ฟาน ไดค์ แค่ที่สาม, ตำนาน แมนยู มาเพียบ!ท็อป 15 เซนเตอร์แบ็กที่ยอดเยี่ยมสุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก

ตำแหน่งเซนเตอร์แบ็ก หรือกองหลังตัวกลาง ถือเป็นหัวใจสำคัญในเกมรับของทีมฟุตบอล ทีมที่จะประสบความสำเร็จได้ ย่อมมีเกมรับที่แข็งแกร่งเป็นพื้นฐาน และนี่คือ 15 เซนเตอร์แบ็กที่ยอดเยี่ยมสุดตลอดกาลของเวที พรีเมียร์ลีก ซึ่งจัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ givemesport.com ที่พิจารณาจากหลักเกณฑ์ 6 ข้อคือ 1. ความสำคัญต่อทีม 2. ความสำเร็จ 3. จำนวนประตู 4. จำนวนแอสซิสต์ 5. การยืนระยะ / ความคงเส้นคงวา 6. จำนวนเกมที่เก็บคลีนชีตได้ โดยสถิติตัวเลขทั้งหมดเป็นการนับเฉพาะเจาะจงแค่ในยุค พรีเมียร์ลีก (1992-ปัจจุบัน) เท่านั้น

15. โคโล่ ตูเร่ (อาร์เซน่อล, แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล)

เกม : 352

ประตู : 12

แอสซิสต์ : 10

คลีนชีต : 108

พีกสุดๆ สมัยค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล ช่วงระหว่างปี 2002-2009 และถือเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญของทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" ชุดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก แบบไร้พ่ายเมื่อฤดูกาล 2003-04 

14. เจมี่ คาร์ราเกอร์ (ลิเวอร์พูล)

เกม : 508

คลีนชีต : 195

ชนะ : 264 

แพ้ : 120

อยู่รับใช้ทัพ "หงส์แดง" ทีมเดียวตลอดอาชีพนักฟุตบอลอย่างจงรักภักดี (ปี 1996-2013) ถึงแม้ไม่โดดเด่นเรื่องฝีเท้า แต่มีความเป็นผู้นำ และเป็นที่รักของเหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" จนถึงทุกวันนี้

13. เลดลีย์ คิง (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์)

เกม : 268

ประตู : 10

แอสซิสต์ : 8

คลีนชีต : 63 

ถือเป็น "วัน-คลับ แมน" (เล่นให้สโมสรเดียว) อีกคน โดยช่วงพีกๆ คิง ถือเป็นปราการหลังแถวหน้าของเวที พรีเมียร์ลีก และติดทีมชาติอังกฤษด้วย แต่โชคร้ายที่เจ้าตัวเจอปัญหาบาดเจ็บรบกวนที่เข่าต่อเนื่อง จนต้องแขวนเกือกเร็วกว่าที่ควรจะเป็นในช่วงซัมเมอร์ปี 2012 ตอนอายุได้เพียง 31 ปี 

12. มาร์กแซล เดอไซยี่ (เชลซี)

เกม : 158

คลีนชีต : 54

ชนะ : 78

แพ้ : 30

ย้ายจาก เอซี มิลาน มาร่วมทัพ "สิงห์บลูส์" ในฐานะแชมป์โลก 1998 กับทีมชาติฝรั่งเศส พร้อมกับช่วยยกระดับเกมรับ เชลซี ณ ช่วงเวลานั้นได้แบบทันที ถือเป็นแข้งระดับโลกรายแรกๆ ที่ตบเท้ามาโชว์ลีลาในเวที พรีเมียร์ลีก 

11. ยาป สตัม (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

เกม : 79

คลีนชีต : 22

ชนะ : 52

แพ้ : 5

ถึงแม้อยู่กับ "ปีศาจแดง" ช่วงสั้นๆ แค่ 3 ฤดูกาล แต่ยอดแนวรับชาวดัตช์มีอิมแพคอย่างมากต่อทีม และถือเป็นหนึ่งในแข้งแกนหลักของ แมนฯ ยูไนเต็ด ชุดคว้าทริปเปิลแชมป์เมื่อฤดูกาล 1998-99

10. ริคาร์โด้ คาร์วัลโญ่ (เชลซี)

เกม : 135

คลีนชีต : 63

ชนะ : 95 

แพ้ : 14

ย้ายมาจาก ปอร์โต้ พร้อมๆ กับกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ ในปี 2004 และสถาปนาตัวเองเป็นหนึ่งในกองหลังแถวหน้าของเวที พรีเมียร์ลีก ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจับคู่เซนเตอร์แบ็กกับ จอห์น เทอร์รี่ ได้สุดแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในฤดูกาล 2004-05 ที่ "สิงห์บลูส์" ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก ด้วยการที่เสียประตูแค่ 15 ลูกเท่านั้น ซึ่งถือเป็นสถิติ พรีเมียร์ลีก จนถึงทุกวันนี้

9. แกรี่ พัลลิสเตอร์ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ มิดเดิลสโบรช์)

เกม : 261

คลีนชีต : 104

ชนะ : 144

แพ้ : 49

อาจไม่ได้รับการยกย่องเท่าที่ควร แต่ "พัลลี่" คือยอดกองหลังที่ช่วย "ปีศาจแดง" คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ถึง 4 สมัย 

8. สตีฟ บรูซ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

เกม : 148

ประตู : 11

แอสซิสต์ : 5

คลีนชีต : 61 

จับคู่เซนเตอร์แบ็กกับ แกรี่ พัลลิสเตอร์ ได้อย่างแข็งแกร่งในช่วงที่ "ปีศาจแดง" ครองความยิ่งใหญ่ในยุค 90 แถมเป็นกองหลังที่มีทีเด็ดในการขึ้นมาช่วยทำประตูอีกด้วย 

7. โซล แคมป์เบลล์ (ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์, อาร์เซน่อล, พอร์ทสมัธ และ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด)

เกม : 503

ประตู : 20

แอสซิสต์ : 15

คลีนชีต : 154 

แคมป์เบลล์ อาจจะเป็นผู้เล่นที่เหล่าสาวก "ไก่เดือยทอง" เกลียดขี้หน้ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ หลังจากที่เจ้าตัวย้ายจาก สเปอร์ส ซบคู่ปรับเบอร์หนึ่งอย่าง อาร์เซน่อล ช่วงซัมเมอร์ปี 2001 แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า "บิ๊กโซล" คือเซนเตอร์แบ็กที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก และเป็นหนึ่งในแกนหลักของ "ไอ้ปืนใหญ่" ชุดคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก แบบไร้พ่ายในซีซั่น 2003-04

6. เนมานย่า วิดิช (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)

เกม : 211

คลีนชีต : 95

ชนะ : 149

แพ้ : 27

แข็งแกร่ง, ดุดัน แถมจับคู่เซนเตอร์แบ็กกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ได้อย่างลงตัวสุดๆ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ "ปีศาจแดง" ประสบความสำเร็จอย่างมากมายทั้งในและนอกอังกฤษ ในช่วงระหว่างปี 2006-2014 ที่ วิดิช อยู่ค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 

5. แว็งซ็องต์ กอมปานี (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)

เกม : 265

ประตู : 18

แอสซิสต์ : 8

คลีนชีต : 94

ถึงแม้มีปัญหาบาดเจ็บรบกวนในช่วงซีซั่นท้ายๆ แต่คงไม่มีใครกล้าเถียงหรอกว่า กอมปานี คือหนึ่งในนักเตะระดับไอคอนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่อยู่รับใช้สโมสรนานถึง 11 ปี (2008-2019) และคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ถึง 4 สมัย 

4. โทนี่ อดัมส์ (อาร์เซน่อล)

เกม : 255

คลีนชีต : 115

ชนะ : 132

แพ้ : 56

ค้าแข้งกับ อาร์เซน่อล ทีมเดียวตลอดอาชีพนักเตะ (1983-2002) จนได้ชื่อว่า "มิสเตอร์ อาร์เซน่อล" ซึ่งถึงแม้ อดัมส์ ไม่ใช่กองหลังที่มีความเร็ว แต่ก็มีความแข็งแกร่ง และการอ่านเกมที่ยอดเยี่ยมเป็นจุดเด่น แถมมีความเป็นผู้นำ และมีลีลาการเล่นที่สง่างาม โดยเจ้าตัวคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ "เดอะ กันเนอร์ส" ได้ 2 สมัย (ซีซั่น 1997-98 และ 2001-02)  

3. เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ (เซาธ์แฮมป์ตัน และ ลิเวอร์พูล)

เกม : 252

ประตู : 22

แอสซิสต์ : 7

คลีนชีต : 100

ย้ายจาก "นักบุญ" ซบ "หงส์แดง" ด้วยค่าตัวมหาศาลในช่วงเดือนมกราคม ปี 2018 พร้อมกับการถูกตั้งคำถามมากมาย แต่ทุกคำถาม ณ เวลานั้น ตอนนี้คงได้คำตอบทั้งหมดเรียบร้อย เพราะ ฟาน ไดค์ เข้ามาช่วยจัดระเบียบและยกระดับคุณภาพเกมรับ ลิเวอร์พูล ได้แบบทันที ขณะที่เจ้าตัวก็ได้รับการยกย่องให้เป็นเซนเตอร์แบ็กเบอร์หนึ่งของโลก ช่วงที่ช่วย "หงส์แดง" คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่อด้วย พรีเมียร์ลีก และล่าสุดสดๆ ร้อนๆ โขกประตูชัยช่วย ลิเวอร์พูล ต่อเวลาพิเศษชนะ เชลซี 1-0 คว้าแชมป์ คาราบาว คัพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา  

2. ริโอ เฟอร์ดินานด์ (เวสต์แฮม ยูไนเต็ด, ลีดส์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส)

เกม : 504

ประตู : 11

แอสซิสต์ : 8 

คลีนชีต : 189 

แข็งแกร่ง, เยือกเย็น, ฉลาด และมีความคงเส้นคงวา คือคุณสมบัติที่ช่วยหล่อหลอมให้ ริโอ อยู่ในลิสต์เบอร์ต้นๆ โดยในช่วงที่เจ้าตัวจับคู่กับ เนมานย่า วิดิช ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายคนยกให้เป็นคู่เซนเตอร์แบ็กที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก เลยทีเดียว และตลอดระยะเวลา 12 ปีที่อยู่รับใช้ "ปีศาจแดง" ริโอ ช่วยทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ถึง 6 สมัย

1. จอห์น เทอร์รี่ (เชลซี)

เกม : 492

ประตู : 41

แอสซิสต์ : 12 

คลีนชีต : 214 

"เจที" อยู่รับใช้ เชลซี นานถึง 19 ปี (1998-2017) และถือเป็นกระดูกสันหลังที่ช่วย "สิงห์บลูส์" ไม่เพียงก้าวขึ้นมาเป็นสโมสรแถวหน้าของอังกฤษ แต่เป็นในระดับยุโรปด้วย โดยเจ้าตัวช่วย เชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 5 สมัย และไม่เพียงแข็งแกร่งเรื่องเกมรับเท่านั้น แต่ เทอร์รี่ ยังมีสถิติการทำประตูที่กองหน้าบางคนต้องอายอีกด้วย โดยสถิติ 41 ประตูที่ทำได้ ทำให้เจ้าตัวเป็นกองหลังที่ทำประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก อย่างไม่ต้องสงสัย 

 Subinho 


ที่มาของภาพ : gettyimages, twitter.com
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport