โปลิศ เทโรฯ เปิดตัว "เจ้าชายนโรดม แห่งราชวงศ์กัมพูชา" เป็นผู้ร่วมทุนใหม่

สโมสรโปลิศ เทโร เอฟซี ทีมในศึกฟุตบอลไทยลีก 1 ได้ทำการแถลงข่าวเปิดตัวผู้ร่วมทุนใหม่ เพื่อเข้ามาร่วมกันบริหารงานสโมสร โปลิศ เทโร พร้อมตั้งเป้าพาทีมกลับมาสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง

โดยเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.00 น. ที่สโมสรตำรวจ สโมสรฟุตบอลโปลิศ เทโร เอฟซี ได้มีการจัดงานแถลงข่าวการเปิดตัวผู้ร่วมทุนใหม่ ซึ่งภายในงาน คุณไบรอัน แอล มาร์คาร์ ประธานสโมสร และกลุ่มผู้ร่วมทุนใหม่ของสโมสร นำโดย พระองค์เจ้านโรดม อัมฤทธิวงศ์ , สมเด็จพระนโรดม นรินทรพงษ์ และ เจ้าชายนโรดม รวิจักร์ เป็นผู้ร่วมทุนใหม่ ที่จะเข้ามาร่วมกันบริหารงานของสโมสรโปลิศ เทโร เอฟซี พร้อมตั้งเป้าจะพาทีมกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง

โดยทางด้าน คุณธัญญะ วงศ์นาค ผู้จัดการทีมโปลิศ เทโร กล่าวว่า "ก่อนอื่นก็ต้องขอต้อนรับกลุ่มทุนใหม่ที่จะเข้ามาช่วยกันบริหารของโปลิศเทโรของเรา โดยมีโอกาสได้พูดคุยกับทางเจ้าชายแห่งราชวงศ์กัมพูชา และก็ได้ทราบถึงความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาพัฒนาวงการฟุตบอล และทางกลุ่มผู้บริหารเดิมและผู้บริหารใหม่ก็มองเป้าหมายตรงกัน ว่าอยากจะพัฒนาทีมโปลิศเทโร ให้กลับมาเป็นทีมใหญ่อีกครั้ง"

ทางด้านของ พระองค์เจ้านโรดม อัมฤทธิวงศ์ ตัวแทนของกลุ่มทุนที่จะเข้ามาร่วมบริหารทีม ก็ได้กล่าวถึงเป้าหมายว่า "ส่วนตัวมีความสนใจในการทำทีมฟุตบอลอยู่แล้ว และเล็งเห็นว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่จะได้เข้ามาพัฒนาวงการฟุตบอลไทย และฟุตบอลอาเซียนไปด้วยกัน สาเหตุที่เลือกเข้ามาทำทีมโปลิศเทโร เนื่องจากทีมนี้เป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เคยเป็นทั้งแชมป์ไทยลีก และเป็นทีมในอาเซียนที่เป็นถึงรองแชมป์ AFC แชมป์เปี้ยนลีก เลยอยากจะพาทีมกลับไปอยู่ในจุดเดิมให้ได้อีกครั้ง ซึ่งก็จะใช้ความรู้ความสามารถ รวมถึงคอนเนคชั่นที่ตัวเองมี ในการดึงตัวผู้เล่นต่างชาติเข้ามาช่วยทีมให้มากที่สุด รวมถึงโอกาสในการส่งออกนักเตะไทย และนักเตะอาเซียนให้มีโอกาสไปเล่นฟุตบอลที่ต่างประเทศมากขึ้นในอนาคตอีกด้วย"

"โดยจะเข้ามาบริหารงานในช่วงเลก 2 ของฤดูกาล 2023/24 และปีหน้าวางเป้าจบที่ท็อปทรีเป็นอย่างน้อยและพาทีมไปเล่นเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก"

ทั้งนี้ พระองค์เจ้านโรดม อัมฤทธิวงศ์ ท่านทรงเป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติกัมพูชา ซึ่งเชื้อพระวงษ์กัมพูชารายนี้ ถือเป็นแฟนกีฬาฟุตบอล และกำลังมองหาสโมสรฟุตบอลมาเป็นพันธมิตรทางด้านฟุตบอลกับกัมพูชา พัฒนาวงการลูกหนังในประเทศต่อไป


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport