แมนซิตี้ พบ ลิเวอร์พูล!5ประเด็นร้อนเรือเจ๊าหงส์-ฮาลันด์ สร้างสถิติ

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงรักษาตำแหน่งจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ไว้ได้ต่อไป หลังเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 เมื่อวันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน ทำให้เก็บเพิ่มเป็น 29 คะแนนจากการลงเล่น 13 นัด

ส่วน ลิเวอร์พูล มีเพิ่มเป็น 28 แต้มอยู่อันดับสองเหมือนเดิม แต่ก็มีโอกาสโดน อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ แซงขึ้นไปได้เช่นกัน หลังทั้งสองทีมยังไม่ได้ลงเล่นเกมที่ 13 ของฤดูกาล

จากผลเสมอระหว่าง "เรือใบสีฟ้า" และ "หงส์แดง" มี 5 ประเด็นน่าสนใจดังนี้

1. ฮาลันด์ เปิดซิงยิงหงส์

เกมนี้บรรดานักเตะ แมนฯ ซิตี้ หลายรายที่บาดเจ็บจนต้องถอนตัวทีมชาติต่างพากันกลับมาลงสนามรวมถึง เออร์ลิง ฮาลันด์ ดาวยิงคนเก่งที่ไปเจ็บข้อเท้าจากการลงเล่นให้ทีมชาตินอร์เวย์ด้วย

ก่อนหน้านี้ ฮาลันด์ ไม่เคยยิงใส่ "หงส์แดง" ได้เลย โดยนับเป็นแค่หนึ่งในสองคู่แข่ง พรีเมียร์ลีก ที่เจ้าตัวทำประตูไม่ได้ ส่วนอีกทีมคือ เบรนท์ฟอร์ด 

อย่างไรก็ตาม ฮาลันด์ สามารถทำลายสถิตินี้ได้แล้วหลังเป็นคนยิงให้ทีมนำ 1-0 นาทีที่ 27 พร้อมกับนำโด่งเป็นดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก ที่ 14 ประตู ทิ้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ปีก ลิเวอร์พูล ไปแล้ว 4 ลูก 

นอกจากนั้น ฮาลันด์ ยังทำสถิติเป็นนักเตะที่ยิงประตูใน พรีเมียร์ลีก ถึง 50 ลูกเร็วสุดอีกด้วย โดยใช้เวลาแค่ 48 นัดเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้สถิติเป็นของ แอนดี้ โคล ที่ทำได้นัดที่ 65

2. เรือชวดทำสถิติชนะในบ้านยาวนานสุด

นับตั้งแต่เสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 1-1 ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อปี 2022 นั้น แมนซิตี้ สามารถเดินหน้าคว้าชัยในบ้านมาได้ตลอด และก่อนลงเล่นเกมนี้ก็ชนะ 23 เกมติดทุกรายการ

เป็ป กวาร์ดิโอล่า พา "เรือใบสีฟ้า" ชนะที่ เอติฮัด ใน พรีเมียร์ลีก 15 เกม, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 5 เกม และ เอฟเอ คัพ อีก 3 เกม โดยก่อนหน้านี้พวกเขาก็ทำลายสถิติของ แมนฯ ยูไนเต็ด คู่แข่งร่วมเมืองที่เคยชนะในบ้านต่อเนื่อง 20 นัดไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ผลเสมอนัดนี้ทำให้  แมนฯ ซิตี้ อดทำสถิติเป็นทีมที่ชนะในบ้านทุกรายการยาวนานสุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ หลัง ซันเดอร์แลนด์ ทำไว้ 24 นัดระหว่างปี 1891-1892 

3.  เอติฮัด ยังเป็นกำแพงเหล็กสำหรับ ลิเวอร์พูล

ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ แมนฯ ซิตี้ ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในศึก พรีเมียร์ลีก ต้องย้อนกลับถึงปี 2015 และเกมนี้พวกเขาก็ยังไม่สามารถคว้าชัยอีกแล้ว ทำให้สนามแห่งนี้กลายเป็นของแสลงสำหรับทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์

ตลอด 16 เกมหลังสุดที่ ลิเวอร์พูล ไปเยือน แมนฯ ซิตี้ นั้น "หงส์แดง" บุกไปเอาชนะได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้น ขณะที่การเจอกันทั้งหมด 225 นัด เป็น "หงส์แดง" ชนะ 108 นัด ส่วน "เรือใบสีฟ้า" ชนะ 60 นัด

ในฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล มีผลงานไม่ค่อยดีนักเวลาลงเล่นเกมเยือน หลังชนะในลีกได้แค่ 2 เกมเท่านั้นจากทั้งหมด 7 เกมที่ออกไปเล่นนอกบ้าน (ชนะ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 2-1 และ  วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 3-1) โดยที่เหลือเป็นการเสมอ 4 เกมกับแพ้ 1 นัด อย่างไรก็ตามการได้หนึ่งคะแนนจาก แมนฯ ซิตี้ ก็ถือว่าเป็นแต้มที่ล้ำค่าเหมือนกัน

4. พ่อ ดิอาซ เชียร์ลูกชายในสนาม

หลุยส์ มานูเอล ดิอาซ คุณพ่อของ หลุยส์ ดิอาซ เข้ามาชมเกมในสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ด้วย หลังเพิ่งผ่านช่วงเวลาเลวร้ายถูกลักพาตัวเมื่อปลายเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา

หลุยส์ มานูเอล ถูกกลุ่มก่อการร้ายคุมตัวเอาไว้นานถึง 12 วันก่อนที่จะได้รับอิสรภาพ ขณะที่ ซิเลนิส มารูลันด้า คุณแม่ของดาวเตะ "หงส์แดง" ถูกปล่อยตัวหลังโดนลักพาตัวไปไม่นาน

ลิเวอร์พูล ส่งเครื่องบินไปรับครอบครัวของ ดิอาซ ถึงประเทศโคลอมเบีย ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เพื่อมาร่วมฉลองเทศกาลคริสต์มาสด้วยกันกับลูกชายที่เมืองผู้ดี

เกมนี้ ดิอาซ ไม่ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงก่อนถูกเปลี่ยนตัวลงมานาทีที่ 54 และมีส่วนที่ช่วยให้ทีมตีเสมอ 1-1 ด้วย หลังเปิดบอลให้ โม ซาลาห์ จ่ายต่อให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงเข้าไป

5. เป็ป-นูนเญซ เกือบเดือดหลังจบเกม

หลังจากที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดจบเกมไปแล้วนั้น ทั้ง เป็ป กวาร์ดิโอล่า และ เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของสองทีมต่างจับมือและสวมกอดกัน หลังทั้งคู่ต่างให้ความเคารพ และยกย่องซึ่งกันและกัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ดาร์วิน นูนเญซ กองหน้า ลิเวอร์พูล กับ เป็ป ดูเหมือนจะมีปากเสียง และถึงขนาดชี้หน้ากัน จน คล็อปป์ ต้องมากันตัวลูกทีมออกไป ขณะที่เพื่อนนักเตะ "หงส์แดง" ก็พยายามเข้ามาช่วยกล่อมให้สงบได้ในที่สุด