พวกพรี่ๆ กลับมาหรือยัง!?

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด

วันเสาร์นี้ ลิเวอร์พูล จะขยับขึ้นไปบนอันดับ 4 ของตารางพรีเมียร์ลีก เป็นเวลาอย่างน้อยๆ สัก 2 ชั่วโมงจนกว่าเกมระหว่าง สเปอร์ส กับ ฟอเรสต์ จะจบ

เมื่อพวกเขาต้องบุกไปเยือน บอร์นมัธ ทีมที่ตัวเองเคยถล่มโถส้วมไปถึง 9-0 ตอนต้นฤดูกาล

ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะครับ

ช่วงนี้ ฟอร์มการเล่นของพวกพรี่ๆ เขาช่างร้อนแรงแบบเกินห้ามใจ

5 เกมล่าสุดในพรีเมียร์ลีก ชนะ 4 เสมอ 1 กระทุ้งตาข่ายกระจุยกระจายถึง 13 ดอก แถมไม่เสียเลยสักประตูเดียว

หมายความว่า 'คลีนชีต' ติดต่อกันมา 5 นัดแล้วนะครับ

รูเบน เนเวส คือมนุษย์คนสุดท้ายในโลกนี้ที่ยิงประตู ลิเวอร์พูล ได้สำเร็จในนาทีที่ 71 ของเกมที่ถูก วูล์ฟส์ อัด 3-0

นับตั้งแต่นั้นจนกระทั่งบัดเดี๋ยวนี้เป็นเวลา 469 นาทีแล้วที่พวกพรี่ๆ ไม่เสียประตูในพรีเมียร์ลีก

นี่คือช่วงเวลาที่ไฉไลที่สุดของ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาลนี้เลยทีเดียว 

เรียกว่ากลับมาได้แบบถูกเวลายิ่งนัก !!!

เพราะ 5 เกมที่ผ่านมาจัดเป็นเกมสำคัญและเกมใหญ่ถึง 3 แมตช์ (เอฟเวอร์ตัน - นิวคาสเซิ่ล - แมนฯ ยูไนเต็ด) แถม 5 เกมต่อมาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้พลาดด้วยประการทั้งปวง

เพราะหลังจากบุกไปเยือน บอร์นมัธ แล้วขั้นด้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว พวกเขาจะเจอศึกหนักอีก 3 เกมติดต่อกัน 

เยือน แมนฯ ซิตี้

เยือน เชลซี

เปิดบ้านรับมือ อาร์เซน่อล

บอกได้เลยว่า...สะเด่าไปเลยอีน้อง

ถึงแม้จะไม่ได้ลุ้นแชมป์ แต่ถิอเป็นตัวแปรในการวัดแชมป์พรีเมียร์ลีกระหว่าง อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ซิตี้ ขณะที่ตัวเองมีลุ้นติด 'ท๊อปโฟร์' แบบเต็มๆ

ถามว่าทำไม พวกพรี่ๆ ถึงกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังเหงาหงอยมาตั้งแต่ตอนต้นฤดูกาล ???

สิ่งแรกที่ผู้ชมทางบ้านอย่างผมเห็นคือการกลับมาของผู้เล่นตัวหลัก

เฉพาะอย่างยิ่ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

ปราการหลังชาวดัตช์ผู้นี้ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปตั้งแต่ตอนต้นปี 2023 หลังเกมพ่าย เบรนต์ฟอร์ด 3-1

ความจริง ฟอร์มการเล่นของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ในซีซั่นนี้ตกลงไปแบบฮวบฮาบเลยนะครับ เขาไม่เหนียวแน่นและแข็งแกร่งดุจภูผาเหมือนเดิม แถมแสดงความผิดพลาดออกมาบ่อยครั้งมากขั้น

แต่อย่างน้อย 'มี' ดีกว่า 'ไม่มี' 

นับตั้งแต่หายเจ็บกลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้ง ลิเวอร์พูล ยังไม่ถูกคู่แข่งแย่งประตูไปสักลูกเดียว - คิดเอา

มิเท่านั้นยังทำให้คู่เซ็นเตอร์แบ็คของตัวเองทั้ง โจ โกเมซ 

โฌแอล มาติ๊ป และอิบราฮิมา โกนาเต้ ยกระดับการเล่นให้ดีขึ้นอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ ลิเวอร์พูล กลายเป็นทีมที่เสียประตูง่าย มิหนำยังชอบเสียเร็ว และเสียก่อนเป็นประจำ

หลายประตูก็เสียไปแบบไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น

เกมรับที่เคยเป็นจุดแข็งกลับอุดมไปด้วยจุดอ่อน

เมื่อเกมรับไม่เหมือนเดิม ผลงานจึงออกมาน่าละเหี่ยใจ

ช่วงที่ ลิเวอร์พูล แย่ๆ ผมเคยพูดเป็นสม่ำว่าถ้าพวกพรี่ๆ เขาจะกลับชาติมาเกิดใหม่ก็ต้องแก้ไขเกมรับของตัวเองเป็นอันดับแรกก่อน

เสมอหนึ่งหยุดเลือดที่ไหลให้ได้ มิเช่นนั้น เดธห่าแน่นอน

หากแก้ปัญหาในเกมรับได้เมื่อไหร่ เดี๋ยวเกมรุกจะตามมาเอง เพราะตัวผู้เล่นในแผนกล่าสังหารของหงส์แดงมีทีเด็ดอยู่แล้ว 

เห็นไหมครับ พอเกมรับกลับมาดีขึ้น เกมรุกก็ทำงาน

ลำดับต่อมาที่ผมเห็นคือ 3 ประสานในหน่วยจู่โจมอันประกอบด้วย โม ซาล่าห์, ดาร์วิน นูนเญซ และโคดี้ 

คักโป ที่เริ่มผสมผสานกันได้อย่างลงตัวมากขึ้นเรื่อยๆ 

อย่าลืมว่าฤดูกาลนี้มีการเปลี่ยนแปลงในแดนหน้ามากมาย

ซาดิโอ มาเน่ ย้ายออกจากทีม

โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ไม่ใช่ตัวหลัก

ลุย ดิอาซ กับ ดิโอโก้ โชต้า ก็เจ็บแบบยาวๆ 

ตัวใหม่อย่าง 'ดาร์วิน' ก็เดี๋ยวแบน เดี๋ยวเจ็บ เดี๋ยวเล่นหน้า เดี๋ยวเล่นข้าง

โคดี้ คักโป ตอนลงเล่นใหม่ๆ ก็ไม่กล้าปล่อยของ โดยพยายามเล่นแบบประคองๆ เพื่อเอาตัวรอด แถมถูกทดลองใช้หลายรูปแบบ เดี๋ยวซ้ายบ้าง เดี๋ยวหัวหอกบ้าง เดี๋ยว False9 บ้าง

ขณะที่ 'บังโม' ก็ฟอร์มตกลงไปอย่างชัดเจน

ต่อเมื่อลงเล่นด้วยกันอย่างต่อเนื่อง

เหมือน เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเจอส่วนผสมที่ลงตัว

...ว่าแล้วก็แผลงฤทธิ์ออกมาแบบเต็มคาราเบ้วในเกมล่าสุดที่กดกันไปคนละ 2 ดอก

สุดท้ายขอบอกว่าผู้อยู่เบื้องหลังการกลับมาของพวกพรี่ๆ คงจะเป็นใครไปเสียมิได้ นอกจาก...

กุนซือกะโปกเหล็ก (Iron Dick) อย่าง มิสเตอร์เจเค

หลังเครื่องสะดุดเพลาหัก ฟอร์มการเล่นย่ำแย่ พี่แกเอากลับมาจนได้

คิดแล้วก็ขำที่ตอนนั่งเบียดกับความดำดิ่ง เด็กหงส์ประเภทวัยรุ่นใจร้อนจำนวนหนึ่งออกมาเรียกร้องให้ปลดจากตำแหน่ง

ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2020/21 ลิเวอร์พูล เคยตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ กันกับฤดูกาลนี้จนทำท่าว่าจะกระเด็นหลุดท๊อปโฟร์

กระทั่ง 10 เกมสุดท้ายที่เดินหน้ากะซวกชัยถึง 8 นัด หลุดเสมอแค่ 2 นัด แถม 5 นัดสุดท้าย...ชนะรวด

จบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 ของตาราง

อืมมมมมมม..............................................นะ !!!

บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport