ฮาลันด์ กลับมาโหด,โรดรี้ ผู้ไม่แพ้! 5 ข้อ แมนซิตี้ ขยี้ วูล์ฟส์ ขยับใกล้คว้าแชมป์

แมนซิตี้ แชมป์ลีกลูกหนังเมืองผู้ดียังเดินหน้าหายใจรดต้นคอและกดดัน อาร์เซน่อล ทีมจ่าฝูงได้อย่างน่าเกรงขามจากการเปิดสนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม ยำใหญ่ วูล์ฟส์ อย่างไม่ปราณี 5-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 4 พ.ค.เพิ่มโอกาสป้องกันแชมป์ได้มากขึ้นทุกทีกับการได้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กองหน้าตัวกลั่นคืนความฟิตกลับมาสอยตาข่ายได้อย่างสนุกเท้าในช่วงเวลาที่เข้าด้ายเข้าเข็มประกอบกับ โรดรี้ ยอดกองกลางเพิ่มสถิติไร้พ่ายในเกมที่ได้ลงเล่นให้ เรือใบสีฟ้า ได้ต่อไป

1. โฟเด้น ฟิต-ฮาลันด์ คืนโผตัวจริง

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ เปลี่ยนโผ 11 คนแรกรวมสามรายจากเกมลีกนัดออกไปสยบ ฟอเรสต์ 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

กุนซือสแปนิชได้ทั้ง ฟิล โฟเด้น หายป่วยจนพลาดนัดก่อนกลับมาลงสนามได้เช่นเดียวกับ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ ที่ลงเล่นเป็นตัวสำรองกับ เจ้าป่า และกลับมาอยู่ในโผออกสตาร์ตเกมนี้หลังเจ้าตัวซัดเม็ดสองของเกมที่ ซิตี้ กราวด์ ได้

ส่วนอีกราย มาเตโอ โควาซิช ได้เสียบแทน แจ็ค กรีลิช ที่หล่นไปนั่งสำรอง แต่ เอแดร์ซอน ที่เจ็บไหล่จนต้องเปลี่ยนตัวจากนัดก่อนยังได้ลงสนามเป็นตัวจริงเช่นเดิม

2. หมาป่า สลับทัพตำแหน่งเดียว

วูล์ฟส์ ซึ่งบุกมาดวลกับ แมนฯ ซิตี้ โดยที่กุนซือ แกรี่ โอนีล ติดโทษแบนห้ามคุมทีมข้างสนามหนึ่งเกมปรับโผตัวจริงรายเดียวจากแมตช์เฝ้าบ้านชนะ ลูตัน 2-1 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

โอนีล ซึ่งได้รับโทษข้อหาโวยใส่ผู้ตัดสินในเกมพ่าย เวสต์แฮม คารัง 2-1 เมื่อวันที่ 6 เม.ย. เลือกส่ง อูโก้ บวยโน่ ลงเล่นเป็นแผงหลังก่อนหน้า แมตต์ โดเฮอร์ตี้ ที่มีชื่อเป็นตัวสำรอง

อย่างไรก็ดี หมาป่า ได้ ฌอง ริคเนอร์ เบลเลการ์ด และ ซานติอาโก้ บวยโน่ คืนความฟิตกลับมานั่งรออยู่ในซุ้ม

3. สองลูกโทษและอีกหนึ่งแฮททริค

ใครที่เป็นกองเชียร์ อาร์เซน่อล แทบไม่อยากดูเกมนัดนี้ต่อในครึ่งหลังแน่เนื่องจาก วูล์ฟส์ ก่อความผิดพลาดจนทำเสียสองลูกโทษในครึ่งแรก และส่งผลให้ ฮาลันด์ กลับมาทำแฮททริคแรกในเกม พรีเมียร์ลีก ของเขาได้นับตั้งแต่เดือนก.ย.

ถึงตอนนี้ สตาร์ทีมชาติ นอรเวย์ ตะบันได้ 201 เม็ดแล้วกับการลงเล่นให้สโมสรและแผ่นดินเกิดในรอบห้าซีซั่น

และหากจะนับเฉพาะการลงสนามให้ เรือใบสีฟ้า กองหน้าร่างยักษ์ มีส่วนร่วมกับการทำประตู 101 เม็ดแล้วจากการลงเล่น 94 นัดโดยแบ่งเป็น 86 ประตูและ 15 แอสซิสต์โดยซีซั่นนี้เขาคลำเป้าเพิ่มเป็น 34 ประตู แบ่งเป็น 23 ประตูใน พรีเมียร์ลีก

ขณะเดียวกัน ดาวเตะวัย 23 ปีซัดแฮททริคเพิ่มเป็น 21 ครั้งแล้วโดยเกมในครึ่งแรกที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เจ้าบ้านเหนือกว่าอาคันตุกะอย่างชัดเจนจากโอกาสยิง 7 ครั้งที่เข้ากรอบ 5 ครั้ง ขณะที่ วูล์ฟส์ ซึ่งครองบอลด้อยกว่าเล็กน้อย 53.3%:46.7% ไม่ได้ง้างยิงเลยแม้แต่หนเดียว

จากการซัดได้สามเม็ดในช่วงครึ่งแรกเท่ากับว่า ฮาลันด์ ทำได้หกแฮททริคในเกม พรีเมียร์ลีก แล้วจากการลงบู๊แค่ 63 นัด และเหนือกว่าทั้ง รุด ฟาน นิสเตลรอย , โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ , แอนดี้ โคล และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ที่ทำได้ห้าแฮททริคเท่ากันโดยมีนักเตะแค่เจ็ดรายที่กดแฮททริคในเกม พรีเมียร์ลีก ได้มากกว่าสตาร์ร่างยักษ์

ยิ่งไปกว่านั้น เกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม มีแฮททริคเกิดขึ้นบ่อยที่สุดในเกม พรีเมียร์ลีก มากกว่าทุกสนามด้วยจากจำนวน 30 ครั้งโดยแฮททริคของ ฮาลันด์ เป็นแฮททริคที่ 41 ที่เกิดจากฝีเท้าของนักเตะ เรือใบสีฟ้า ในเกม พรีเมียร์ลีก เป็นรอง ลิเวอร์พูล ทีมเดียวเนื่องจาก หงส์แดง มีขุนพลกดแฮททริคได้ทั้งหมด 42 ครั้ง

4. เชซุส ยังเหนือ ฮาลันด์-โรดรี้ ยังไร้พ่าย

ไม่เพียงจะตะบันแฮททริคในครึ่งแรกได้เท่านั้น แต่ ฮาลันด์ มาบวกเม็ดที่สี่ของตัวเองได้สำเร็จเช่นกันหลังจาก ฮวาง ฮี ชาน ซัดตีไข่แตกให้ทีม หมาป่า ได้แค่อึดใจเดียว และมันเป็นเกมแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่เขาซัดได้สี่ประตูในนัดเดียว

แม้จะกระทุ้งได้สี่ตุง แต่หัวหอก แมนฯ ซิตี้ มีสถิติเป็นรอง กาเบรียล เชซุส อย่างน่าเสียดายโดยในช่วงที่ยังเล่นให้กับทีมเงินถังก่อนย้ายไปค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล  กองหน้าแซมบ้าครองสถิติยิงสี่ประตูใน พรีเมียร์ลีก ด้วยเวลาที่เร็วที่สุด 53 นาทีนัดบู๊กับ วัตฟอร์ด เดือนเม.ย.2022 ขณะที่ ฮาลันด์ ทำได้ในเวลา 54 นาทีเป็นรองแค่นาทีเดียวเท่านั้น

ถึงขณะนี้ ฮาลันด์ ยิงประตูในเกม พรีเมียร์ลีก เพิ่มเป็น 61 เม็ดแล้วจากการลงสนามแค่ 63 นัดโดยก่อนหน้านี้นักเตะที่สอยตาข่ายในรายการนี้ได้ครบ 60 ประตูเร็วที่สุดคือ อลัน เชียเรอร์ แต่เขาต้องลงสนามมากกว่าถึง 77 นัด

และในที่สุด หลัง ฮาลันด์ โดนเปลี่ยนออก ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ตัวสำรองของเจ้าบ้านก็ซัดเม็ดที่ห้าให้ แมนฯ ซิตี้ หนีห่างไปอีกก่อนชนะไปอย่างหายห่วงในเกมที่ 100 พอดีที่ดาวยิงเลือดฟ้าขาวลงบู๊ให้กับทีมเงินถังของเมืองผู้ดี

ครบ 90 นาที แมนฯ ซิตี้ ขยี้ วูล์ฟส์ หายห่วง 5-1 พร้อมมีสถิติเหนือกว่าอาคันตุกะลิบลับเนื่องจากทีมของ โอนีล ได้ยิงแค่สองหนและเข้ากรอบหนึ่งหน ขณะที่ทีมของ กวาร์ดิโอล่า ซึ่งครองบอลได้มากกว่า 58.3%:41.7% ได้ยิง 20 ครั้งเข้ากรอบ 12 ครั้ง

ขณะเดียวกัน ที่จะลืมไม่ได้ก็คือ โรดรี้ เพิ่มสถิติไม่แพ้ในเกมที่ลงเล่นให้ แมนฯ ซิตี้ รวมทุกรายการเป็นนัดที่ 71 แล้วนับตั้งแต่ทีมตราเรือใบออกไปแพ้ สเปอร์ส 1-0 ในเกมลีกเมื่อวันที่ 5 ก.พ.2023 (ชนะ 55 เสมอ 16) โดยเกมที่พ่ายการดวลลูกโทษตัดสินถือเป็นผลเสมอ

5. ส่องโปรแกรมม้าสองตัวใครยาก-ง่ายกว่ากัน?

แม้ในทางทฤษฏี ลิเวอร์พูล ยังมีหวังคว้าแชมป์ (แบบริบหรี่เต็มที) แต่หลังจากทั้ง อาร์เซน่อล และ แมนฯ ซิตี้ เก็บสามแต้มได้ทั้งคู่ในเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็ทำให้พวกเขาส่อแววเป็นสองทีมเท่านั้นที่จะได้สัมผัสกับโทรฟี่ พรีเมียร์ลีก

ถึงขณะนี้ ทีมจ่าฝูงจากลอนดอนเหลือเกมให้ลงเล่นสองนัดน้อยกว่า แมนฯ ซิตี้ ทีมรองจ่าฝูงหนึ่งนัด แถมมีแต้มมากกว่าแชมป์เก่าแต้มเดียวเท่านั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เรือใบสีฟ้า มีโอกาสสมหวังมากกว่า แม้ทีมเมืองกรุงจะมีผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่าก็ตาม

จะอย่างไรก็ดี ในเมื่อเกมที่เหลือยังไม่อุบัติ ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ไม่ว่า เรือใบสีฟ้า จะพลาดท่าสะดุด หรือไม่เว้นแม้กระทั่ง เดอะ กันเนอร์ส อาจตกม้าตายตอนจบเป็นซีซั่นที่สองก็ได้เช่นกัน

ฉะนั้นแล้ว เพื่อให้เห็นภาพถนัดมากขึ้นว่าทีมไหนมีโอกาสเข้าเส้นชัยมากกว่ากันในเกมที่เหลือ เราลองไปเหลือบดูและเปรียบเทียบความยากง่ายของทั้งสองทีมกันหน่อยดีกว่า

- อาร์เซน่อล

แมนฯ ยูไนเต็ด (เยือน) 12 พ.ค.

เอฟเวอร์ตัน (เหย้า) 19 พ.ค.

- แมนฯ ซิตี้

ฟูแล่ม (เยือน) 11 พ.ค.

สเปอร์ส (เยือน) 14 พ.ค.

เวสต์แฮม (เหย้า) 19 พ.ค.


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport