แมตช์ชี้ชะตาเข้ารอบรองฯ!ช้างศึกแพ้ไม่ได้"ธีราทรผนึกสารัช"นำทัพบู๊กัมพูชา

ทัพ "ช้างศึก" แพ้ไม่ได้ต้องชนะหรือเสมอจึงจะเข้ารอบ เกมนี้ไทยจะไร้ 2 แข้งทั้ง "ฉัตรมงคล" พักฟื้นหลังผ่าจมูก กับ "สรรวัชญ" ที่ติดโทษแบน โดย "มาโน่" เตรียมขนแข้งฟิตสมบูรณ์ที่สุดลงสนาม พร้อมปรับระบบมาเล่น 4-4-2 อีกครั้ง นำทัพโดย "สารัช" ที่้เพิ่งซัดประตูตีเสมอแชร์แต้มสำคัญแดนอิเหนาลงประสานแดนกลางกับ "กัปตันธีราทร" ส่วนแผงแบ็กโฟว์ยังชุดเดิม และแดนหน้า "อดิศักดิ์" คัมแบ็กตัวจริงจับคู่ "ธีรศิลป์" ซัลโวตาข่าย ด้านทีมเยือนกัมพูชา ที่มี "เคสึเกะ ฮอนดะ" คุมทัพ พร้อมจัดขุมกำลังเต็มอัตราสู้สุดใจเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ตีตั๋วสู่รอบรองฯเป็นครั้งแรกให้ได้ โดยเงื่อนไขต้องบุกชนะไทยสถานเดียว โดยคู่นี้จะเตะ 1 ทุ่มครึ่งที่สังเวียนแข้ง มธ.รังสิต ยิงสดช่อง MCOT HD กับช่อง T-Sport 7

 การแข่งขันฟุตบอลเอเอฟเอฟ มิตซูบิชิ อิเล็คทริก คัพ 2022 ประจำวันจันทร์ที่ 2 ม.ค.66 ที่สนามธรรมศาสตร์ สเตเดี้ยม เวลา 19.30 น. เป็นเกมรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม เอ นัดสุดท้าย คู่ระหว่าง ทีมชาติไทย จ่าฝูงที่ลงเตะ 3 นัด มี 7 แต้ม เปิดบ้านรับมือ ทีมชาติกัมพูชา ทีมอันดับ 3 ที่มี 6 แต้ม จาก 3 นัด ถ่ายทอดสดทางช่อง MCOT HD หมายเลข 30 และช่อง T-Sport 7

  ความพร้อมของเจ้าถิ่นทัพ "ช้างศึก" ที่มี "มาโน่ โพลกิ้ง" คุมทัพ โดยมี "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นผู้จัดการทีม ลงเตะ 3 เกมไม่แพ้ใครทั้งบุกเอาชนะ บรูไน 5-0, เปิดบ้านทุบ ฟิลิปปินส์ 4-0 และเกมล่าสุดบุกเสมอ อินโดนีเซีย 1-1

 โดยเกมนี้เจ้าถิ่นหมดสิทธิ์ใช้งาน ฉัตรมงคล เรืองฐนโรจน์ แบ็กซ้ายวัย 20 ปี ที่ยังต้องพักรักษาตัวหลังผ่าตัดจมูกไป รวมถึง สรรวัชญ์ เดชมิตร มิดฟิลด์จอมเก๋าที่ติดโทษแบน 1 นัด หลังได้รับใบแดงโดยตรงในเกมที่ผ่านมา นอกนั้นอีก 21 แข้งไม่มีปัญหายังพร้อมลงสนามทุกราย

 ขณะเดียวกัน "โค้ชมาโน่" เตรียมกลับมาใช้ระบ 4-4-2 อีกครั้ง หลังเกมที่แล้วปรับเป็น 4-2-3-1 ในส่วนของ 11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนามอาจมีการโรเตชั่นบางตำแหน่งเพื่อเอาแข้งที่สดลงบู๊ เริ่มตั้งแต่ตำแหน่งผู้รักษาประตู กิตติพงษ์ ภูแถวเชือก ที่เกือบพลาดทำให้ทีมเสียประตูในเกมกับอินโดนีเซียอาจได้พัก โดย กัมพล ปฐมอรรฆย์กุล อาจได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาหนแรกแทน

   ด้านแผงแบ็กโฟว์ที่ไม่น่าเปลี่ยนทั้งคู่เซ็นเตอร์เป็น พรรษา เหมวิบูลย์ กับ กฤษดา กาแมน แบ็กสองฝั่งใช้ ศุภนันท์ บุรีรัตน์ ฝั่งขวา ศศลักษณ์ ไหประโคน ยืนฝั่งซ้าย ขณะที่แผนกองกลาง "กัปตันอุ้ม" ธีราทร บุญมาทัน ยังพร้อมยืนกับ สารัช อยู่เย็น โดยมี บดินทร์ ผาลา พร้อมขนาบข้างฝั่งปีกซ้าย

  ส่วนฝั่งขวาหากจะดร็อป เอกนิษฐ์ ปัญญา ที่ลงตัวจริงมา 3 เกมติดดูล้าๆ ก็ยังมีตัวสำรองอย่าง เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ รวมทั้ง ชาญณรงค์ พรมศรีแก้ว ที่พร้อมเป็นตัวเลือกเช่นกัน และคู่กองหน้า ธีรศิลป์ แดงดา ยังประจำการยืนจับคู่กับ อดิศักดิ์ ไกรษร คัมแบ็กตัวจริงลงล่าตาข่าย

  ฟากทีมเยือนกัมพูชา ที่มี "เคสึเกะ ฮอนดะ" อดีตดาวเตะซูเปอร์สตาร์ทีมชาติญี่ปุ่น ที่ทำหน้าที่กุนซือใหญ่ของทีม ได้นำบรรดานักเตะ "นักรบอังกอร์" ลงซ้อมที่เมืองไทยตั้งแต่วันศุกร์ที่ 30 ธ.ค.65 ซึ่งพวกเขามีเวลาฝึกซ้อมมากกว่าไทยอยู่ 1 มื้อ เพราะในวันเดียวกันนักเตะไทยเพิ่งเดินทางกลับหลังไปกำศึกที่อินโดนีเซียมา

 สำหรับผลงานของกัมพูชาใน 3 เกมที่ผ่านมา ประกอบด้วย นัดแรกเปิดบ้านชนะ ฟิลิปปินส์ 3-2, นัดสองบุกแพ้ อินโดนีเซีย 1-2 และเกมล่าสุดเปิดรังถล่ม บรูไน 5-1 ทำให้ "นักรบอังกอร์" ยังมีลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ตีตั๋วเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกในรายการนี้

  โดยเกมนี้ "ฮอนดะ" จะยังคงยึดระบบที่ถนัดนั่นคือ 3-4-2-1 นำทัพโดย บุนเฮง เรือง, ลิม พิโสธ 2 นักเตะดาวซัลโวของทีมในเวลานี้ที่ยิงไปแล้วคนละ 2 ประตู ขณะที่แผงกลางจะยังเป็น อร จันทร์โปลิน ที่ยืนกับ โสส ซูฮานา ส่วน 3 กองหลังจะยังคงเป็นเซ็ตเดิมทั้ง ชานชาฟ ชุน, เสย วิซัล และเทส สัมบัต ที่ยืนเป็นตัวหลักมา 3 เกมติด

 ทั้งนี้ เงื่อนไขการเข้ารอบรองชนะเลิศของทั้งสองทีม เริ่มจากไทย มี 2 ทางเลือกคือ 1. เสมอ หรือ ชนะ กัมพูชา ไทยจะเข้ารอบทันที หากจบด้วยผลเสมอต้องลุ้นผลคู่ ฟิลิปปินส์-อินโดนีเซีย ว่าออกมาเป็นแบบไหน เพื่อเช็กสถานะการเข้ารอบอันดับ 1 หรือ 2 ของกลุ่ม

  ส่วนทางเลือกที่ 2 กรณีเดียวที่ไทยจะไม่ได้ไปต่อคือเปิดบ้านแพ้ให้กัมพูชา จะทำให้กัมพูชามี 9 แต้ม ไทยมี 7 แต้ม และอินโดนีเซีย บุกมีแต้มเหนือฟิลิปปินส์ ไม่ว่าจะเสมอหรือชนะ อินโดนีเซียจะเข้ารอบด้วยการมี 8 หรือ 10 แต้ม

  ขณะที่เงื่อนไขฝั่งกัมพูชา คือ 1. บุกชนะไทย จะทำให้กัมพูชาเข้ารอบทันที โดยไม่ต้องไปสนผลอีกคู่, 2. หากแพ้ไทย ทุกอย่างจบ กัมพูชาจะตกรอบทันที สำหรับสถิติการพบกันในเวทีชิงแชมป์อาเซียนนับตั้งแต่จัดการแข่งขันขึ้นมาเมื่อปี 1996 ปรากฏว่า ไทยไม่เคยพบกัมพูชา เกมนี้จะเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองทีมดวลกันในรายการนี้


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport