ไทยแลนด์สู้สู้!!

หากจะนับสนามแข่งขันในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มักจะสร้างปัญหาให้กับทีมชาติไทย ได้มากที่สุด น่าจะมีอยู่ 2 แห่ง คือ เสนายัน ของอินโดนีเซีย กับ บูกิต จาริล รังเหย้ามาเลเซีย ที่ทัพช้างศึกกำลังจะลงสนามในไม่กี่อึดใจข้างหน้า

นับถึงปัจจุบัน เป็นเวลากว่า 19 ปี ที่ขุนแข้งแห่งสยามประเทศยังไม่เคยเดินทางกลับออกมาด้วยชัยชนะเลย

หนล่าสุดที่ไทย สามารถปราบเจ้าถิ่นได้ ต้องย้อนกลับไปปี 2004 โน่นเลยทีเดียว

เท่านั้นไม่พอ 6 เกม หลังสุดที่พบกัน ทัพช้างศึกก็ไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งรายนี้ได้อีกต่างหาก แถมใน คิงส์ คัพ ที่แข่งขันกันเมื่อเดือนกันยายน 2022 ขนาดว่ามีทั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ สุภโชค สารชาติ แต่เราก็ทำได้แค่เสมอกับเสือเหลืองแห่งมาลายันไป 1-1

หากไม่นับเวียดนาม ที่เจอทีไรหวดกันไฟแล่บ ก็ต้องมาเลเซีย นี่แหละที่เป็นหนามยอกอกของไทย อย่างแท้จริง

ดังนั้นเกมที่จะห้ำหั่นกันในวันเสาร์ที่ 7 มกราคม จะเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของ อเล็กซานเดร โพลกิ้ง และลูกทีมว่าจะฝ่าอุปสรรคก้อนโตไปได้หรือไม่ 

การบุกไปแบ่งแต้มกับอินโดนีเซีย ที่ เสนายัน พอจะรับประกันได้ระดับหนึ่งว่าสภาพจิตใจของทีมชาติไทย ชุดนี้แข็งแกร่งไม่เบา เพราะการต้องเล่นด้วยสภาวะกดดันเช่นนั้น หากสมาธิหลุด คุณสามารถแพ้ได้ทันที

แต่การได้คะแนนกลับมา ถือเป็นสิ่งที่น่าพอใจทีเดียว 

ทว่านั่นเป็นรอบแรก ผลที่ตามหลังมานั้นแตกต่างกันออกไปจากรอบรองชนะเลิศที่จะพบกับมาเลเซีย

เพราะถ้าพลาดท่าก่อน มีโอกาสสูงทีเดียวที่จะจอดเพียงรอบนี้

แม้ว่าทีมเสือเหลืองแห่งมาลายันชุดปัจจุบันจะไม่มีผู้เล่นจาก ยะโฮร์ ดารุล ต๊ะซิม ซึ่งเป็นสโมสรอันดับ 1 ของประเทศในยุคนี้ อีกทั้ง 17 จาก 23 คน นั้นเพิ่งจะลงสนามในนามทีมชาติไม่ถึง 10 นัด

แต่มาเลเซีย ก็ยังเป็นมาเลเซีย

พวกเขาคือทีมที่เล่นได้เหนียวแน่น ยิ่งเมื่อเฝ้ารัง จะดุดันขึ้นอีกเท่าตัว แถมการมี คิม พัน-กอน เข้ามาเป็นกุนซือ ดูเหมือนว่าแท็กติกของเสือเหลืองแห่งมาลายันจะแยบยลกว่าเก่าก่อนอีกต่างหาก

มาเลเซีย ชุดนี้มีลูกล่อลูกชนหลากหลาย เกมรับแข็งแกร่ง และยังโดดเด่นกับจังหวะเข้าทำทางริมเส้น เพราะว่า 8 จาก 10 ประตู ในรอบแรก พวกเขาได้จากการเล่นด้านข้างทั้งนั้น

เป็นจุดที่ โพลกิ้ง และลูกทีมของเขาต้องระวังให้ดี

ฟีฟ่า แรงกิ้ง ของไทย อาจจะเหนือกว่าอยู่พอสมควร บวกกับลีกอาชีพของเราก็มาตรฐานสูงกว่าแบบชัดเจน ทว่าในโลกของฟุตบอลนั้นยากที่จะคาดเดา

ยิ่งเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่างชาติอาเซียน ที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันด้วยแล้ว การบุกไปเยือน บูกิต จาริล จึงเป็นงานที่สาหัสเสียเหลือเกิน

ในห้วงเวลาที่กระแสฟุตบอลไทย กำลังลดลง จากผลงานทีมชาติในทุกระดับที่ถือว่าล้มเหลว แถมกว่าจะได้ฮีโร่มาจัดการเรื่องการถ่ายทอดสด ก็ปาไปเกมที่ 2 ของทัวร์นาเมนต์

คือมีแต่เรื่องในด้านลบล้วนๆ

ทว่าบางทีสถานการณ์ที่หม่นๆ แบบนี้ อาจจะสร้างวีรบุรุษก็เป็นได้

หากทีมชาติไทย กลับมาจาก บูกิต จาริล โดยได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ รับประกันเลยว่า 'หัวใจ' จะ 'ฮึกเหิม' อีกหลายเท่าตัว และเมื่อเป็นเช่นนั้น มันย่อมส่งผลในระยะยาว 

ไทยแลนด์สู้สู้!!

ชิกกะด้าว


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport