แกร่งทั่วแผ่น

นับตั้งแต่เปิดเลกที่ 2 ของฤดูกาล 2022-23 บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาคือ 'เบอร์หนึ่ง' แห่งสยามประเทศ ณ ชั่วโมงนี้จริงๆ

   ชัยชนะ 4 นัดรวด (ทุกรายการ) เหนือทีมใหญ่อย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี และล่าสุด บีจี ปทุม ยูไนเต็ด พิสูจน์ได้ชัดเจนว่าปราสาทสายฟ้ากำลังเดินหน้าล่า 3 แชมป์ (หนที่ 5) ด้วยความมั่นใจ

   หากนับรวมจากเลกแรก เท่ากับว่าตอนนี้ บุรีรัมย์ เก็บชัยติดต่อกันมา 12 เกม เข้าไปแล้ว แถมยิงไปถึง 29 ประตู และเสียไปแค่ 4 ลูก เท่านั้น

   ตัวเลขที่ออกมาบ่งชี้ว่าปราสาทสายฟ้ามีความแข็งแกร่งตั้งแต่ผู้รักษาประตูไปจนถึงกองหน้า

   ในช่วงที่ ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน พักรักษาอาการบาดเจ็บ พวกเขาก็ยังมี นพพล ละครพล ดาวรุ่งวัย 22 ปี ลงทำหน้าที่แทน และก็ถือว่า 'สอบผ่าน' กับการลงเฝ้าเสาให้ต้นสังกัด

   แต่ส่วนหนึ่งในความเหนียวแน่น นั่นเพราะแดนหลังของ บุรีรัมย์ ค่อนข้างลงตัวมากๆ 

   นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม กับ ศศลักษณ์ ไหประโคน สองฟูลแบ็กนั้นวินัยเต็มร้อย ความฟิตเต็มถัง เติมเกมไม่มียั้ง จนทำให้คู่แข่งลำบาก ส่วนฝั่งตนเองก็เล่นสบายไปด้วย

   คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟของแชมป์ ไทยลีก 7 สมัย ใช้ เรบิน ซูลาก้า เป็นแกนกลาง โดยมี พรรษา เหมวิบูลย์ เป็นตัวหลักในเลกแรก ส่วนเลกที่สองก็ได้ ดิออน คูลส์ แข้งสารพัดประโยชน์มาช่วยขันน๊อตให้แน่นขึ้นอีกเท่าตัว

   พอหลังบ้านลงตัว อะไรต่อมิอะไรก็ง่ายขึ้นเยอะ

   ธีราทร บุญมาทัน ที่ผันตัวเองมาเป็นมิดฟิลด์ก็สุดแสนจะเหลือร้าย คลาสฟุตบอลของเขาอยู่ในระดับเอเชีย ดังนั้นการเล่นในลีกไทย จึงทำให้เขาเฉิดฉายแบบสุดๆ

   ยิ่งได้ โกรัน เคาซิช มายืนเป็นพาร์ตเนอร์ ยิ่งทำให้แผงกองกลางของปราสาทสายฟ้าสยบคู่ต่อสู้ได้ไม่ยาก

   เท่านั้นไม่พอ พวกเขายังมี พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี ที่พร้อมเสมอสำหรับโอกาสที่ได้รับ

   ส่วนแดนบน ก็พากันฟอร์มแจ่มพร้อมๆ กันอีก โดยเฉพาะ ศุภชัย ใจเด็ด กับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา ที่เก่งกาจขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าอนาคตข้างหน้าทั้งคู่น่าจะไปโลดแล่นในลีกที่มาตรฐานสูงกว่านี้แน่

   แต่อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ บุรีรัมย์ สามารถรักษาระดับการเล่นได้ต่อเนื่อง คือการที่โควตาต่างชาติผู้มาใหม่ทั้ง 3 คน อย่าง ฟิลิป โรกิช กับ ฮาริส วุชคิช รวมไปถึง คูลส์ นั้นย้ายมาปุ๊บ แล้วลงล็อกได้ปั๊บ

   เมื่อขุมกำลังแน่นปั๊ก และยังมี มาซาทาดะ อิชิอิ กุนซือสมองเพชรเป็นผู้กำกับแท็กติกอีก มันจึงทำให้ปราสาทสายฟ้าแข็งแกร่งเกินต้านทาน

   เฮดโค้ชชาวญี่ปุ่น ค่อนข้างยืดหยุ่นตามคู่แข่ง เขามักจะเลือกผู้เล่นที่เหมาะกับเกมการแข่งขัน มากกว่ายึดติดกับสตาร์ดัง ซึ่งนั่นทำให้ฝั่งตรงข้ามจับทางแผนของ บุรีรัมย์ ได้ยากลำบาก

   ทุกอย่างของปราสาทสายฟ้ากำลังลงตัวขึ้นเรื่อยๆ และมันจะดีดตัวขึ้นไปอีกแน่ เมื่อทีมชุดนี้ยังคงเล่นร่วมกันอยู่

   ไทยลีก ตอนนี้พวกเขานำห่างอันดับ 2 อย่าง แบงค็อก ยูไนเต็ด ถึง 11 แต้ม แม้จะยังเหลืออีกตั้ง 12 นัด ให้ชิงชัย แต่ในทางปฏิบัติ บุรีรัมย์ ก้าวเท้าสู่แชมป์ไปแล้วแทบจะครึ่งตัว

   ขณะที่ ลีก คัพ ก็ไปถึงรอบ 8 ทีม สุดท้ายแล้ว แต่อาจจะหนักหน่อย เพราะต้องออกไปเยือนบียู ส่วนอีกถ้วยอย่าง เอฟเอ คัพ นั้นเจอ อุทัยธานี เอฟซี สโมสรจาก ไทยลีก 2 ในวันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์นี้

   บุรีรัมย์ น่าจะมองไปถึงการสร้างทีมเพื่อ เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2023-24 ที่จะกลับมาแข่งขันกันในเดือน กันยายน เพราะนี่คือทัวร์นาเมนต์ที่คุณ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสร พยายามอย่างหนักเพื่อนำทีมไปให้ไกลที่สุด

   ปราสาทสายฟ้าเคยทะลุถึงรอบ 8 ทีม สุดท้าย มาแล้วเมื่อซีซั่น 2013 ซึ่งทีมชุดนั้นก็อัดแน่นไปด้วยคุณภาพทุกตำแหน่งเหมือนปัจจุบัน

   ทว่า บุรีรัมย์ ชุดนี้ค่อนข้างลงตัวและสมดุลมาก แถมยังมีโค้ชประสบการณ์สูงอีก มันจึงทำให้คิดไกลไปได้ว่า บางทีพวกเขาอาจจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการลูกหนังไทย และรวมไปถึงเอเชีย ก็เป็นได้

   ต้องยอมรับว่าวินาทีนี้ บุรีรัมย์ ไร้เทียมทานจริงๆ

ชิกกะด้าว


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport