ลิเวอร์พูล อาจยังไม่สุด แต่นักเตะเล่นด้วยความสุข

จากการที่ เคอร์ติส โจนส์ ต้องก้มหน้ารับโทษแบน 3 เกมทำให้พื้นที่ตรงกลางว่างลงในเกม พรีเมียร์ลีก ที่กำลังจะมาถึง

ไรอัน กราเฟนแบร์ค อาจเป็นตัวเลือกแรกเกมเจอ ไบรท์ตัน หลังจากเฉิดฉายสุด ๆ เมื่อคืนวันพฤหัสบดี

แผงกลางชุดเยือน เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม เราคงเห็นแผงมิดฟิลด์ที่หน้าตาแข็งแกร่งสุด ๆ อันประกอบไปด้วย กราเฟนแบร์ค-อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์-โดมินิค โซโบซไล

เกมกับ อูนิยง แซงต์ ชิลลัวส์ คือการออกสตาร์ทนัดที่ 3 เท่านั้นของมิดฟิลด์ดัตช์ ต่างจาก แม็ค อัลลิสเตอร์ และ โซโบซไล ที่พิสูจน์ตัวเองไปก่อนแล้ว

ดาวเตะวัย 21 ปี อาจจะไม่ได้ถึงขั้นทำผลงานได้ฮือฮาในช่วงแรก ๆ กับ ลิเวอร์พูล จากการที่เขาไม่ได้มีช่วงปรี-ซีซั่นแบบเต็มที่เท่าไหร่เพื่อเข้าใจกับสิ่งที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องการในด้านแท็กติก

แต่ตอนนี้ น่าจะถึงเวลาสำหรับเขาแล้ว...

สัญญาณของเขามันดูดีเลยทีเดียว 

กราเฟนแบร์ค เป็นนักเตะชั้นยอดที่ทำได้ดีในการหาพื้นที่ว่างเพื่อที่จะเข้าไปเล่นในนั้น 

เขามีความตระหนักถึงสภาพรอบข้างเป็นอย่างดี มีความว่องไว และมีจุดประสงค์อย่างแน่วแน่ว่าต้องทำอะไร 

กราเฟนแบร์ค พาบอลบุกขึ้นหน้าจากการยืนทางฝั่งซ้ายในแผง 3 มิดฟิลด์ของ คล็อปป์ อยู่เรื่อย ๆ

มีจังหวะหนึ่งที่เขายิงไปติดเซฟของ อ็องโตนี่ มอริส ก่อนที่ ดาร์วิน นูนเญซ จะตามซ้ำเข้าไป แต่กรรมการตัดสินว่าเป็นลูกล้ำหน้า

ลูกแรกของ กราเฟนแบร์ก กับ ลิเวอร์พูล เกิดขึ้นในช่วงก่อนพักครึ่ง 

แน่นอนว่าส่วนหนึ่งมันมาจากความผิดพลาดของ มอริส เอง แต่เขาก็ได้รับรางวัลตอบแทนจากการที่ยังตื่นตัวและตอบสนองได้อย่างรวดเร็วในตอนที่ลูกยิงของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มันทะลักมา

"กราเฟนแบร์ค เป็นผู้เล่นชั้นยอดอยู่แล้ว และผมก็มีความสุขกับเขามากๆ "

คล็อปป์ พูดถึง กราเฟนแบร์ค ที่กลายเป็นผู้เล่น ลิเวอร์พูล คนแรกที่มีส่วนร่วมกับประตูตลอดสามเกมแรกที่ลงเล่นตัวจริงนับตั้งแต่ มิลาน บารอส เคยทำไว้ตอนปี 2002

"จริง ๆ แล้วช่วงเวลาของเขาที่ บาเยิร์น ก็ใช่ว่าจะเลวร้ายอะไร เขาได้เล่น 25 เกมที่นั่น ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ไม่เลวเลย สำหรับนักเตะอายุน้อยแบบนี้"

"บางทีกับที่นี่ หากเขาได้มีส่วนร่วมแบบร้อยเปอร์เซนต์ เขาสามารถเป็นผู้เล่นที่สำคัญมากๆ สำหรับเราได้เลย เขายอดเยี่ยมมาก ๆ และทุกคนต่างรู้สึกยินดีไปกับเขา"

การได้เป็นตัวจริงในเกม พรีเมียร์ลีก เป็นครั้งแรกในทริปที่ต้องลงไปทางตอนใต้เกาะอังกฤษ น่าจะเป็นสิ่งที่ กราเฟนแบร์ค สมควรได้รับเมื่อพิจารณาถึงความพยายามที่แสดงออกมา 

แต่ คล็อปป์ ก็อาจจะหันไปใช้งาน วาตารุ เอ็นโด ซึ่งโดนเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่งได้เหมือนกัน

รอดูกันครับว่าใครจะได้เล่นร่วมกับ แม็คอัลลิสเตอร์ กับ โซโบซไล วันอาทิตย์นี้

.

.

.

เป็นอีกค่ำคืนที่น่าภาคภูมิใจสำหรับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กับการได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมในเกมฟุตบอลยุโรป หลังช่วงหลายสัปดาห์เขาเจอปัญหาอาการบาดเจ็บ

ก่อนเกม เทรนท์ ยืนยันว่า ลิเวอร์พูล มูฟออนจากเรื่อง วีเออาร์ ไปเแล้ว ตอนนี้ต้องก้าวไปข้างหน้า และคว้าชัยให้ได้ก่อนพักเบรกฟีฟ่า เดย์

การกลับมาของ เทรนท์ ช่วยให้ ลิเวอร์พูล มีมิติที่แตกต่างออกไป

เขาเข้าไปเล่นตรงกลางระหว่าง 2 เซนเตอร์แบ็กอย่าง อิบราฮิม่า โกนาเต้ กับ จาเรลล์ ควอนซาห์ และทำหน้าที่เป็นเหมือนคนบัญชาเกมในฐานะเพลย์เมกเกอร์ตัวลึก

การผ่านบอลระยะไกลช่วยเปิดช่องทางการทำประตูได้หลายครั้ง 

จังหวะหนึ่ง เทรนท์ แทงบอลทะลุช่องไปให้ กราเฟนแบร์ก ขณะที่จังหวะต่อมาเขาก็ผ่านบอลเป็นระยะ 60 หลาไปให้ คอสตาส ซิมิกาส

ตอนนี้ เทรนท์ เหมือนว่ากำลังสนุกกับการเล่นของตัวเอง 

ไม่มีลูกทีมคนไหนของ คล็อปป์ เลยที่เหมือนกับเขา และที่จริงก็มีเพียงกุนซือไม่กี่คนที่มีนักเตะแบบนี้อยู่ในทีม

การเปิดบอลของเขาเกือบจะทำให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้เข้าไปลุ้นสอยสกอร์ แต่บอลมันเลยดาวเตะชาวอียิปต์จนออกนอกสนามไปอย่างน่าเสียดาย

การที่ลูกยิงของเขาจากมุมซ้ายของกรอบเขตโทษเป็นจุดเริ่มต้นในการทำให้ มอริส รับพลาดนั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้รับอนุญาตให้มีอิสระในการเล่นอย่างเต็มที่

การเล่นหลายจังหวะของ ลิเวอร์พูล เป็นการขึ้นบอลผ่านเขา 

ตอนโดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามในนาทีที่ 63 นั้น เทรนท์ ได้รับเสียงปรบมือชื่นชมอย่างกึกก้องพร้อมกับผลงานการได้จับบอล 69 ครั้ง ซึ่งมากกว่าคนที่ทำได้ดีที่สุดของฝั่ง อูนิยง เกิน 2 เท่า 

โดยคนที่ว่าคือ เควิน แม็ค อัลลิสเตอร์ ที่ได้จับบอล 34 หน

การเล่นจังหวะสุดท้ายของ เทรนท์ ในเกมนี้คือการตัดการเล่นของ ลาซาเร่ อมานี่ ในบริเวณกลางสนามเพื่อหยุดเกมสวนกลับเร็วที่อันตรายของทีมเยือน

หลังจากหมดหน้าที่ในสนาม คล็อปป์ เข้าไปสวมกอด เทรนท์ และเขาก็ได้รับคำชมอย่างมากจากแฟนบอลใน แอนฟิลด์

.

.

.

ไม่ว่าผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างไร คุณมั่นใจได้เลยว่า ไม่ว่าเขาจะทำอะไรในสนาม ยังไงแฟนบอล ลิเวอร์พูล ก็ยังจะตะโกนชื่อ "Nuuuuneeez, Nuuuneez!" เสมอ

อย่างไรก็ตาม ขนาด เดอะ ค็อป ที่คอยปกป้องทีมอย่างสุดชีวิตนั้น ยังแทบจะมองโลกในแง่ดีไม่ได้กับการที่ ดาร์วิน พลาดแบบน่าเหลือเชื่อในช็อตนี้

เรารู้ดีอยู่แล้วว่าเขาเป็นนักเตะแบบนี้ ดาร์วิน สามารถสร้างความปั่นป่วนให้คู่แข่งได้, สามารถทำลายคู่แข่งได้, ทำให้เกิดความโกลาหลได้ แต่มันไม่ใช่ว่าเขาสามารถทำได้แบบนั้นอยู่เสมอ

หลังจาก ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ พาบอลบุกขึ้นหน้า เขาก็ผ่านบอลไปให้ ซาลาห์ จนเป็นการเปิดช่องว่างให้ ซาลาห์ สามารถผ่านบอลมาหา ดาร์วิน ได้

ตอนนั้น ดาร์วิน ยืนอยู่ในไลน์เดียวกับเสาใกล้ และหน้าที่ของเขาก็มีแค่การส่งบอลไปทางเสาไกลเพื่อให้หนีผู้รักษาประตูให้ได้ 

ในทางกลับกัน ถ้าเกิดเขาอยู่ตรงกึ่งกลางของปากประตูนั้นเขาก็ต้องยิงไปแบบตรง ๆ

ดาร์วิน จำเป็นต้องทำให้เหมาะสมทั้งการกะจังหวะและการยิง 

น่าเสียดายที่เขาทำได้แย่ในกรณีหลัง

ดาร์วิน กะหน้ำหนักเท้าแรงเกินไปกับการส่งบอลไปเสาไกล 

เขาพยายามที่จะยิงหนีผู้รักษาประตูมากไปจนกลายเป็นการยิงออกหลังไปเลย

หลายคนบอกว่านี่น่าจะเป็นฤดูกาลที่ ดาร์วิน ทำประตูให้กับ ลิเวอร์พูล ได้ดีขึ้น หลังจากฤดูกาลก่อนเขายิงพลาดบ่อยเกินไป 

โดยซีซั่นที่แล้วเขาทำประตูในลีกได้น้อยกว่าค่าความน่าจะเป็น 3 ลูก

ฤดูกาลนี้เขาดูเล่นได้ดีขึ้นและดูแล้วยังน่าจะสานต่อผลงานจากฤดูกาลก่อนที่ทำไป 15 ลูกในทุกรายการได้ 

อย่างไรก็ตาม เกมในวันนี้ก็เป็นการเตือนความจำได้เป็นอย่างดีว่าเขายังพลาดง่าย ๆ อยู่บ้าง

หลายครั้งที่เขาทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก และทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย-

ไมเคิ่ล โอเว่น บอกว่าตอนนี้ ดาร์วิน ยังเป็นนักเตะที่มีฟอร์มขึ้น ๆ ลง ๆ มากเกินไป 

แต่เชื่อว่าหากได้รับการแก้ไขที่ดี เขาก็จะกลายเป็นผู้เล่นชั้นยอด เหมือนอย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ได้เลย

"มันอาจจะเป็นเพราะการขาดความมั่นใจ หรือไม่ก็การขาดความสามารถ หรืออาจจะเป็นเพราะการไม่มีสมาธิในการเล่น แต่ตามทฤษฎีของฟุตบอลอาชีพแล้วน่ะนักเตะส่วนใหญ่ควรจะต้องจบสกอร์ในจังหวะนั้นได้"

"ผมนึกย้อนไปถึง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ตอนที่เขาย้ายมาเล่นที่นี่แรก ๆ น่ะหลายคนหัวเราะเยาะเขาในช่วง 1 หรือ 2 ปีแรกเพราะเขาจับบอลได้ไม่ดีเท่าไหร่"

"แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย ผมคิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้อาจจะพัฒนาไปเป็นนักเตะระดับนั้นได้ ถ้าเขาพัฒนาตัวเองได้ เขาก็อาจจะกลายเป็นนักเตะที่น่าทึ่งได้เลย"

"แต่แน่นอนว่าเขาจำเป็นต้องได้รับการขัดเกลา เขาต้องได้รับการแก้ไขกับการเล่นส่วนที่มันง่าย ๆ" อดีตเบบี้ โกล เผย

.

.

.

คล็อปป์ ทำให้เห็นแล้วว่าขุมกำลัง ลิเวอร์พูล ชุดนี้มีความลึกพอที่จะรับมือการลงเตะหลายรายการได้

เกม ยูโปป้า ล่าสุด เขาทำการเปลี่ยนหน้าตาชุดตัวจริง 9 รายจากเกมคืนวันเสาร์ มีเพียง อลีสซง เบ็คเกอร์ กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เท่านั้นที่ยังมีชื่อ 11 คนแรก

บอลถ้วยเล็กยุโรป ทำให้นักเตะใหม่อย่าง กราเฟนแบร์ค และ วาตารุ เอ็นโด้ ได้รับโอกาสอัปคุณค่าเพื่อให้เข้าระบบของ คล็อปป์

ดาวรุ่งคนอื่น ๆ ก็เช่นกัน แม้ว่าวันนี้ เบน โด๊ค กับ สเตฟาน บายเซติช ไม่ได้ลงเล่น แต่ทั้งคู่ก็ลงเล่นตั้งแต่นาทีตอนเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่ม

จนถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูล อาจยังไม่ได้โชว์ฟอร์มเก่งกับเกมในถ้วยยุโรปได้มากนัก 

แต่ คล็อปป์ ก็สามารถหมุนเวียนขุมกำลังของเขาได้ และทำให้นักเตะทุกคนในทีมยังมีความสุข

สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือเขายังสามารถทำให้ทุกคนมีสภาพความฟิตในระดับที่พร้อมลงเล่นได้ในช่วงที่มีบททดสอบรออยู่...

HOSSALONSO


ที่มาของภาพ : GETTY IMAGE
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport