ลิเวอร์พูล - อาร์เซน่อล ไม่เคยต้องผิดหวังเลยจริงๆ

เป็น 90 นาทีที่คุ้มค่าการรอคอยทีเดียวครับสำหรับเกมที่แอนฟิลด์เมื่อคืนที่ผ่านมา

แม้จะมีประตูเกิดขึ้นแค่ 2 ลูก แต่เกมที่ออกมาเข้มข้น เต็มไปด้วยความกดดันสมกับเดิมพันของมัน อันดับหนึ่ง ปะทะ อันดับสอง และมีตำแหน่งจ่าฝูงวันคริสต์มาสเป็นเดิมพัน

เสียงเชียร์ก็ดังสนั่นทะลวงออกมานอกจอสมกับที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เรียกร้อง มันช่วยสร้างบรรยากาศการรับชมให้เต็มอิ่มขึ้นไปอีก

สิ่งที่ได้เห็นอย่างแรกเลย มันคือเกมที่ความกดดันสูงจริงๆ ขนาดทำให้เราได้เห็นภาพที่ไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่ นักเตะทั้งสองทีมส่งบอลขาดๆ เกินๆ รีบร้อนเร่งเกมเกินไปจนบอลลั่น ล้น หรือวิ่งถลำกันเองในหลายจังหวะ

แต่ในภาพรวมถือว่านักฟุตบอลในสนามรับมือกับความตึงเครียดที่พุ่งเข้าใส่ได้ดี มีแผนการ มีวิธีการเล่นที่จะเอาชนะหรือได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ

สำหรับอาร์เซน่อล อากัปกิริยาของ มิเกล อาร์เตต้า และสตาฟฟ์โค้ชหลังเสียงนกหวีดหมดเวลาบอกอารมณ์ของพวกเขาได้ดี มันคงไม่ใช่ความโล่งใจปนเสียดายอย่างที่มาเยือนเมื่อฤดูกาลที่แล้ว นำ 2-0 โดนตีเสมอ 2-2 ในเกมที่ถูกขย่มจนโงนเงน แต่เป็นความยินดีที่ทำได้ตามเป้า

แต้มจากแอนฟิลด์ จะหนึ่งหรือสามคะแนนก็ล้ำค่า นี่คือแต้มใหญ่ที่อาร์เซน่อลคว้าออกมาได้ เติมความมั่นใจบนเส้นทางล่าแชมป์ให้มากขึ้นไปอีก

มาเยือนคราวนี้อาร์เซน่อลสู้ได้ดี มีสติ มีสมาธิ สร้างโอกาสลงโทษเจ้าถิ่นได้โดยที่ตัวเองรัดกุมมากพอที่จะไม่ก่อความผิดพลาดมากจนเกินไป

มีบ้าง.. เป็นเรื่องปกติของการเล่น 90 นาทีท่ามกลางเสียงเชียร์กดดันจากเดอะค็อป แต่โดยรวมแล้วนักเตะอาร์เซน่อลทำได้ดี โดยเฉพาะ ดีแคลน ไรซ์ กับ วิลเลียม ซาลิบา ที่โดดเด่นมาก

ผมชอบการเปลี่ยนตัวของทั้งสองทีม เพราะในขณะที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนเพื่อปรับแท็กติกเกมรุกเอาประตูให้ได้ อาร์เตต้าก็เปลี่ยนเพื่อบอกให้ทีมหงส์แดงรู้ว่าอย่าบุกเพลินก็แล้วกัน ผมเล่นงานคุณได้นะ

คล็อปป์เปลี่ยนตัวรวดเดียวสามคนในนาทีที่ 68 ส่ง ดาร์วิน นูนเญซ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ และ ไรอัน กราเฟนแบร์ค ลงแทน หลุยส์ ดิอาซ โกดี้ คักโป และ เคอร์ติส โจนส์ 

กราเฟนแบร์คเพิ่มความสดและเกมรุกแดนกลาง ดาร์วิน ยืนตัวบนด้านซ้าย เอลเลียตต์เล่นตัวบนด้านขวา แล้วขยับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เข้ามายืนกองหน้าตัวเป้า

เปลี่ยนตัวปรับแท็กติกเพื่อลุยเอาชนะ เอาสามแต้ม ทั้งดาร์วินและเอลเลียตต์ได้เล่นในตำแหน่งที่ตัวเองเพิ่งจะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมลีก คัพกับเวสต์แฮมเมื่อกลางสัปดาห์ ขณะที่ซาลาห์เข้ามาอยู่ใกล้ประตูมากขึ้น

แต่อาร์เตต้าก็ไม่อยู่เฉย หย่อน เลอันโดร ทรอสซาร์ ลงมาแทน กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ในเวลาเดียวกัน จากนั้นอีก 10 นาทีก็ปล่อย เอ๊ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ลงมาแทน กาเบรียล เชซุส

ไม่ได้เปลี่ยนเพื่อตั้งรับอุดประตู แต่เปลี่ยนตามตำแหน่งเอาปีกซ้ายออกส่งปีกซ้ายลง เอากองหน้าออกส่งกองหน้าลง เพื่อคงไว้ซึ่งแท็กติกมีตัวเก็บบอลและเข้าทำค้ำไว้กดดันแนวรับหงส์แดงไม่ให้เล่นอย่างสบายใจ

ฝั่งลิเวอร์พูลก็มีคนที่เล่นได้ดีหลายคน อิบราฮิมา โกนาเต้ เด่นที่สุดในเกมรับ เข้าปะทะดักเก็บสกัดบอลแย่งบอลได้ตลอดเกม โจ โกเมซ ที่เปลี่ยนลงมาเล่นแบ๊กซ้ายแทน คอสตาส ซิมิกาส ที่เจ็บไหปลาร้าตั้งแต่ครึ่งแรกก็เล่นได้ถึงทรวง ยืนเกมรับเติมเกมรุกสนุกมีบทบาทต่อทีมสูง

วาตารุ เอนโด ยังคงดีขึ้นและได้รับคำชมมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นกราฟช่วงขาขึ้นอย่างแท้จริงหลังจากที่เริ่มปรับตัวได้แล้วกับฟุตบอลอังกฤษ ทั้งความเร็ว ความคล่อง ไหวพริบ การชิงเหลี่ยมเข้าปะทะ การเอาตัวรอด กองกลางทีมชาติญี่ปุ่นยังคงสอบผ่านอย่างต่อเนื่องกับเกมที่ยากขึ้นๆ

เกมนี้เอนโดสู้กับกองกลางทีมปืนใหญ่ได้สนุก เล่นอย่างมีวินัย ไม่ฝืน อ่านสถานการณ์ตลอดเวลา พาตัวเองไปยืนในพื้นที่ที่ถูกต้อง

จังหวะโต้กลับของทีมที่พุ่งขึ้นไป 5 คนก่อนจบที่การยิงชนคานของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เอนโดไม่ได้สปรินท์สุดฝีตีนขึ้นไปอย่างบ้าคลั่งกับเพื่อนๆ ด้วย เพราะหน้าที่เขาคืออย่างอื่น เอนโดแค่วิ่งขึ้นไปประจำพื้นที่รอเข้าเก็บบอลจังหวะสองหรือสามที่อาจทะลักกลับมา

พูดถึงโอกาสทองจังหวะนั้นก็น่าเสียดายแทนลิเวอร์พูล จากภาพช้าจะเห็นว่าบอลกระดอนพื้นสนามขึ้นมาเล็กน้อยตอนที่เทรนท์บรรจงแปแบบเน้นๆ บอลจึงเหินไปชนคานแทนที่จะตรงกรอบ แต่อีกอย่างที่ผมอาจรู้สึกไปเองคนเดียวก็ได้คือ.. เยอะไปก็อาจไม่ใช่เรื่องดี

ลูกนั้น เอลเลียตต์ กับ กราเฟนแบร์ค วิ่งสับเต็มที่มาเป็นตัวเลือกเพิ่มให้ซาลาห์ แต่มันกลายเป็นการทับพื้นที่กับเทรนต์ที่วิ่งนำขึ้นมาก่อนแล้ว และทั้งสามคนวิ่งอยู่ใกล้กันเกินไป นอกจากจะไม่ได้ประโยชน์เต็มที่แล้วยังมีโอกาสทำให้การตัดสินใจส่งบอลของซาลาห์ยุ่งยากขึ้น

กระนั้นการเลือกและน้ำหนักการให้บอลของซาลาห์ก็ยังคงสมบูรณ์แบบสมกับที่เป็นเขา เป้าที่ดาวเตะอียิปต์เลือกคือเทรนต์ซึ่งอยู่ด้านนอกสุด ตัดปัญหาเกี่ยงกันยิงหรือแย่งกันยิงถ้าเลือกส่งให้ตัวแรกอย่างเอลเลียตต์หรือตัวกลางอย่างกราเฟนแบร์คไปในตัว

จังหวะสำคัญอีกจังหวะหนึ่งในเกมนี้คือการแฮนด์บอลของ มาร์ติน โอเดการ์ด ถ้าให้อ่านเหตุผลการตัดสินของกรรมการก็คงเป็นการมองว่ากัปตันทีมปืนใหญ่เสียหลักเท้าขวาลื่น มือซ้ายเหวี่ยงไปโดนบอลโดยไม่ตั้งใจ

ผมย้อนกลับไปดูภาพช้าอีกครั้งโดยเฉพาะมุมมองด้านที่เห็นหน้าโอเดการ์ด มองว่าร่างกายของเขายังอยู่ในท่าทางที่เป็นธรรมชาติอยู่ เท้าขวาลื่น มือซ้ายที่กำลังกางอยู่เล็กน้อยจึงตกลงมาและโดนบอล เพียงแต่ลักษณะของมือที่โดนบอลนั้นเหมือนปัด

ก้ำกึ่งระหว่างสัญชาตญาณที่สะบัดมือปัดเองหรือไม่ได้ตั้งใจปัดเพียงแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็ว

ผมมองว่าจังหวะนี้ลิเวอร์พูลน่าจะได้จุดโทษครับ แต่ไม่ใช่แบบที่เป็นจุดโทษร้อยเปอร์เซนต์อะไรอย่างนั้น มันเป็นการตัดสินใจที่ใช้ดุลยพินิจ อาจจะอยู่ในสัดส่วน 60/40 หรือ 65/35 ทำนองนั้น

ลูกนี้ถ้าเสียงนกหวีดแรกของ คริส คาวานาห์ เป็นจุดโทษ วีเออาร์ก็อาจไม่แย้ง แต่เมื่อเสียงนกหวีดแรกของคาวานาห์ไม่ใช่จุดโทษ วีเออาร์ก็คงไม่ได้เห็นว่าเป็นการตัดสินผิดพลาดอย่างชัดเจน ยกประโยชน์ให้จำเลยไป

กับเกมที่อาร์เซน่อลชิงลุยใส่ตั้งแต่เสียงนกหวีดดังแล้วได้ประตูขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ยังไม่ถึงห้านาทีดี น่าสนใจเหมือนกันนะครับว่าถ้าทีมปืนใหญ่ไม่ผ่อนเกมแต่ยังเข้าเกียร์ห้าเดินหน้าบุกเอาประตูที่สอง เกมจะออกมาเป็นอย่างไร

ผมคิดว่าผลเสมอ 2-2 เมื่อฤดูกาลที่แล้วยังคาใจอาร์เตต้าและลูกทีมของเขา ถ้าไม่มีจังหวะจุดปะทุอารมณ์ของ กรานิต ชาก้า ลูกนั้น จุดเปลี่ยนกลับสู่เกมของลิเวอร์พูลก็อาจไม่เกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นช้ากว่านั้น เกมนี้เราจึงได้เห็นนักเตะปืนใหญ่เน้นมาก สมาธิไม่มีหลุดจากเกมเลย

ไม่อยากพลาดอีก..

ว่ากันตามตรงถ้าอาร์เซน่อลเปิดเกมลุยต่อแบบเต็มตัว ผมจะหวั่นใจมากกว่านี้ เตะกับอาร์เซน่อลเวลานี้ความวิตกกังวลว่าจะโดนเล่นงานแทบไม่ต่างจากเตะกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เท่าไหร่ ด้วยคุณภาพของพวกเขาด้วยและด้วยเดิมพันที่สูงเป็นเกมหัวตารางด้วย ดูไปก็ใจเต้นรัวกลัวนักเตะจะทำผิดพลาด

แต่การเลือกเล่นปลอดภัยไว้ก่อนของอาร์เตต้าหลังขึ้นนำก็เป็นเรื่องเข้าใจได้เช่นกัน เราได้แต่คาดเดาว่าถ้าเล่นอย่างนั้นอาจจะเป็นอย่างนี้ ถ้าเล่นอย่างนี้อาจจะเป็นอย่างนั้น การเลือกวิธีเล่นรัดกุมรักษาความได้เปรียบแล้วหาจังหวะตอบโต้เอาประตูที่สองตอนที่ลิเวอร์พูลต้องดันเกมขึ้นมาก็เป็นเรื่องที่มีเหตุผลรองรับ ทีมปืนใหญ่มีตัวทำที่พร้อมจะเล่นเกมโต้มากมาย

แต่ในอีกทางหนึ่งมันก็เปิดโอกาสให้ลิเวอร์พูลได้เดินเครื่องเข้าสู่เกมของตัวเองเช่นกัน ทีมหงส์แดงได้กดดันใส่ทีมเยือนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งประตูตีเสมอเกิดขึ้นในที่สุด

ซาลาห์เป็นอีกคนที่เล่นได้เยี่ยมของฝั่งลิเวอร์พูล ปกติทุกคนได้เห็นความมุ่งมั่นของเขาอยู่แล้ว แต่เกมนี้ดูเหมือนเขาจะยิ่งจริงจังกับเกมมากขึ้นไปอีก กระฉับกระเฉงมีพลัง วิ่งตลอดเวลา เล่นงาน โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ จนเหนื่อยหนักและประตูตีเสมอก็มาจากการลากจี้เข้าใส่ก่อนแตะเข้าเหลี่ยมขาตายของแบ๊กยูเครนแล้วตะบันเข้าเสาแรก

ลูกนี้ ดาบิด รายา ต้องรับผิดชอบแน่ๆ ที่เสียประตูที่เสาแรก แต่ลูกเก่งของซาลาห์ที่ลากตัดในแล้วปั่นบอลเข้าเสาสองครั้งแล้วครั้งเล่าอาจทำให้นายด่านชาวสเปนเตรียมขยับพุ่งป้องกันบอลที่จะไปทางเสาสอง มันจึงเป็นการย้อนเกล็ดที่เด็ดขาดของกองหน้าไอยคุปต์

มันคือผลการแข่งขันที่ยุติธรรมดี ผมเชื่อว่าเมื่อเสียงนกหวีดหมดเวลาดังขึ้น ฝั่งลิเวอร์พูลก็โล่งใจ ฝ่ายอาร์เซน่อลก็โล่งใจ เสียดายที่ไม่ชนะหรือเสียดายการตัดสินใจบางอย่างระหว่างเกมอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้เสียหายหนักถึงขั้นแพ้

เสมอเกมนี้ แบ่งกันไปทีมละแต้ม แล้วก็ไปว่ากันต่อบนเส้นทางที่เหลืออยู่ แม้กำลังจะแตะครึ่งทางแล้ว แต่มันก็ยังอีกยาวไกล 20 เกม ความเปลี่ยนแปลงยังสามารถเกิดขึ้นได้มากมาย

ลิเวอร์พูล - อาร์เซน่อล ไม่เคยต้องผิดหวังเลยจริงๆ ครับกับเกมคู่นี้

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport