5 ความจริงสิ่งที่ "อิชิอิ" ต้องรับมือหลังรับงานคุมทีมชาติไทยชุดใหญ่

วันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 ทีมชาติไทย ชุดใหญ่ ได้กุนซือคนใหม่นั่นคือ "มาซาทาดะ อิชิอิ" เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่นวัย 56 ปี เข้ามาแทน "มาโน่ โพลกิ้ง" ที่ทำผลงานได้ไม่เป็นไปตามเป้าหมายของแฟนบอลชาวไทย

 นี่คือ 5 สิ่งที่โค้ชยุ่นรายนี้ต้องรับทราบ เมื่อเข้ามารับงานนี้ ที่เปรียบเสมือนงานที่ท้าทายที่สุดในชีวิตการเป็นกุนซือเลยก็ว่าได้!

 1. อิสรภาพคุณจะหมดไป มันคือความจริงของคนที่จะเข้ามาคุมทีมชาติไทย เมื่อทำผลงานดีคือเสมอตัว แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่หากผลงานแย่แพ้ติด ๆ กัน "อิชิอิ" จะถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง หรืออาจถูกแทรกแซงจาก "บุคคลลึกลับ" จนไม่เป็นตัวของตัวเองเป็นแน่

 และถ้าอย่างแย่ ๆ แพ้ทีมจากย่านอาเซียน บอกเลยว่าเละ และจะถูกดันจากทุกภาคส่วนโดยปริยาย เอาเป็นว่างานแรกของ "อิชิอิ" คือคุมทีมไปดวล ญี่ปุ่น ในเกมกระชับมิตรวันที่ 1 ม.ค.2567 และจะเริ่มอย่างจริงจังในเวที "เอเชียนคัพ 2023" รอบสุดท้าย ที่กาตาร์ ระหว่างวันที่ 12 ม.ค. - 10 ก.พ.2567 

 2. แฟนบอลไทยดีกรี "โปร ไลเซนส์" น่ากลัวมากขอบอก! ไม่ว่า "อิชิอิ" จะเก่งฉกาจโปรไฟล์โหดคุมทีมได้ 10 แชมป์กับ คาชิม่า แอนท์เลอร์ส และบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด บวกกับมีดีกรีโค้ชยอดเยี่ยมเจลีกแห่งปี 2016 เก่งแค่ไหนเมื่อมาคุม "ช้างศึก" แล้วผลงานสะดุดสัก 1-2 นัด คุณจะถูกโจมตีจากแฟนบอลไทยบนโลกออนไลน์ทั่วแผ่นดินแน่นอน

 อีกประการหากเรียนตามตรง แบบไม่ต้องโลกสวยอะไร คือว่า แฟนบอลที่นี่รอไม่เป็นนะครับ บอลแพ้มาเมื่อไหร่ พวกเขาจะระดมพล โชว์กึ๋นศาสตร์โค้ชเคาะลงบนแป้นพิมพ์กันระนาว และหาก "อิชิอิ" ที่ชอบลงรูปบนอินสตาแกรมของตัวเองมาเห็น คงอุทานในใจเป็นภาษาคาราโอเกะเลยว่า Here Rai Kub เนี่ย!

 3. เราต้องได้แชมป์ซีเกมส์ "อิชิอิ" คุณต้องรู้ว่า นี่คือทัวร์นาเมนต์ที่เราต้องการมาก ๆ ที่มากที่สุด เพราะมันเป็นมหกรรมกีฬาสุดยิ่งใหญ่ระดับอาเซียน เราจะพลาดแชมป์รายการไหนก็ได้ แต่เราต้องไม่พลาดเหรียญทองซีเกมส์ มันคือความภาคภูมิใจของปวงชนชาวไทย

 แถม "ช้างศึก" ของเรานี่ไม่ได้เหรียญทองมา 3 ครั้งติดต่อกันแล้วนะครับ (ปี 2019, ปี 2021, ปี 2023) โดย 2 ครั้งหลังเราได้แค่เหรียญเงินเท่านั้น ทำให้ในปี 2025 ที่ประเทศไทยเราจะเป็นเจ้าภาพ ไม่ว่าตอนนั้น "อิชิอิ" จะมีโปรแกรมเตะของทีมชุดใหญ่ยังไง คุณก็ต้องส่งนักเตะที่คุณเรียกติดทีมชุดใหญ่ ลงมาช่วยในทีม ยู-22 เพื่อคว้าเหรียญทองซีเกมส์ให้ได้

  4. รับให้ได้กับการบริหาร ยังดีที่เคยทำงานคุมทีมในเมืองไทยมาแล้วตั้งแต่ปี 2019 "อิชิอิ" ก็น่าจะรู้แล้วแหละว่า ฟุตบอลไทยเป็นอย่างไร การบริหารของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ไม่เหมือนชาติใดในโลก ปฏิทินหรือโปรแกรมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ และอาจไม่เอื้อต่อการเตรียมทีมชาติไทย เพราะฉะนั้นคุณต้องรับมันให้ได้

 เชื่อว่า "อิชิอิ" คงได้มีการปรึกษา "อากิระ นิชิโนะ" อดีตกุนซือทีมชาติไทยในช่วงปี 2019-2021 มาบ้างแล้ว ขนาดระดับ "นิชิโนะ" ผู้พาทีมชาติญี่ปุ่น ทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย มาแล้วยังไปไม่รอดกับทีมชาติไทย "อิชิอิ" จะไปรอดไหมต้องมาติดตามกันให้ดี ๆ

 5. เราต้องไปฟุตบอลโลก แฟนบอลชาวไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน มีความฝันอันยิ่งใหญ่ คือการเห็นทีมชาติไทย ไปตะลุยฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ให้ได้ ความคาดหวังยิ่งสูง มันก็ยิ่งกดดันแก่ "อิชิอิ" เพราะอย่าลืมว่า คุณเหลืออีก 4 เกมในรอบแบ่งกลุ่ม รอบสอง

 2 นัดต่อไปในปีหน้า คุณจะทำยังไงก็ได้ให้ไทยได้ 1 แต้มจากเกาหลีใต้ หรืออย่างแย่คืออย่าแพ้ขาด ก่อนจะลงเตะ 2 เกมสุดท้ายไปเยือน จีน และเปิดบ้านดวล สิงคโปร์ ต้อง 6 แต้มเต็มเท่านั้น พร้อมยิงประตูให้ได้เยอะที่สุด หาก "อิชิอิ" พาเข้ารอบ 3 ได้ เสียงสนับสนุน และคำชื่นชมจะยิ่งทวีคูณเป็นล้านเท่า แต่ ... หากอดเข้ารอบ 3 คุณจะถูกวิพากษ์วิจารณ์กระหน่ำ และถูกตั้งสมญานามว่า "ของปลอม" มาทันที

" กอล์ฟ เบนเทเก้ "


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport