ทางการ!พรีเมียร์ลีกฟัน เอฟเวอร์ตัน-ฟอเรสต์ ถูกตั้งข้อหาทำผิดกฏการเงิน

พรีเมียร์ลีก แถลงยืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ 15 ม.ค.ว่า เอฟเวอร์ตัน กับ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ สองสโมสรมีความผิดข้อหาละเมิดกฎด้านกำไรและความยั่งยืนซึ่งจะทำให้ทั้งคู่ถูกปรับเงิน หรือไม่ก็หักแต้มตามการคาดการณ์ของสื่อ

เอฟเวอร์ตัน ถูกลงโทษด้วยการตัดสิบแต้มมาแล้วจากความผิดดังกล่าวเมื่อซีซั่น 2021/22 โดยพวกเขาอยู่ในระหว่างยื่นอุทธรณ์ กระทั่งล่าสุดทีมจาก กูดิสัน พาร์ค ถูกเอาผิดเพิ่มอีกจากความผิดในทำนองเดียวกันเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาโดยกฏดังกล่าวกำหนดให้ทุกสโมสรสามารถขาดทุนได้ไม่เกิน 105 ปอนด์ (ราว 4,620 ล้านบาท) ในระยะเวลาสามปี

นอกจากนี้ ฟอเรสต์ เป็นอีกทีมใน พรีเมียร์ลีก ที่ถูกระบุว่ามีความผิดเช่นกัน

"เอฟเวอร์ตัน รู้การตัดสินใจของ พรีเมียร์ลีก ต่อกฏละเมิดด้านกำไรและความยั่งยืนหลังจบซีซั่น 2022/23 แล้ว ก่อนหน้านี้เราถูกหักสิบแต้มแล้ว และมันยังอยู่ในขั้นตอนของการอุทธรณ์" ทีมลูกอมแถลงหลังรับรู้ข่าว

"พรีเมียร์ลีก ไม่มีแนวทางปกป้องสโมสรจากการละเมิดความผิดทางด้านการเงินซึ่งมีบทลงโทษไปแล้ว และมันต่างไปจากองค์กรอื่นๆรวมทั้ง อิงลิชฟุตบอลลีก เนื่องจากกฏใหม่ของ พรีเมียร์ลีก มีการดำเนินการในระหว่างซีซั่น และมันทำให้สโมสรไม่มีทางเลือกนอกจากยื่นอุทธรณ์การตัดสินใจนี้"

ด้าน เจ้าป่า ออกแถลงการณ์ว่า "น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ รู้ถึงถ้อยแถลงจาก พรีเมียร์ลีก ในวันนี้แล้วที่แจ้งว่าสโมสรถูกตั้งข้อหาละเมิดกฏด้านกำไรและความยั่งยืน สโมสรพร้อมให้ความร่วมมือกับ พรีเมียร์ลีก อย่างเต็มที่ และเรามั่นใจว่าจะได้ข้อสรุปที่รวดเร็วและเป็นธรรม"

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพ.ย. ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน ถูกหักสิบแต้มไปแล้วซึ่งเป็นโทษหักแต้มสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ พรีเมียร์ลีก และพวกเขาอยู่ในระหว่างยื่นอุทธรณ์

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันหลังมีการคำนวณด้วยแต้มที่ถูกหักไปแล้ว ทีมของ ฌอน ไดช์ รั้งอันดับ 17 ของตารางโดยเหลืออยู่ 17 แต้ม ขณะที่ เดอะ ซัน คาดการณ์ว่าพวกเขาน่าจะโดนหักอีกหกแต้มจากความผิดหนที่สองนี้ และจะทำให้พวกเขาหล่นไปรั้งอันดับรองบ๊วยโดยเหลือแต้มแค่ 11  แต้ม

ถึงกระนั้น เชื่อกันว่าบทลงโทษครั้งล่าสุดที่ เอฟเวอร์ตัน ได้รับจะยังไม่รับรวมกับความผิดหนแรกโดยมีความเป็นไปได้ว่า พรีเมียร์ลีก จะตัดสินความผิดครั้งแรกของพวกเขาให้ลุล่วงซะก่อนแล้วจึงจะดำเนินการพิจารณาบทลงโทษความผิดหนที่สองในภายหลัง


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport