วิเคราะห์ ลิเวอร์พูล เป็นแชมป์ลีก... เป็นไปได้มากแค่ไหน?!

เป้าหมายของ ลิเวอร์พูล ตอนก่อนเริ่มฤดูกาลคือแค่กลับไปติดท็อปโฟร์ อย่างไรก็ตาม มาถึงตอนนี้การพูดคุยถึงความเป็นไปได้ที่ ลิเวอร์พูล จะคว้าแชมป์มีมากขึ้น ซึ่งถ้าใครแอบคิดแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องผิดเพราะสถานการณ์ปัจจุบันสามารถตีความได้อย่างนั้น

แต่คำถามคือ มันเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนกันล่ะ? 

ทั้งนี้ขอหยิบยกสิ่งที่ เจมส์ เพียร์ซ และ เกร็กก์ อีแวนส์ จาก ดิ แอธเลติก เขียนไว้โดยแบ่งเป็นเรื่องบรรยากาศภายในทีมรวมถึงสถิติตัวเลขต่าง ๆ 

- อารมณ์ภายในสโมสร

ย้อนกลับไปช่วงเดือนสิงหาคม ลิเวอร์พูล วางเป้าหลักคือการกลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก

ตอนจบฤดูกาล 2022/23 พวกเขาได้เพียงอันดับ 5 และตกอยู่ในสภาพที่มีแต้มน้อยกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึง 22 คะแนน

ฉะนั้น ไม่มีใครในสโมสรที่จะพูดถึงเกี่ยวกับการลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก สักคนเดียว 

ถามว่าเพราะอะไรพวกเขาถึงไม่กล้าคิดเช่นนั้น นั่นก็เพราะฤดูกาล 2023/24 ลิเวอร์พูล เกิดการเปลี่ยนแปลงยกใหญ่ตอนตลาดซัมเมอร์

ผู้เล่นระดับซีเนียร์ 6 คนออกจากทีม ทั้ง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, เจมส์ มิลเนอร์, นาบี เกอิต้า, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน และโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ 

ทั้ง 6 คนนี้ลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล รวมกันกว่า 1,600 นัด และมิเพียงเท่านั้น สโมสรยังต้องปั่นป่วนจากเรื่อง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ตกเป็นเป้าหมายจากทีม ซาอุดี โปรลีก อีก

เจอร์เก้น คล็อปป์ อยากทำให้มั่นใจตั้งแต่แรกเลยว่า ลิเวอร์พูล ชุดใหม่ หรือที่เขาเรียก "ลิเวอร์พูล 2.0" จะไม่โดนความคาดหวังถาโถมใส่จนส่งผลเสีย

เขาพูดเกี่ยวกับเรื่องที่ว่านี่เพิ่งเป็นเพียงปีแรกของขุมกำลังชุดนี้ และบอกว่าเมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ พวกเขาจะเขียนหน้าประวัติศาสตร์ของตัวเองร่วมกันได้เอง

การที่ผ่านไปครึ่งทางของซีซั่น แล้ว ลิเวอร์พูล มีแต้มตามหลังจ่าฝูงแต้มเดียว, เข้ารอบรองชนะเลิศ คาราบาว คัพ และทะลุถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ ยูโรปา ลีก นับเป็นผลงานที่น่าประทับใจสุด ๆ

ลิเวอร์พูล ทำได้ดีเกินคาด แต่การมีลุ้นแชมป์รายการใหญ่ยังไม่ใช่ประเด็นหลักที่ทั้งนักเตะและสตาฟฟ์พูดถึง

แม้จะไม่ได้วางเป้าใหญ่ขนาดนั้น แต่ ลิเวอร์พูล ยังมีความทะเยอทะยานไม่เปลี่ยน และไม่ได้มีการกำหนดว่าห้ามพูดถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ต่างกับในฤดูกาล 2019-20 ที่ เฮนเดอร์สัน กับ มิลเนอร์ อยากทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีใครเหลิงจนเกินเหตุ

กลุ่มผู้นำในชุดปัจจุบันมีความนิ่งกว่าเดิม เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็น 2 แกนหลักพร้อมด้วย แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, อลีสซง และ ซาลาห์ คอยสนับสนุน

นั่นทำให้บรรดานักเตะในทีมสามารถพูดตามความคิดของตัวเองได้ ขณะที่แข้งระดับซีเนียร์รู้ดีว่าสิ่งที่ ลิเวอร์พูล มีอยู่ในตอนนี้คือรากฐานที่จะนำไปสู่การสานต่อสิ่งต่าง ๆ

ความยืดหยุ่นที่ ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นมันเข้ากับความท้าทายที่รออยู่ โดยจาก 38 แต้มที่ทำได้มีถึง 18 คะแนนที่มาจากเกมที่ตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน

มันเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างสายสัมพันธ์ได้ดี ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในเกมเยือน ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็ช่วยทำให้ทีมเหนียวแน่นขึ้นเช่นกัน เกมนั้นเป็นเกมลีกนัดเดียวที่พวกเขาแพ้หากนับตั้งแต่ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา 

ไม่นานมานี้ คล็อปป์ ก็ให้คำนิยามถึงลูกทีมของเขาว่า "รักกันมาก ๆ จนเหมือนเป็นพี่น้องร่วมสาบานกันเลย"

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับด้วยว่าฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ยังไม่ดีเท่าไหร่ คล็อปป์ เองไม่ปฏิเสธเรื่องที่ว่าทีมของเขาขาด "เสถียรภาพที่ดี" และน่าเป็นห่วงมากกว่าเดิมเมื่อ ซาลาห์ ต้องไปทำศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ เดือนมกราคมนี้ เพราะตอนนี้แนวรุกคนอื่น ๆ ทำประตูได้น้อยมาก ๆ

ฤดูกาลนี้ แมนฯ ซิตี้ ไม่ได้อยู่ในระดับไร้เทียมทานเหมือนที่เคยทำได้ 

อาร์เซน่อล ที่ฤดูกาลก่อนชวดแชมป์แบบฉิวเฉียดก็ต้องการทำผลงานให้ดีเพื่อทำให้ทุกคนยอมรับ เช่นเดียวกัน แอสตัน วิลล่า กับ ท็อตแน่ม ที่ฟอร์มโดดเด่น

"ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราถึงพูดถึงเรื่องนั้นกันเร็วขนาดนี้" คล็อปป์ ตอบแบบนั้นหลังโดนถามถึงเรื่องการลุ้นแชมป์ลีกที่เปิดกว้างภายหลังทำได้แค่เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

เขาบอกว่าตัวเองยินดีที่จะร่วมพูดถึงเรื่องลุ้นแชมป์ถ้าหากทีมยังอยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์เมื่อถึงเดือนเมษายน

สำหรับ ลิเวอร์พูล มันยังเร็วเกินไปที่จะตื่นเต้นเกี่ยวกับการลุ้นแชมป์ลีก นี่เป็นทีมที่ยังต้องพิสูจน์ตัวเองกันอีกเยอะ

- ตัวเลขสถิติบอกว่าอะไร?

จริงอยู่ว่าแชมป์ลีกไม่ได้ตัดสินกันด้วยตัวเลขด้านข้อมูลต่าง ๆ เพราะมีปัจจัยอื่น ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่มันก็พอบอกแนวโน้มที่สามารถใช้เป็นตัวชี้วัดได้ ที่สำคัญไม่มีอันไหนเลยที่เป็นเรื่องที่น่าชื่นใจสำหรับ ลิเวอร์พูล มากเป็นพิเศษ

Opta คำนวณเกี่ยวกับค่าเฉลี่ยของทีมแชมป์ลีกทุกทีมนับตั้งแต่ฤดูกาล 2013-14 เป็นต้นมา 

ซึ่งในด้านสำคัญ ๆ ลิเวอร์พูล ถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ในเกือบทุกด้าน มีเพียงด้านเดียวที่พวกเขาอยู่เหนือเกณฑ์นั่นคือจำนวนเกมที่แพ้

มีคำเตือนหลายอย่าง ในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมาว่าทีมที่เป็นแชมป์ลีกมักจะเก็บแต้มได้เยอะ 

ไม่ว่าจะเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำได้หลายซีซั่น หรือ ลิเวอร์พูล ชุดฤดูกาล 2019-20

มันอาจจะเป็นการดีกว่าถ้าจะย้อนไปดูถึงฤดูกาล 2013-14 ซึ่งเป็นตอนที่ทีมในกลุ่มท็อปโฟร์มีคะแนนสูสีกันเหมือนในซีซั่นนี้

ฤดูกาลนั้น แมนฯ ซิตี้ ได้แชมป์ไปครองจากการเก็บได้ 86 คะแนน ส่วน ลิเวอร์พูล เป็นรองแชมป์ด้วยผลงาน 84 แต้ม 

แล้วฤดูกาลนี้มีโอกาสสูงที่จะไม่มีทีมไหนที่เก็บแต้มได้เกิน 90 คะแนน เมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่หลายทีมสะดุดกันดื้อ ๆ ในบางนัด 

ถ้าเกิดแต้มที่แต่ละทีมทำได้มันต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทีมแชมป์ การที่มีการคาดว่า ลิเวอร์พูล จะเก็บได้ 85 คะแนนในฤดูกาลนี้อาจจะทำให้พวกเขาได้ลุ้นแชมป์ลีกก็ได้

ค่าเฉลี่ยสื่อด้วยว่า ลิเวอร์พูล ทำผลงานต่ำกว่าที่ควรจะเป็นไม่ว่าจะทั้งเรื่องประตูที่ทำได้หรือประตูที่เสียไป 

มีการประเมินว่าพวกเขาจะจบฤดูกาลด้วยการยิงได้ 80 ลูก พร้อมกับเสีย 34 ประตู 

ขณะที่ค่าเฉลี่ยของทีมแชมป์อยู่ที่การยิงได้ 89 ลูกกับเสีย 31.2 ประตู แต่มันคงวัดอะไรไม่ได้มากเพราะ ซิตี้ ทำผลงานได้โหดเกินเหตุในช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมาจนทำให้ตัวเลขเหล่านั้นกลายเป็นเรื่องตลก

ลิเวอร์พูล ยังเป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยอายุน้อยสำหรับทีมที่จะเป็นแชมป์ 

ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา คล็อปป์ ยกเครื่องทีมจนค่าเฉลี่ยอายุลดจาก 27.2 ปีมาเป็น 25.9 ปี 

ขณะที่หากอ้างอิงจาก transfermarkt.com ในช่วง 10 ฤดูกาลหลังสุดนั้น ค่าเฉลี่ยเรื่องอายุของแชมป์ลีกอยู่ที่ 26.8 ปี 

ทุกอย่างบ่งชี้ว่า ลิเวอร์พูล 2.0 อาจยังเร็วไป 1 ปีสำหรับการได้แชมป์ลีกไปครอง แต่อย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะยังมีดีพอที่ได้อยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์

- ขุมกำลังใหญ่พอรึเปล่า?

หนึ่งในประเด็นที่ถูกตั้งคำถามตอนช่วงปรี-ซีซั่นคือ ความแข็งแกร่งของทีม

คล็อปป์ ชื่นชม 5 แนวรุกว่ามีคุณภาพ, แผงมิดฟิลด์ที่อายุน้อยแต่มากด้วยความหลากหลายในการเล่น รวมถึงการมี จาเรลล์ ควอนซาห์ ก้าวขึ้นมาจนไม่ต้องไปหาเซนเตอร์แบ็กรายใหม่

แต่ตอนนี้อาการบาดเจ็บเริ่มเข้ามาเล่นงาน, กองกลางเกิดความอ่อนล้า และกองหน้าชะงักทำประตู

คงเป็นช่วงเวลาดีที่สุดหาก ติอาโก้ อัลกันตาร่า ฟิตคืนสนามได้ แต่มันไม่ใช่เร็ว ๆ นี้

สิ่งสำคัญกว่าคือการหายไปทั้งกำลังสำคัญคือ แม็ค อัลลิสเตอร์, ดิโอโก้ โชต้า และ โรเบิร์ตสัน

การที่ โฌแอล มาติป บาดเจ็บ คงไม่ส่งผลหนักต่อทีมมากเกินไปถ้า อิบราฮิม่า โกนาเต้ ยังอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน แต่สถิติแนวรับเฟร้นช์แมนบ่งชี้ว่าร่างกายของเขาเอาแน่เอานอนไม่ได้

อย่างไรก็ดี  ขุมกำลังเชิงลึกของ แมนฯ ซิตี้ นับว่าไม่ได้ดีมากเท่าไหร่ 

พวกเขาต้องใส่ชื่อผู้รักษาประตูสองรายบนม้านั่งในบางเกม และเป็นเรื่องน่าประหลาดที่ตอน "เรือใบสีฟ้า" เจอ ลิเวอร์พูล เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีตัวเลือกสำรองให้เปลี่ยนน้อยกว่า คล็อปป์ เสียอีก

การที่ ท็อตแน่ม กับ นิวคาสเซิ่ล มีนักเตะหลายคนได้รับบาดเจ็บทำให้ทั้ง 2 ทีมเจอปัญหาไม่หยุดในฤดูกาลนี้ 

และ อาร์เซน่อล กับ แอสตัน วิลล่า เป็น 2 ทีมที่มีขุมกำลังพร้อมสรรพที่สุด โดยกรณีของ วิลล่า มีการพูดถึงการทำงานของพวกเขาอย่างมากหลังจากออกสตาร์ตร้อนแรง

ทุกคนใน พรีเมียร์ลีก มีความเชื่อมากขึ้นว่า วิลล่า มีดีพอที่จะได้ลุ้นแชมป์ลีกไปเรื่อย ๆ โดยนักวิเคราะห์มองว่าตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กมีความแข็งแกร่งมาก ๆ แม้ไร้ ไทโรน มิงส์ ก็ตาม

ทุกอย่างบ่งชี้ว่าการลุ้นแชมป์ลีกยังเปิดกว้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการที่ทีมกลุ่มลุ้นแชมป์ไม่มีทีมไหนที่ชนะแบบต่อเนื่องจนทิ้งขาดทีมอื่นได้ 

ลิเวอร์พูล เป็นเพียงทีมเดียวที่ฤดูกาลนี้ยังไม่แพ้ทีมในกลุ่มท็อปโฟร์ด้วยกัน แล้วพวกเขากำลังจะเจอกับ อาร์เซน่อล เกมต่อไป...

HOSSALONSO




ที่มาของภาพ : getty image
BY : Hossalonso
ธีรศานต์ คงทอง
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport