ ซาก้า จะสอยตาข่ายให้ทีม ปืนใหญ่ นำหน้าตั้งแต่ไก่โห่ แต่จนแล้วจนรอดทีมเยือนไม่ได้เหนือกว่า เจ้าสัวน้อย อย่างที่ควรจะเป็นเลยทั้งๆที่เกมนี้เป็นโอกาสที่พวกเขาจะได้กลับไปนั่งเก้าอี้จ่าฝูงอีกรอบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทีมของกุนซือ มาร์โก ซิลวา อยู่ในช่วงมีอาการน่าเป็นห่วงอย่างแท้จริงจากความพ่ายแพ้ในเกมลีกตลอดสามนัดหลัง อีกทั้งพวกเขายิงประตูไม่ได้เลยด้วย และเสียรวมไปทั้งสิ้น 8 ประตู

ถึงกระนั้นก็เถอะ การได้ ฮิมิเนซ กลับมาลงสนามสร้างความคึกคักให้กับทีมเจ้าบ้านทันตาเห็น และเป็นกองหน้าทีมชาติ เม็กซิโก ที่จุดประกายให้ทีมมีลุ้นเก็บแต้มโดยเขายิงประตูตีเสมอ 1-1 ได้ในช่วง 45 นาทีแรก

สำหรับประตูดังกล่าว ทำให้อดีตดาวเตะทีม วูล์ฟส์ เช็กบิลให้ เจ้าสัวน้อย ได้เป็นลูกที่สี่แล้วในเกม พรีเมียร์ลีก สี่นัดหลังของเขาซึ่งเป็นผลงานที่เหนือกว่าตลอดทั้ง 50 นัดก่อนหน้านี้ที่เขาลงเล่นในเกมลีกเมืองผู้ดี

จบ 45 นาทีแรกที่กระท่อมน้อย อาร์เซน่อล เหนือกว่าในแง่การครองบอล 56:44% และแม้จะได้ลุ้นพังประตูมากกว่า 8:7 ครั้ง แต่เป็น เจ้าสัวน้อย ที่ส่งบอลเข้ากรอบมากกว่า 3:2 ครั้ง

4. ครึ่งหลังอย่างแบด

กลับมาสู้กันต่อในครึ่งหลัง อาร์เซน่อล ยิ่งเล่นได้แย่ลงไปอีกแม้ อาร์เตต้า จะพยายามเปลี่ยนตัวสำรองลงไปพลิกเกม แต่เห็นได้ชัดว่า ฟูแล่ม โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจกว่ากระทั่งได้ประตูชัยจากฝีเท้าของ บ๊อบบี้ รีด ในนาทีที่ 59

และที่สำคัญ แม้จะมีเวลาทวงสกอร์คืนมากถึงครึ่งชั่งโมง แต่พลพรรค เดอะ กันเนอร์ส นัดกันฟอร์มตกเร่งเกมไม่ขึ้นเลยถึงขนาดไม่อาจส่งบอลเข้ากรอบเจ้าบ้านได้อีกตลอดทั้ง 45 นาทีของครึ่งหลังซึ่งไม่แปลกเลยที่กุนซือสแปนิชจะยอมรับหลังเกมว่าเป็นแมตช์ที่ทีมของเขาเล่นได้อย่างเลวร้ายที่สุดในซีซั่นนี้

อันที่จริง แมตช์ก่อนหน้านี้ที่แพ้ เวสต์แฮม คารัง 2-0 อาร์เซน่อล เล่นกันได้อย่างน่าเกรงขาม หากแต่พังประตูไม่ได้เท่านั้นทั้งๆที่ได้สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่งมากถึง 77 ครั้งจึงทำให้ อาร์เตต้า ระบุก่อนเกมดวลกับ ฟูแล่ม ว่าเขาซ้อมให้ลูกทีมยิงประตูมากเป็นพิเศษ

หากแต่สถิติหลังจบ 90 นาทีชี้ชัดว่าการซ้อมของทีม ปืนใหญ่ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เลยเนื่องจากพวกเขาส่งบอลเข้ากรอบได้ 3 ครั้งเหมือนเดิมจากโอกาสยิงทั้งหมด 13 ครั้งซึ่งเท่ากับว่าทีมของ อาร์เตต้า ไม่ได้ทำให้ แบร์นด์ เลโน่ ได้ออกแรงเซฟเลยตลอด 45 นาทีหลัง

ด้าน ฟูแล่ม มีโอกาสยิงประตูรวมทั้งสิ้น 15 ครั้งเหนือกว่าซะอีก และส่งบอลเข้ากรอบได้ 4 ครั้งเหนือกว่า อาร์เซน่อล เช่นกันแม้จะครองบอลเป็นรอง 61:39% ก็ตาม

หลังสร้างความผิดหวังให้กับ อาร์เซน่อล ได้ ฟูแล่ม ประสบความสำเร็จเก็บสามแต้มในลีกแม้จะตกเป็นรองก่อนได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค.2022 ในเกมบู๊กับ ลีดส์ ซึ่งกินเวลานานถึง 26 เกมที่พวกเขากำชัยไม่ได้หลังเสียประตูก่อน (เสมอ 4 แพ้ 22)

ในทางกลับกัน อาร์เซน่อล แพ้เกมลีกหลังได้สกอร์นำก่อนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วันปีใหม่ 2022 ในเกมฟัดกับ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งกินเวลาทั้ง

สิ้น 48 นัด (ชนะ 42 เสมอ 6)

5. ไหวมั้ย อาร์เตต้า???

ทันทีที่ออกไปแพ้ ฟูแล่ม แบบหมดฟอร์ม เชื่อว่าทีมของ อาร์เตต้า จะถูกสังคมตั้งคำถามอีกรอบว่าจะต้องช้ำใจเหมือนซีซั่นก่อนหรือเปล่าเนื่องจากพวกเขาเหมือนจะออกอาการแผ่วปลายอีกตามเคยจากผลงานแพ้สองเกมติด และไม่ชนะเกมลีกสามนัดซ้อนแล้วโดยเก็บได้แต่แต้มเดียวจากทั้งหมดเก้าแต้ม

แทนที่จะอาศัยเกมบู๊กับ เจ้าสัวน้อย ที่ฟอร์มหลังแย่สุดๆซิวสามแต้มเพื่อกลับไปนำเป็นจ่าฝูงอีกรอบ อาร์เซน่อล กลับทิ้งโอกาสสำคัญไปโดยหาก ลิเวอร์พูล เปิดบ้านคว่ำ นิวคาสเซิ่ล ที่กำลังทรุดได้ในวันขึ้นปีใหม่ หงส์แดง ก็จะสยายปีกนำเป็นจ่าฝูงหนีทีม ปืนโต เป็นห้าแต้มจากการลงสนาม 20 นัดเท่ากันซึ่งจะส่งผลต่อการลุ้นคว้าแชมป์ของทีมเมืองกรุงมากขึ้นไปอีก

ยิ่งไปกว่านั้น เกมต่อไป อาร์เซน่อล จะได้เฝ้าบ้านทำศึก เอฟเอคัพ กับ ลิเวอร์พูล ด้วยจึงนับเป็นเกมสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายจะได้พิสูจน์ฝีเกือกกันอีกหนก่อนเกมเดิมพันชี้ชะตาในลีกซึ่ง อาร์เตต้า จะได้วัดฝีมือกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ช่วงต้นเดือนก.พ.โดยหากถึงวันนั้น เดอะ กันเนอร์ส ยังกู่ไม่กลับก็อาจต้องยอมรับความจริงกันว่าพวกเขามีแววอกหักเป็นซ้ำสอง

อย่างไรก็ดี หลังประสบกับปัญหาในการยิงประตูอย่างที่กูรูหลายรายรุมชี้ว่า อาร์เซน่อล ไม่มีหน้าเป้าที่เชื่อใจได้ก็ต้องดูกันว่าพวกเขาจะควักกระเป๋าอีกรอบหรือเปล่าในเดือนหน้านี้หลังโดนลือกับ ไอแวน โทนีย์ ศูนย์หน้าทีม เบรนท์ฟอร์ด ที่จะพ้นโทษแบนคดีเล่นพนันฟุตบอลช่วงกลางเดือนม.ค. แถมว่ากันว่าเจ้าตัวกระหายย้ายสังกัดเต็มที่ด้วย



ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport