ทรู แบงค็อกฯ ห้ามพลาดอีกแล้ว

ไทยลีก 2023-24 เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายกับอีก 10 เกม ที่เหลืออยู่ โดยเวลานี้ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด รั้งจ่าฝูงของตารางการแข่งขันเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน

   ชัยชนะเหนือ แบงค็อก ยูไนเต็ด ที่ ช้าง อารีน่า 3-2 ทำให้ปราสาทสายฟ้ามีแต้มเหนืออันดับสองอย่าง การท่าเรือ เอฟซี อยู่ที่ 5 คะแนน ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ตามยากพอสมควร ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงของยอดทีมจากตะวันออกเฉียงเหนือ

   คู่แข่งที่น่าจะใกล้เคียงกับ บุรีรัมย์ ที่สุดคงมีเพียงบียูที่ปัจจุบันตามหลัง 6 แต้ม แต่ยังมีเกมนัดตกค้างในมืออยู่อีกหนึ่งแมตช์ ซึ่งถ้าชนะได้ ก็จะเหลือ 3 เท่านั้น

   อย่างไรก็ตาม ด้วยผลงานระยะหลังของ แบงค็อก ที่สะดุดเป็นว่าเล่น 7 เกมล่าสุดพวกเขาชนะได้แค่ 1 นัด เท่านั้น ทำให้จากนำเป็นจ่าฝูงดีๆ 12 สัปดาห์ ต้องตกลงมาอยู่ที่ 3 ในปัจจุบัน

   ในเลกแรก บียูจัดว่ายอดเยี่ยมมากๆ เสียประตูยาก แถมยังชนะในเกมที่กำลังจะเสมอ หรือแม้แต่แบ่งแต้มจากแมตช์ที่กำลังจะแพ้มะรอมมะร่ออีกต่างหาก

   ภาษาฟุตบอลเขาเรียกสั้นๆ ว่า 'ฟอร์มแชมป์'

   แต่เล่นไป-เล่นมา กลายเป็นค่อยๆ ดร็อปลงทีละนิด ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการเหนื่อยล้าของนักเตะที่ทั้งเดินทางไกลในถ้วยเอเชีย แถมทัวร์นาเมนต์ในประเทศก็แข่งแบบถี่ยิบ ไม่นับรวมผลพวงจากทีมชาติที่พวกเขามีผู้เล่นถูกเรียกติดธงมากมาย

   มันคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ แบงค็อก เสียตำแหน่งจ่าฝูงให้กับ บุรีรัมย์

   ทว่ายังเหลือเกมให้ชิงชัยกันอีก 10 นัด โดยที่บียูเหลือมากกว่า 1 เกม ซึ่งทุกอย่างยังเป็นไปได้อยู่ พวกเขายังไม่หมดลุ้น แต่...ต่อจากนี้จะพลาดอีกไม่ได้เป็นอันขาด

   โปรแกรมอีก 11 แมตช์ ที่เหลือของ แบงค็อก มีดังนี้

   เชียงราย ยูไนเต็ด (เยือน), ชลบุรี เอฟซี (เหย้า), ราชบุรี เอฟซี (เยือน), การท่าเรือ เอฟซี (เหย้า). นครปฐม ยูไนเต็ด (เยือน), ประจวบ เอฟซี (เหย้า), ขอนแก่น ยูไนเต็ด (เยือน), ตราด เอฟซี (เหย้า), โปลิศ เทโร เอฟซี (เยือน) และปิดท้ายฤดูกาลด้วยการเปิด ทรู สเตเดี้ยม รับมือ อุทัยธานี เอฟซี

   ส่วนเกมพบ ลำพูน วอร์ริเออร์ส ซึ่งเป็นนัดตกค้างยังไม่ได้ระบุว่าจะเตะกันเมื่อใด

   ในจำนวนทั้งหมดนั้น แมตช์เดย์ที่ 21-24 คือห้วงเวลาชี้ชะตาการลุ้นแชมป์ของพวกเขาอย่างแท้จริง เพราะว่า 6 นัดสุดท้ายของซีซั่นนั้นไม่ใช่งานหนักสำหรับบียู

   กลับกัน ตั้งแต่เกมที่ 21 นั้นทีมแข้งเทพจะต้องพบศึกหนักเมื่อต้องยกพลขึ้นเหนือเพื่อไปเยือน เชียงราย ที่แข็งแกร่งและเหนียวแน่นมากๆ โดยเฉพาะยามที่เล่นในรังของตนเอง

   แม้ในช่วง 2 ฤดูกาลหลังสุด (2021-22 กับ 2022-23) บียูจะผูกปีชนะทั้งขาไปและขากลับ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าการลัดฟ้าสู่ดินแดนล้านนาหนนี้ผลลัพธ์จะยังเหมือนเดิม ยิ่งเมื่อมองจากสภาพร่างกายของนักเตะด้วยแล้ว ยิ่งยากไปใหญ่ 

   เสร็จจาก เชียงราย ก็จะกลับมารับมือ ชลบุรี ที่อาจจะฟอร์มตกแบบน่าใจหาย ทว่าก็ไม่อาจประมาทอดีตแชมป์ ไทยลีก 2007 ได้เช่นกัน

   จากนั้นพวกเขาจะต้องบุกไป ดราก้อน โซลาร์ พาร์ค ของ ราชบุรี ที่เลกสองร้อนแรงเหลือร้ายกับสถิติชนะ 4 เสมอ 1 

   ปิดท้ายช่วงหฤโหดด้วยการเผชิญหน้า การท่าเรือ ในวันที่ 7 เมษายน 

นี่คือ 4 เกม ที่ แบงค็อก ห้ามพลาดเป็นอันขาด และที่สำคัญคือผลเสมอหรือแพ้อาจจะทำให้พวกเขาหมดลุ้นแชมป์ไปในทันที หากว่า บุรีรัมย์ ยังรักษามาตรฐานเช่นนี้ได้อยู่

   การชิงชัย ไทยลีก 2023-24 ที่ทำท่าว่าจะสู้กันสนุกที่สุดในประวัติศาสตร์นับตั้งแต่ฟุตบอลสยามประเทศก่อร่างสร้างเป็นอาชีพอย่างเต็มตัวคงจะหมดสนุกแน่ 

   จากนี้ไปบียูต้องเก็บชัยชนะให้ได้ทุกนัดที่เหลือของฤดูกาล ถ้าปรารถนาจะสมหวังเมื่อถึงปลายทาง พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้ว

   ในช่วงเลกแรกที่ บุรีรัมย์, การท่าเรือ และ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ต่างพากันสะดุดอยู่บ่อยๆ ปล่อยให้ทีมแข้งเทพโกยแต้มหนีห่างไปหลายคะแนน แต่สถานการณ์ปัจจุบันกลับตาลปัตรจากหน้ามือเป็นหลังมือ

   แบงค็อก ห้ามพลาดอีกแล้ว

ชิกกะด้าว


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport