ม้าลำพองเปิดตัวรถ SF-24 ล่าแชมป์โลกฟอร์มูล่า วัน

เฟอร์รารี่ ทีมในศึกฟอร์มูล่า วัน ได้เปิดตัวรถแข่งที่จะใช้สู้ศึกในฤดูกาล 2024 นี้ ในรุ่น SF-24 พร้อมกับทวงตำแหน่งแชมป์โลกให้ได้หลังจากรอยคอยมานานกว่า 16 ปี

ในการเปิดตัวรถดังกล่าว เป็นการแสดงคลิปสั้น เป็นเวลา 1 นาทีเศษ โดยในปีนี้รถเฟอร์รารี่จะแทบไม่มีสีดำเลย สวนทางกับหลายทีมที่เน้นสีดำของคาร์บอนมากขึ้นเพื่อลดน้ำหนักตัวรถ และจะมีเพียง 3 สีเท่านั้น ได้แก่ สีแดง สีขาว สีเหลือง ได้ถือเคล็ดกลับไปรุ่งเรืองเหมือนในยุค 2000s ในช่วงยุคทองของทีมม้าลำพอง 

นอกจากนี้เฟอร์รารี่จะเพ้นสีตัวรถแบบจัดหนักจัดเต็มเหมือนทุกปีอยู่แล้ว ปีนี้ทีมสามารถลดน้ำหนักตัวรถให้ลงไปถึงน้ำหนักขั้นต่ำสุดที่ FIA กำหนดไว้ นั่นก็คือ 798 กิโลกรัม ได้เป็นครั้งแรกอีกด้วย ลดลงกว่าปีที่แล้วถึง 6 กิโลกรัม ซึ่งจะทำให้รถเร็วขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อย 0.15 วินาที ซึ่งแฟนๆคาดหวังว่าจะทีมนนั้นจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่อีกครั้ง หลังจากที่ห่างหายกับแชมป์โลกไปนาน 16 ปี นับตั้งแต่คว้าแชมป์โลกในประเภททีมเมื่อปี 2008 และ ประเภทนักขับเมื่อปี 2007 จาก คิมี่ ไรโคเน่น นักขับขากฟินแลนด์ 

หลังจากนี้จะมีการฝึกซ้อมก่อนเปิดฤดูกาล หรือ PRE-SEASON TEST ระหว่างวันที่ 21-23 ก.พ.67 นี้ และจะเปิดสนามแรกของฤดูกาล 2024 ในศึกบาห์เรน กรังด์ปรีซ์ ระหว่างวันที่ 29 ก.พ - 2 มี.ค.67 นี้ ที่สนามบาห์เรน อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เมืองซาเคียร์ ประเทศบาห์เรน

ด้านชาร์ลส์ เลอแคลร์ นักขับมือ 1 ของทีมได้กล่าวว่า “มันเป็นความรู้สึกที่วิเศษเสมอ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ผมได้เห็นผลงานที่เกิดจากความทุ่มเทของพวกเราทุกคนตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ผลจากการปรับปรุงจุดอ่อนของรถปีที่แล้ว ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นรถคันนี้“

”ไม่ค่อยน่าแปลกใจเท่าไหร่ ที่รถของเราจะเป็นสีแดง  แต่ผมประทับใจการออกแบบลวดลายของรถปีนี้นะครับ มันมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมชอบ แต่รูปลักษณ์ของมันจะเป็นยังไงไม่สำคัญ สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดคือผลงานในสนามมากกว่า“

”รถ SF-24 จะเป็นรถที่เสถียรมากขึ้น และขับได้ง่ายขึ้น ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่นักแข่งทุกคนต้องการหากจะทำผลงานให้ได้ดี ใน simulator นั้น ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดีตามเป้าหมาย จุดอ่อนของรถปีที่แล้วถูกแก้ไขได้จนหมด ผมรอที่จะได้ลงทดสอบรถไม่ไหวแล้วเป้าหมายของเราในปีนี้คือการเป็นทีมหัวแถวตลอดทั้งปี และหวังว่าจะทำให้แฟนๆ ทุกคนมีความสุขได้ด้วยชัยชนะของพวกเรา“



ที่มาของภาพ : Facebook : F1
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport