นี่คือคำพูดของ "มาย" อรอุมา เชษฐา ลมกรดสาวทีมชาติไทย ที่เปิดใจกับทีมข่าวกีฬาสยาม บอกเล่าถึงทัวร์นาเมนต์ที่ประทับใจที่สุดในการลงสนามรับใช้ทีมชาติไทย ในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย ซึ่งแมตช์ดังกล่าว ก็คือศึกเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่จีน หลังเจ้าตัวพร้อมเพื่อนร่วมทีม สุภาวรรณ ธิปัตย์, ศุภานิช พูลเกิด และ สุกานดา เพชรรักษา ช่วยกันคว้าเหรียญเงินมาได้ ซึ่งก็ปลดล็อการรอคอยเหรียญรางวัลของทีมกรีฑาหญิงในเอเชียนเกมส์ ที่รอคอยมานานถึง 13 ปีลงด้วย แต่กว่าจะประสบความสำเร็จในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทยเช่นวันนี้ได้ ชีวิตของ "มาย" อรอุมา เชษฐา เรียกว่าต้องต่อสู้ฝ่าฟัน เพื่อให้ผ่านอุปสรรคหลายๆในชนิดที่เรียกว่า เลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกัน เหตุเพราะเธอเองไม่ได้มีต้นทุนชีวิตตั้งแต่แรก

อรอุมา เปิดใจกับทีมข่าวกีฬาสยามว่า ตนเองเป็นชาวจังหวัดนครพนม มีพี่ชาย 2 คน คุณพ่อและคุณแม่ มีอาชีพรับจ้างทั่วไป งานหลักคือแบกหินแบกปูน ทำงานก่อสร้างและเป็นกรรมกร บางช่วงที่ว่างจากงานก่อสร้าง ก็จะมาทำนาทำการเกษตร ซึ่งก็รับทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูตนเองและพี่ชาย

"พ่อแม่หนูหาเช้ากินค่ำ ท่านก็ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูแลลูกทุกคน แต่ก็ต้องยอมรับว่าเงินจากการทำงานที่ได้มาก็ได้เยอะ มันอาจจะพอสำหรับซื้อข้าวกิน แต่ก็ไม่พอสำหรับใช้เป็นทุนการศึกษา พี่ชายทั้ง 2 คน จึงไม่ได้เรียนหนังสือต่อในระดับชั้นมัธยมปลาย"

"ส่วนหนูที่อายุห่างกับพี่ชายประมาณหนึ่ง พอเริ่มรับรู้และเข้าใจถึงความรู้สึกที่เห็นพ่อแม่ทำงานหนัก ก็มีความคิดที่อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระของท่านทั้งสอง คืออะไรที่ทำได้ หนูก็พร้อมจะทำค่ะ ซึ่งในวัย 7-8 ขวบเวลานั้น หนูเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬา และมีทักษะกีฬาที่ดีประมาณหนึ่งเลยค่ะ เล่นหมดทั้งฟุตบอล, ตะกร้อ และกรีฑา คือพาเราเห็นว่ามันพอจะเป็นใบเบิกทางในการเรียนต่อได้ และถือเป็นช่องทางในการขอทุนเรียนฟรีได้ เพื่อให้ได้เรียนหนังสือสูง จะได้มีงานดีๆทำ กลับมาดูแลพ่อ-แม่ และครอบครัวได้ หนูก็เลยเลือกเล่นกรีฑาและฝึกอย่างจริงจังเลยค่ะ และลงแข่งทั้งในระยะ 100, 200 และ 400 ม." 

อรอุมา เผยอีกว่า ตนเองมีโอกาสได้ฝึกกรีฑาจริงจังตอนช่วง ป.3 จากนั้นก็ได้รับโอกาสและคำแนะนำดีๆจากอาจารย์และโค้ชหลายๆท่านที่สั่งสอนตนเองในการเป็นนักกีฬากรีฑาที่ดี ซึ่งผลงานจากการลงแข่งขันคว้าเหรียญในแมตช์สำคัญๆในประเทศอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้ตนเองมีโอกาสได้เข้ามาฝึกซ้อมในแคมป์กรีฑาทีมชาติไทยด้วย

ด้วยความที่อยากช่วยให้พ่อ-แม่ และครอบครัว มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำให้เจ้าตัวอดทนและมุมานะอย่างมากกับการฝึกซ้อมในแคมป์ทีมชาติ ซึ่งในเวลาต่อมาก็ได้โอกาสลงแข่งขันในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย อย่างที่เธอเองตั้งธงเอาไว้ได้สำเร็จ และกีฬากรีฑาที่เธอมุ่งมั่นและฝึกฝนอย่างตั้งใจ ยังสร้างอนาคต สร้างชีวิตให้เธอมีทุกๆอย่างที่ตั้งความฝันว่าอยากจะทำให้ได้ในวัยเด็กจนได้

อรอุมา ผ่านการคว้าเหรียญทองซีเกมส์ คว้าเหรียญรางวัลทัวร์นาเมนต์ระดับเอเชีย ส่วนในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ ซึ่งถือว่าเป็นแมตช์ใหญ่ที่สุดหนึ่งแมตช์หนึ่งของ อรอุมา เธอและเพื่อนร่วมทีมสามารถคว้าเหรียญเงินสุดเซอร์ไพรส์ในการแข่งขันที่จีน เมื่อปลายปี 2023 ได้สำเร็จ ซึ่งก็แก้ตัวหลังจากก่อนหน้านี้เธอเองลงแข่งขัน 2 ครั้ง ในรายการ ผลัด 4x100 ม.หญิง พลาดเหรียญรางวัล และทำได้แค่เกือบเฉียดเท่านั้น

"จริงๆหนูเกือบที่เลิกเล่นทีมชาติไปแล้วค่ะ เพราะคิดว่าชีวิตตัวเองมาถึงจุดที่มีอะไรหลายๆสำเร็จครบอย่างที่ตัวเองวาดหวังเอาไว้แล้ว ทั้งการได้บรรจุเป็นอาจารย์สอนที่ มรภ.อุดรธานี ซึ่งก็ถือว่าเป็นงานในฝันที่มั่นคง และมีเงินเก็บประมาณหนึ่งที่ใช้ดูแลครอบครัว และสร้างบ้านหลังใหม่แทนหลังเดิมที่เป็นสังกะสีให้พ่อ-แม่ และพี่ได้อยู่กันอย่างสบายได้ แต่เหมือนไฟในการเล่นมันยังมี ประกอบกับเราที่เป็นครู มักจะสอนเด็กๆ ถ้าทำอะไรต้องทำให้สุด ไปให้สุดทางนั้นๆไปเลย หนูก็เลยมีความคิดที่อยากจะขอสู้กับทีมชาติอีกสักตั้ง และก็กลับมาลงคัดตัวในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา อีกครั้ง"

"หลังได้เหรียญทองซีเกมส์ ที่กัมพูชา ซึ่งเป็นแชมป์สมัยที่ 3 ติดของทีมวิ่งผลัด 4x100 ม.หญิง แล้วมาได้เหรียญทองแดงชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นแมตช์ก่อนไปแข่งขันเอเชียนเกมส์เพียง 2 เดือน มันยิ่งทำหนูและน้องในทีมใจฟูยิ่งขึ้นเลยค่ะ มันทำให้มีความคิดว่า ในระดับทวีปเราได้เหรียญทอง  ดังนั้นเอเชียนเกมส์ก็น่าจะมีหวัง ซึ่งสุดท้ายก็ทำได้จริงๆ และได้เหรียญเงินด้วย คือ มันเป็นอะไรที่เกินคาดสำหรับทีมมากๆ"

"สำหรับหนูตอนนี้ ปีนี้ก็จะ 27 ปีแล้วค่ะ เป้าหมายตอนนี้ หลักๆคือ โฟกัสกับงานที่ทำปัจจุบัน อย่างการรับราชการเป็นครู ซึ่งก็ถือเป็นงานที่มั่นคงทีเดียว ส่วนการเล่นทีมชาติก็อาจจะเรียกว่าอยู่ในช่วงปลายของการเล่นแล้วค่ะ ปีนี้ยังไม่ชัวร์มีทัวร์นาเมนต์ไหนบ้าง เดี๋ยวคงต้องดูอัพเดทจากสมาคมกีฬากรีฑาแห่งประเทศไทยอีกครั้ง ส่วนปีหน้า ปี  2025 จะมีซีเกมส์ ที่ไทยในช่วงปลายปีด้วย ก็มีความคิดไว้เหมือนกันค่ะ ว่าอยากจะอำลาทีมชาติ ด้วยการลงแข่งขันซีเกมส์อีกสักครั้ง"

"มองย้อนกลับไปในวันวาน ก็อยากขอบคุณตัวเองที่กัดฟันสู้มาตลอด อยากขอบคุณคนรอบข้าง ผู้ใหญ่ที่มีพระคุณ และเพื่อนๆน้องที่คอยสนับสนุนหนูเรื่อยมา สำหรับในฐานะนักกีฬา หนูก็เชื่อมั่นว่าน้องๆรุ่นหลัง ซึ่งตอนนี้หลายคนพัฒนาตัวเองขึ้นมามาก จะสามารถก้าวขึ้นมาทำชื่อเสียงให้กับประเทศชาติได้อีกในหลายๆรายการที่จะเกิดขึ้นแน่นอน ก็อยากให้ทุกคนเมื่อได้รับโอกาสและความไว้วางใจแล้ว ขอให้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ"

ประวัติส่วนตัว   

ชื่อ : อรอุมา เชษฐา

ชื่อเล่น : มาย 

เกิด : 27 มี.ค. 2540 

ภูมิลำเนา : จ.นครพนม 

ประวัติด้านการศึกษา : จบการศึกษาประถมศึกษาจาก ร.ร.ปลาปากราษบำรุง, จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นจาก ร.ร.นครพนมวิทยาคม, จบการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายจาก ร.ร.หนองบัวแดงวิทยา, จบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาวิชาพลศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ, ปัจจุบัน กำลังศึกษาระดับปริญญาโท สาขาวิชาพลศึกษาและสุขศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

ปัจจุบัน : เป็นนักกีฬากรีฑาทีมชาติไทย และ อาจารย์สอนวิชาพลศึกษาและสุขศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

ผลงานโดดเด่นในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทย

- เหรียญเงินวิ่งพลัด 4x100 เมตรหญิง เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่จีน ปี 2023 

- เหรียญทองแดงวิ่งพลัด 4x100 เมตรหญิง กรีฑาชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 24 ที่ไทย ปี 2023 

- เหรียญทองวิ่งพลัด 4x100 เมตรหญิง ซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา ปี 2023 

- เหรียญทองวิ่งพลัด 4x100 เมตรหญิง ซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม ปี 2022 

- เหรียญทองแดง วิ่ง 100 เมตรหญิง และ เหรียญเงินวิ่งพลัด 4x100 เมตรหญิง กีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน ครั้งที่ 20 ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ปี 2022 

- เหรียญทองวิ่งพลัด 4x100 เมตรหญิง ซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ ปี 2019 

- เหรียญเงินวิ่งพลัด 4x100 เมตรหญิง ซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่มาเลเซีย ปี 2017