ตะกร้อทีมชาติไทยสั่ง "ผจก.ทีม-โค้ช " หยุดทำหน้าที่ ปมหักเงินอัดฉีด-ตั้ง "สุพจน์" แม่ทัพใหม่

สมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง กรณีที่นักกีฬาทำข้อตกลงลับเกี่ยวกับเงินอัดฉีดที่จะต้องแบ่งให้กับผู้มีส่วนร่วมในการแคมป์ทีมชาติ โดยให้ผู้จัดการทีมและโค้ชทีมชาติไทย ยุติการทำหน้าที่ พร้อมแต่งตั้ง สุพจน์ ตุ้มประชา ทำหน้าที่คุมทีมชาติไทยสู้ศึกใหญ่ ตลอดปี 2567

จากประเด็นข่าวหลังจบเอเชียนเกมส์ 2022 กว่างโจวเกมส์ มีอดีตนักตะกร้อทีมชาติไทยโพสต์ถึงเรื่องข้อตกลงเรื่องเงินอัดฉีดนักกีฬาทีมชาติไทยของกีฬาตะกร้อว่ามีการตกลงแบ่งเปอร์เซ็นต์ภายในแคมป์ จำนวน 30-50 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนเงินอัดฉีดที่นักกีฬาแต่ละคนได้รับจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จน "โจ้หลังเท้า" พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ 1 ในคณะกรรมการบริหารสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทยได้ออกมาช่วยเหลือนักกีฬาทีมชาติที่โดนแบบเดียวกัน พร้อมงัดเอาหลักฐานต่างๆ ว่านักกีฬาแต่ละคนมีข้อตกลงไว้กี่เปอร์เซนต์ มีการโอนเข้าบัญชีใคร หรือมีการนัดสถานที่ให้เงินสดกันที่ไหน

ทั้งนี้หลักฐานการแบ่งเปอร์เซ็นต์เงินอัดฉีดเอเชียนเกมส์ของนักกีฬาตะกร้อทั้งทีมชายและทีมหญิง ในประเภททีมชาย ได้ 2 เหรียญทอง จากทีมเดี่ยว กับ ทีมชุด รวมเงินที่ได้จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ 34 ล้านบาท แบ่งเป็นนักกีฬา 5 คนที่เล่นทีมเดี่ยวกับทีมชุดจะได้คนละ 4 ล้านบาท

 นอกนั้นอีก 7 คนที่เล่นแค่ทีมชุดจะได้คนละ 2 ล้านบาท เข้าสู่กระบวนการแบ่งเงินอัดฉีดตามข้อตกลงภายในทีมปรากฏว่า คนที่เล่นทีมชุด 7 คนจะได้ตามปกติคือคนละ 2 ล้านบาท แต่คนที่เล่นทีมเดี่ยวได้เงินคนละ 2.1 ล้านบาท ส่วนเงินจำนวน 9.5 ล้านที่หักออกจากทีมเดี่ยวจะแบ่งให้ 1.ให้นักกีฬา 3 คนที่เดินทางไปจีนด้วยแต่ไม่ได้ลงแข่ง  ทั้ง 3 คนจะได้คนละ 1.3 ล้านบาท รวมเป็น 3.9 ล้านบาท และ 2.ให้กับนักกีฬาที่เป็นคู่ซ้อมจำนวน 9 คน ซึ่งทั้ง 9 คน จะได้คนละ 2.5 แสนบาท รวมเป็น 2.25 ล้านบาท โดยทั้ง 2 ข้อนี้ นักกีฬาทีมชายให้เหตุผลว่าเป็นน้ำใจที่เต็มใจแบ่งให้รวมกันคือ 6.15 ล้านบาท แต่เมื่อหักลบจากเงินจำนวน 9.5 ล้านบาท ปรากฏว่าเหลือเงินอีกจำนวน 3.35 ล้านบาท ที่ยังเป็นคำถามว่าหายไปไหน 

ขณะที่ทีมหญิงได้รับเงินอัดฉีดเท่ากับทีมชายเพราะได้ 2 เหรียญทอง (ทีมเดี่ยว กับ ทีมชุด) จำนวน 34 ล้านบาท แบ่งเป็นนักกีฬา 5 คนที่เล่นทีมเดี่ยวกับทีมชุดจะได้คนละ 4 ล้านบาท และนอกนั้นอีก 7 คนที่เล่นแค่ทีมชุดจะได้คนละ 2 ล้านบาท 

ทัังนี้เมื่อเข้ากระบวนการแบ่งเงินอัดฉีดตามข้อตกลงภายในทีม ปรากฏว่า นักกีฬาทีมเดี่ยว 5 คน ได้คนละ 2 ล้านบาท และนักกีฬาทีมชุด 7 คน กับ นักกีฬา 3 คนที่เดินทางไปจีนด้วยแต่ไม่ได้ลงแข่งขันได้คนละ 1.5 ล้านบาท รวมแล้ว 25 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 9 ล้านบาท จะมีการแบ่งให้นักกีฬาคู่ซ้อมจำนวน 9 คน คนละ 2.5 แสนบาท รวมเป็น 2.25 ล้านบาท ทำให้เหลือ 6.75 ล้านบาท ซึ่งก็ยังเป็นคำถามเหมือนกันว่าหายไปไหน 

ทั้งนี้มีการสรุปออกมาว่าเงินของทีมชายหายไปจำนวน 3.35 ล้านบาท และของทีมหญิงหายไปจำนวน 6.75 ล้านบาท โดยเงินทั้ง 2 ก้อนนี้ไม่ได้มีรายงานว่าแจกแจงไปยังนักกีฬาคนไหนเลย ทำให้ "สารวัตรโจ้" ตั้งข้อสังเกตว่าเงินจำนวนดังกล่าวที่ควรเป็นของนักกีฬาอยู่ที่ใคร และเรื่องการหักเงินอัดฉีดนักกีฬาอย่างไม่เป็นธรรมได้เข้าสู่กระบวนการของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ล่าสุด "บิ๊กต้อม" ธนา ไชยประสิทธิ์ นายกสมาคมกีฬาตะกร้อแห่งประเทศไทย เป็นประธานในการประชุมสมาคมโดยมีวาระสำคัญคือการตัดสินเรื่องการหักเงินนักกีฬาทีมชาติ โดยมีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน เป็นผู้ตัดสิน คือ ดร.สมพงษ์ ชาตะวิถี, รัฐชัย ดารากร ณ อยุธยา, สุพจน์ ตุ้มประชา, พล.ร.ท.บุญชิต พูลพิทักษ์ และ สมชาย ประเสริฐศรี โดยในที่ประชุมมีมติให้ผู้จัดการทีมและผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย หยุดทำหน้าที่ แล้วให้ สุพจน์ ตุ้มประชา เป็นผู้จัดการทีมและหัวหน้าผู้ฝึกสอน ส่วนทีมผู้ฝึกสอน 4 คนคือ สามารถ โพธิ์ทอง, สมพร ใจสิงหล, ประเวศ อินทรา และ อธิยุต กิ้มทอง ทั้งหมดนี้จะลงทำหน้าที่ในการแข่งขันตะกร้อชิงแชมป์โลกที่ประเทศมาเลเซีย ในเดือนพฤษภาคม, คิงส์ คัพ ในเดือนกันยายน และ เอเชียนอินดอร์แอนด์มาร์เชียลอาร์ทเกมส์ ในเดือน พฤศจิกายน 2567 

ดร.สมพงษ์ ชาตะวิถี ประธานคณะกรรมการตัดสิน กล่าวว่า "การหักเงินนั้นมาจากการปฎิบัติภารกิจร่วมกันซึ่งเป็นการเจรจาร่วมกันระหว่าง นักกีฬา โค้ช และ ผู้จัดการทีม โดยนักกีฬาได้ให้คำชี้แจงว่าเป็นการหักเงินที่มากเกินไป เป็นกลุ่มนักกีฬาที่ได้ 2 เหรียญทองจะได้เงินคนละ 4 ล้านบาท แต่ถูกหักออกไปคนละ 50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เหลือเพียงคนละ 2 ล้าน หรือ เทียบเท่ากับได้ 1 เหรียญทอง ตอนนี้พิจารณาแล้วว่าให้หยุดการทำงานของผู้จัดการทีมและผู้ฝึกสอนทันที

ด้าน พ.ต.ท.สืบศักดิ์ ผันสืบ กล่าวว่า "ไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใครแต่อยากให้ทุกเรื่องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบที่ถูกต้อง ส่วนที่ประชุมได้รับทราบแล้วว่าเงินจำนวน 10.1 ล้านบาทไปอยู่ที่ใคร แต่รักษามารยาทในที่ประชุมว่าจะไม่ขอเปิดเผย แต่ทั้งหมดวันนี้ถือว่าจบลงแล้ว และเป็นที่น่าพอใจสำหรับคำตัดสินของสมาคมในการให้ทีมผู้ฝึกสอนชุดเก่าและผู้จัดการทีมหยุดปฏิบัติหน้าที่"


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport