ลิเวอร์พูล พบ แมนยู : เสมอยังไงให้ชนะ

สกอร์ 0-0 สร้างความรู้สึกได้แตกต่างอย่างมากมายระหว่างแฟนบอลสองทีม

ทีมหนึ่งคาดหวังชนะ อีกทีมคาดหวังไม่แพ้และไม่ออกทะเล 

ก่อนแข่งความมั่นใจเทมายังฝั่งแอนฟิลด์ ส่วนผู้มาเยือนดูเจียมเนื้อเจียมตัวถึงขั้นถ้าแพ้ก็อย่าโดนถล่มเละเหมือน 7-0 

จบเกมเจ้าบ้านหงุดหงิดเพราะหายไปสองแต้ม ทีมเยือนแฮปปี้กับการได้แต้มแถมไม่เสียประตูจากเกมแพลนที่วางมาเป็นอย่างดี

ประเด็นของแดงเดือดเที่ยวที่ 212 อยู่ตรงที่ "เกมแพลน" ใครลงล้อค ระหว่างฝั่งรุกกับฝั่งรับ

เมื่อวานนี้ผมไปร่วมงานกิจกรรม Red War ของทางทรูวิชันส์ ที่ สเตเดียม วัน 

ข้าง ๆสนามศุภชลาศัย ฝั่งถนนบรรทัดทองถิ่นเก่าสมัยเรียนหนังสือแถวสามย่าน นั่นเลยทำให้สมาธิไปอยู่งานอีเวนต์จนหมด กว่าจะกลับถึงบ้านก็ตีสอง ต้องขอบคุณน้องมด สุรเดช มั่นวิมล พิธีกรและผู้บรรยายทรูวิชั่นส์ ที่ขับรถมาส่งผมถึงบ้าน (ขาไปผมนั่งรถไฟฟ้าไป)

การเขียนหลังจบเกมหลายๆชั่วโมงมันก็มีข้อดีคือ "สงบ" และ ทำให้เห็น "ประเด็น" ทางแทกติกระหว่างเกม "ชัด" ขึ้น

ด้วยเพราะมันมีประเด็นเดียวที่เกิดขึ้นจากสองแทกติก

ทีมหนึ่งรุกเพื่อชนะ อีกทีมหนึ่งรับเพื่อขอแต้มและแอบหวังเรื่องชัยชนะ

ทีมรุกจะรุกยังไงเพื่อให้ได้เข้าไปยิง

ทีมรับจะรับยังไงเพื่อไม่ให้ฝ่ายรุกเข้าไปยิงง่ายๆ

เท่านี้เอง....แบบกำปั้นทุบดิน ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆไม่น่าสนใจมากเท่ากับ การโจมตีของหงส์แดง ที่ "โน แพลน" และ การตั้งรับของปีศาจแดงอย่าง "มี แพลน"

เริ่มทีมเยือนก่อนนะครับ 

เทน ฮาก รับในแดน เน้น  zonal pressing

จากภาพที่ออกมาคือการรับในแดนทั้ง 11 คน คุมพื้นที่ทั้งหมด แบ๊กโฟร์ ที่มี ราฟาแอล วาราน กับ จอนนี่ อีแวนส์ ช่วยคุมและประสานเกมรับทั้งแผง บวกกับมิดฟิลด์ 5 คน ที่ลงมายืนเป็นหน้าไลน์เกมรับ โดยมี ฮอยลุนด์ ดร็อปลงมา

รับแบบคุมโซน คือคุมพื้นที่ นักเตะหงส์ฝ่าเข้ามาพื้นที่ใครต่างก็รับผิดชอบขยับเข้าหา รุมแย่ง 2-1 หรือ 3-1 ถ้าเกิดพยายามเลี้ยงเข้ามาโจมตีโซน หรือบางจังหวะ หาก โกนาเต้ และ ฟานไดจ์ กำลังบิลด์อัพ ข้างหน้าจะขยับเข้าหา ไม่จี้ ไม่เพรสถึงตัว แต่ใช้การขยับกินพื้นที่เพื่อบีบให้ ฟานไดจ์ และ โกนาเต้ ออกบอลเข้ากลางไม่ถนัด ทำได้คือไปด้านข้าง พอบอลออกข้าง ทั้งฝั่ง ซิมิกาส หรือ เทรนต์ ที่ครึ่งแรกอยู่แบ๊กมากกว่าเข้าไปข้างใน ดิอาส กับ ซาลาห์ โดนแบ๊กตามประกบ ให้คืนหลัง หรือไม่ก็เกาะอยู่ไม่ให้ พอได้บอลบีบเข้าชิดเพื่อชิงจังหวะตัดบอลหรือให้คืนหลังไป ส่วนดาร์วิน อยู่ในอ้อมกอดของ วาราน และ อีแวนส์

กว่าเด็กหงส์จะเข้าแดนสามก็เป็นไปอย่างอึดอัดและทำไม่ง่าย อีกทั้งการบิลด์ อัพ ไม่กล้าทะลุไลน์แดนกลางมาก เพราะกลัวเสียบอล ตรงนี้ มิดฟิลด์ แมนยู เตรียมเข้าถึงตัว ถ้าบอลผ่านเข้ามา

ที่ต้องชมคือเกมนี้ โซนรับ แบ๊กโฟร์และมิดฟิลด์ รัดกุม มีวินัยในการยืน shape  มาก

เพื่อป้องกันการเข้าถึงเขตโทษง่ายๆ ถ้าบอลหงส์แดงไปด้านข้างและถึงริมเขตโทษ ทุกคนลองมาตั้งรับ ยืนเรียงหน้ากระดาน 

หน้าที่คือบีบให้ นักเตะลิเวอร์พูลเปิดเข้ามาไม่ได้ เปิดเข้ามาก็ติดบลอค บีบให้พาบอลหนีไปริมเส้นหรือไม่ก็คืนหลัง พืนที่ half space เป็นของแมนฯยูฯ สองฝั่งเลย นั่นจึงไม่เห็น ดิอาส และ ซิมิกาส เติมด้านข้างมากนัก เต็มที่ก็บีบให้  early cross ซึ่ง มีคู่เซนเตอร์ที่เล่นบอลกลางอากาศดี ไม่กลัวบอลแบบนี้ 

อีกทั้งการโยนเข้าไปส่วนใหญ่ก็เกินล้นไปอีกฝั่งหนึ่ง ไม่มีโอกาสได้สกอร์

เกมแพลนเพื่อไม่ให้หงส์เข้ามาโอเพน เพลย์ ง่ายๆ เกิดผล ส่วนพวกเขาจะตัดบอลได้แล้วสวนกลับได้มั้ย ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ในครึ่งแรก เพียงแต่งานหลักคือ "ป้องกัน" ก่อน "โจมตี" 

เมื่อป้องกันได้ ทำให้เด็กหงส์และแฟนหงส์ในสนามเครียด ที่เจาะไม่เข้า ความมั่นใจจึงเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป จนครึ่งเราได้เห็นการสวนกลับที่อันตรายของแมนฯยูฯ ถึงขั้นเกือบได้ประตูชนะ จากจังหวะชิ่ง1-2 ของ แมกโทมิเนย์ กับ ฮอยลุนด์ แต่อย่างว่า...บอลมันติดเท้าขวาไปหน่อย พอยิงเลยไม่มีน้ำหนักแถม เบ็คเกอร์ ออกมาใกล้ถึงตัวแล้ว

โดนลูกนั้นไป....หงส์แดง "คาบ้าน" แน่นอน

หงส์เพรสไม่จริงและไม่จน

จังหวะบิลด์ อัพ ขุดหลุมพรางของ แมนฯยูฯ ที่ใช้ โอนานา เป็นตัวเปิดเกมนั้น แม้เตะทิ้งขว้าง แต่นั่นคือไม่เสียบอล ไม่โดนลิเวอร์พูลที่เพรสเข้ามา แย่งบอลไปได้ แล้วเปลี่ยนทรานสิชั่นไปยิง การวิ่งเพรส ไม่พร้อมเพรียงกันเท่าไหร่ เหมือนต่างคนต่างวิ่ง

ครึ่งหลังมีจังหวะเพรสไม่จน เด็กผีแกะออกมา เป็น เมนู ที่จ่ายทะลุช่อง เทรนต์ แต่จังหวะสุดท้าย การ์นาโช ไม่ได้ยิง เพราะ เทรนต์ จิ้มถึงบอลก่อน 

เกมเพรสซิงจังหวะเด็กผีพยายามบิลด์ อัพ จากโอนานา ไม่เวิร์ค

ตัวรุกหงส์ไม่อันตราย

มีเพียง โม ซาลาห์ คนเดียวที่แทบไม่เสียบอล และสามารถครองบอลเล่นเกมได้ดี แต่การร่วมเล่นกับ ดาร์วิน ที่แทบไม่มีประโยชน์ ไม่กดดันหรือทำให้ คู่เซนเตอร์ อย่าง เอแวนส์ และ วารานเหนื่อยหรือกดดัน

การเคลื่อนที่มีครั้งสองครั้งที่เป็นประโยชน์ จังหวะ ซาลาห์ ไหลเข้าเขตโทษ แต่ความล่กของเขา พาบอลอย่างเร่งรีบบอลโดนหน้าแข้ง สุดท้ายกองหลังก็มาสกัดได้เฉียดฉิว

การร่วมเล่นของ ลุยส์ ดิอาส, ดาร์วิน และมิดฟิลด์ ทำได้ยาก ยิ่ง ดิอาส นั้น จะเลี้ยงตัดในก็เข้าทาง พวกอัมราบัต, เมนู ที่รอซ้อนหน้าไลน์ โอกาสยิงไม่มี

ดาร์วิน ไม่ยิงในลีกมาตั้งแต่ 29 ต.ค. (ยิงฟอเรสต์) 

ดิอาส ไม่ยิงล่าสุดคือโหม่งเสมอ ลูตัน 5 พ.ย.

4-5 เกมหลังได้มิดฟิลด์และกองหลังช่วยกันยิงประตู ข้างหน้ามี ซาลาห์ เท่านั้นที่ "คลาส" ช่วยทีมได้ แต่การร่วมเล่นกับตัวรุกเฉพาะเกมนี้ มีโอกาสไม่มาก

3 ประสานของหงส์แดง มีแค่ 1 คน แบบนั้นก็ไม่ไหว 

มิดฟิลด์ ไม่สามารถร่วมเล่นจนสร้างปัญหาให้เกมรับผีแดง

การปรับ เทรนต์ มาเล่นมิดฟิลด์ และส่ง โจ โกเมส เล่นแบ๊กขวา ดูมีมิติที่ดีขึ้น แต่ก็โจมตีด้านข้างไม่ได้มาก

ที่สำคัญ ลิเวอร์พูลไม่สามารถใช้ประโยชน์จากลูกเตะมุม 13 ครั้งได้เลย มีแค่ ฟานไดจ์ โหม่งตรงตัว โอนานา เท่านั้น

ได้เตะมุม 12-13 ครั้งแล้วไม่กดดันมากมายนัก กลายเป็นเสียของ เท่ากับโอกาสลุ้นประตูในจังหวะเหล่านี้หลุดลอยไป

แม้หลังเกมJK บอกว่าปีก่อนชนะ 7-0 แต่เล่นเกมไม่ดีเท่า 0-0 ปีนี้ มันก็ถูก เพราะลิเวอร์พูลครองบอลฝั่งเดียว แต่การครองบอลแล้วไม่ได้ end product จบด้วยการเข้าไปยิงแบบชัดๆ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร

ปีที่แล้วได้ประตูเพราะ แมนฯยูฯ เสียบอลระหว่างทางถึงสามลูก ก่อนถอดใจในครึ่งหลัง แต่ปีนี้ นักเตะผีเน้นเกมรับมีวินัย ลดประสิทธิภาพเกมรุกหงส์แดงลง และไม่ถอดใจ ทุกคนช่วยกันเล่น ทำให้การครองบอลของหงส์แดงทั้งเกมจบด้วย 0-0

ดังนั้น....ตามที่มีกระแสปั่นว่าหงส์แดงมีคุณสมบัติ "แชมป์" จากการแพ้ยาก และยิงประตูตัดสินชัยชนะหลายๆเกมล่าสุด ใน 15-16 นัดแรก มันเป็นเพียงภาพลวงตาจากวิธีการเล่นที่ยังไม่เนี้ยบและเหนือกว่าคู่แข่งมากพอ เพียงแต่ได้ผลแข่งจากสถานการณ์ที่เป็นรองในเกมให้พลิกกลับมาชนะจากการโดนนำก่อน

คุณสมบัติแชมป์จะวัดในช่วงเดือน เม.ย. โน่นเลยครับ

ตอนนี้ก็สะสมแต้มและสร้างความเชื่อมั่นว่าตัวเองมีโอกาสเข้าใกล้เส้นชัยได้ไปก่อน

คิดง่ายๆ เอริก เทน ฮาก วางเกมแพลนตั้งรับเชิญชวนให้บุกเข้ามา แต่กลับไม่มีปัญญายิงประตูปีศาจแดงได้

ยังขอยืนยันเหมือนเดิมว่าทีม JK2.0 กำลังพัฒนา หาใช้ทีมที่พัฒนาแล้วจนมีคุณสมบัติที่ถูกอวยกันว่าเป็นแชมป์ได้

ส่วน "ปีศาจแดง" เฉพาะเกมนี้ วางเกมแพลน มาแล้วใช้ได้ผลจนทำให้ความรู้สึกของพลพรรครักปีศาจที่ถอดใจก่อนแข่งหายไป 

กลายเป็นฟุตบอลที่มาเล่นแล้วได้ผลเสมอ แต่ในความรู้สึกมันคือชัยชนะของพวกเขาเพราะเข้ามาเก็บ2 แต้มได้ถึงแอนฟิลด์

JACKIE


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : JACKIE
อดิสรณ์ พึ่งยา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport