ต้องยอมรับว่าช่วงชีวิตของการเป็นนักกีฬานั้นไม่ยาวนัก ไม่ว่าจะเป็นการลงแข่งระดับอาชีพ หรือในระดับสมัครเล่น การลงเล่นในนามทีมชาติ หลายชนิดกีฬามีเงื่อนไขเรื่องของอายุเป็นตัวแปรที่ชี้วัด ซึ่งเมื่อตัวเลขอายุเข้าหลัก 30 หรือ 40 ด้วยวัยที่มากขึ้น ก็ทำให้นักกีฬาคนนั้นๆต้องเลิกเล่นไปตามกลไก
สำหรับ สิทธิพงศ์ คำจันทร์ นักกีฬาเซปักตะกร้อทีมชาติไทยในตำแหน่งตัวเสิร์ฟ เจ้าของฉายา "ยาวปืนใหญ่" เจ้าตัวก็ถือเป็นนักกีฬาอีกหนึ่งคนที่ผ่านเวทีระดับนานาชาติมาแล้วมากมายกับทีมเซปักตะกร้อทีมชาติไทย และคว้าความสำเร็จมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เหรียญทองเอเชียนเกมส์, คิงส์คัพ, ควีนส์คัพ หรือซีเกมส์
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวก็มองว่าเส้นทางของการเป็นนักกีฬาเซปักตะกร้อนั้น ถ้าเป็นในระดับทีมชาติ ตนเองก็อาจจะเล่นได้สักช่วงเวลาหนึ่งและคงเล่นตลอดไปไม่ได้ ดังนั้นการมองหาช่องทางอื่นๆ เพื่อทำกิน เลี้ยงตนเองและครอบครับ ก็ถือเป็นสิ่งสำคัญ และควรต้องเริ่มทำควบคู่ไปด้วย
"ยาวปืนใหญ่" หรือ "เจ้าเก็ต" เปิดใจกับทีมข่าวกีฬาสยามว่า หลังจบภารกิจจากศึกเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน มาถึงเวลานี้ ยังอยู่ในช่วงที่แคมป์ทีมชาติไม่มีโปรแกรมเรียกคัดตัวและเก็บตัวทีมชาติ ดังนั้นในช่วงของวันหยุดสุดสัปดาห์ นอกเหนือจากงานราชการประจำ ตนก็จะเดินทางกลับไปที่จ.ราชบุรี เพื่อช่วยพี่ชายของแฟน ดูแลธุรกิจการเกษตร
สิทธิพงศ์ เผยต่อไปว่า เดิมที่พี่ชายของแฟนตนเองนั้น ทำธุรกิจด้านการเกษตรอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่เจ้าตัวต้องทำหลายๆอย่าง ก็ถือว่าค่อนข้างหนัก ดังนั้นเมื่อมีเวลาว่าง ตนเองจึงตั้งใจที่จะกลับไปช่วยงานธุรกิจของพี่ชายแฟน ที่อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ซึ่งก็เป็นธุรกิจรับซื้อพืชผลการเกษตร จำพวก มัน, อ้อย และผักกาด หรือ หัวไชเท้า
"หลักๆธุรกิจของเรา ก็คือจะรับซื้อพืชผลทางการเกษตรครับ พวก มัน, อ้อย และผักกาด ก็รับซื้อจากเกษตรกร
ในพื้นที่แถวนั้น ก็ถือว่าเป็นการช่วยเกษตรกรและส่งเสริมการทำเกษตรในพื้นที่แถวนั้นไปในตัว นอกจากนี้ก็มีที่เราปลูกเองด้วยบางส่วนในไร่ของเรา ส่วนเราเมื่อได้สินค้ามาก็จะรับหน้าที่กระจายพืชผลเหล่านี้ไปขายในอำเภอต่างๆของจังหวัดราชบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงครับ ซึ่งตอนนี้ก็มีรถไถ รถแบคโฮหัวตัก และรถสิบล้อสำหรับที่จะใช้ขนส่งพืชผักเหล่านี้เป็นของตัวเองด้วย"
"ส่วนหลักๆของผม จะลงมาลุยงานด้านนอกกับคนงานข้างนอกครับ มีทั้งขับรถไถช่วยงานในไร่ รวมถึงขับรถ
ส่งสินค้า ก็พอมาทำอะไรแบบนี้ ยอมรับว่าเหนื่อยครับ แต่ก็สนุก ส่วนตัวผมเป็นคนชอบรถอยู่แล้ว ซึ่งพอมาทำงานเกี่ยวกับขับรถด้วย ก็เลยไม่เบื่อ แล้วก็ชอบทำ มองว่าก็ได้ช่วยคนงาน ได้แบ่งเบาภาระของพี่ชายแฟน ซึ่งงานนี้ผมก็เพิ่งมาเริ่มทำเมื่อปลายปีที่ผ่านมาเองครับ ก็ยังหวังด้วยว่า ธุรกิจของพวกเราจะเติบโต และเป็นไปในทิศทางที่ดี ซึ่งถ้าดีก็น่าจะได้ลุยและทำกันยาวๆ"
"ส่วนพ่อกับแม่ของผม ท่านอาศัยอยู่ที่สุราษฎร์ธานีครับ ก็มีคุยและติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ ก็มีชวนท่านมาที่ราชบุรีกับผม แต่ท่านก็ปฎิเสธไป เพราะอยากใช้ชีวิตที่ใต้ ซึ่งเงินเก็บจากการเล่นตะกร้อ นอกจากที่ผมมอบให้ท่านทั้งสองคนแล้ว ก็มีแบ่งไปซื้อที่แถวๆนั้นเก็บเอาไว้ใช้ประโยชน์ด้วย"
"เจ้าเก็ต" สิทธิพงษ์ ยังเผยอีกว่า เป้าหมายของตนเองนั้น ในฐานะนักกีฬา ก็ยังมีความฝันที่อยากจะลงสนามรับใช้ชาติอยู่ ซึ่งถ้ามีเปิดคัดเลือก ก็พร้อมไปจะไปคัดตัว โดยทัวร์นาเมนต์หลักๆในปีนี้ ก็อยู่ที่การแข่งขันศึกคิงส์คัพ ซึ่งว่าน่าจะจัดในช่วงกลางปีนี้ ส่วนกับสโมสร กองทัพอากาศ ก็มีแมตช์กีฬาภายในกองทัพให้ลงเล่นในเดือนก.พ.นี้
"จริงๆช่วงที่ผมเจ็บหนัก ต้องผ่าเข่าแล้วพักค่อนข้างนาน มันก็มีความคิดที่ผมอยากจะเลิกเล่นตะกร้อไปเลย
เหมือนกันนะครับ แต่พอได้คุยกับหลายๆคน ที่เขาเชื่อมั่นในตัวผม และเห็นความสามารถในตัวผม เขาบอกอยากให้เราสู้ต่ออีกสักตั้ง ซึ่งมันก็เตือนสติและความคิดเราได้ว่า ถ้ายังไหว ก็ควรไปให้สุดทาง เพราะที่่ผ่านมา ก็สู้มาเยอะ จากวัยเด็กที่ลำบาก ตอนนี้ก็มีหลายๆอย่าง เพราะกีฬาตะกร้อ" สิทธิพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ : ร.ท. สิทธิพงศ์ คำจันทร์
ชื่อเล่น : เก็ต
ฉายา : ยาวปืนใหญ่
เกิด : 15 มิถุนายน 2536
อายุ : 30 ปี
น้ำหนัก : 83 กก.
ส่วนสูง : 192 ซม.
ภูมิลำเนา : จ.สุราษฎร์ธานี
อาชีพปัจจุบัน : รับราชการทหารอากาศ ตำแหน่ง นายทหารพัสดุ แผนกสถานที่และอุปกรณ์การกีฬา กรมสวัสดิการทหารอากาศ
เริ่มเล่นตะกร้อ : ตอนอายุ 5 ขวบ
แมตช์ประทับใจ : เอเชียนเกมส์ ปี 2557 ที่เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเอเชียนเกมส์แรก และได้เหรียญทองทั้งทีมชุดและทีมเดี่ยว
ไอดอลในวงการตะกร้อ : กฤษณะ ธนกรณ์
ผลงานโดดเด่นในฐานะนักกีฬาทีมชาติ
- เหรียญทอง ชิงแชมป์โลก "คิงส์คัพ" ปี 2556 และ 2567
- 2 เหรียญทอง กีฬาเอเชียนเกมส์ ที่เกาหลีใต้ ปี 2557
- เหรียญทอง กีฬาซีเกมส์ ที่พม่า ปี 2556
- เหรียญทอง กีฬาซีเกมส์ ที่สิงคโปร์ ครั้งที่ ปี 2558
- 2 เหรียญทอง กีฬาซีเกมส์ ที่มาเลเซีย ปี 2560
- เหรียญทอง กีฬาเอเชียนเกมส์ ที่อินโดนีเซีย ปี 2560
- เหรียญทอง กีฬาซีเกมส์ ที่ฟิลิปปินส์ ปี 2562
- 2 เหรียญทอง กีฬาซีเกมส์ ที่เวียดนาม ปี 2564
- 2 เหรียญทอง เอเชียนเกมส์ ที่จีน ปี 2566