แมนยู:แล้วอย่างนี้มีใครทำเพื่อสโมสรจริงๆ บ้างไหม..

แน่นอนเราคงปรักปรำหรือทึกทักกันเอาเองไม่ได้หรอกว่าพวกเขาเห็นแก่ตัว ไม่รักสโมสร หรือเล่นไล่โค้ช

มันย่อมมีปัญหาภายใน ความขัดแย้งระหว่างนักฟุตบอลกับผู้จัดการทีม ความไม่ลงรอยกันระหว่างผู้จัดการทีมกับผู้บริหาร หรือความกินแหนงแคลงใจกันระหว่างผู้บริหารกับนักฟุตบอล

แต่พวกคุณทำอย่างไรกับความขัดแย้งนั้น ปล่อยให้มันเป็นไป เรื่องของมันไม่ใช่เรื่องของกู เรื่องของกูไม่ใช่เรื่องของมึง เหมือนต่างคนต่างทำในสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าถูกต้องกันต่อไป โดยไม่มีทิศทางกำหนดควบคุม

ถ้าลงเรือลำเดียวกันอยู่ มันก็คือต่างคนต่างพาย นักฟุตบอลพายไปทางตะวันตก โค้ชพายไปทางตะวันออก บอร์ดบริหารพายไปทางใต้

นักฟุตบอลไม่ชอบความแข็งกร้าวของโค้ช ทำไมต้องเล่นให้โค้ชที่ด่าเราออกสื่อด้วย ทำไมต้องเล่นให้คนที่ทำกับเพื่อนเราอย่างนี้ด้วย

คงไม่ใช่นักเตะทุกคนที่คิดอย่างนี้ แต่ในทีมฟุตบอลทีมหนึ่งที่กำลังต้องการความสมัครสมานสามัคคีกลมเกลียวอย่างยิ่งยวดที่สุด ขอเพียงมีคนคิดแบบนี้แค่ 1-2 คนก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สปิริตในห้องแต่งตัวพัง

ในเวลาแบบนี้ผมอยากเห็น เจดอน ซานโช่ กระโจนเข้าหาทีมทันที แสดงตัวให้เห็นว่าผมพร้อมเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของทีม ยอมขอโทษ เอริค เทน ฮาก เพื่อให้ตัวเองมีโอกาสนั้น แม้มันจะสายไปแล้วแต่ก็จะยังลองทำไม่ใช่ปล่อยเกียร์ว่างรอดูหายนะหรือรอดูน้ำหน้าเจ้านายตอนมาง้อ ยอมวางอีโก้ของตัวเองเพื่อส่วนรวม เพื่อทีม เพื่อสโมสร ผมขอโทษ มีอะไรให้ผมช่วยได้บ้างผมพร้อมช่วยเต็มที่

เขาอาจจะทำอย่างนั้นไปแล้วก็ได้ หรือไม่คิดจะทำก็ได้ ในเมื่อเขาไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นความผิดของเขา แต่แน่นอนมันคือเรื่องส่วนตัวที่มาก่อนสโมสร

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องการความพยายามจากทุกๆ คน แคแร็กเตอร์ตรงนี้ของพวกเขาเคยแข็งแกร่งชนิดหาใครมาเปรียบได้ยาก แต่ภาพในวันนี้ช่างสะเปะสะปะเหลือเกิน

พูดตามตรงผมเห็น เอริค เทน ฮาก โดดเดี่ยวกว่าใคร เขาถูกทิ้งให้เดียวดายจากทั้งเบื้องบนและเบื้องล่างทั้งที่เป็นคนแสดงให้เห็นชัดเจนที่สุดไม่ว่าจะคำพูดหรือการกระทำว่าเขาปรารถนาจะทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับไปเป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างที่ควรจะเป็น

เขาไม่ใช่นักเตะเก่ายูไนเต็ด ไม่ใช่ใครที่เกี่ยวข้องกับยูไนเต็ด เขาเป็นคนนอกแท้ๆ แต่ภารกิจแรกๆ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งคือการพยายามปลุกดีเอ็นเอของทีมปีศาจแดงให้กลับมาอีกครั้ง พยายามปลูกฝังมันลงไปกับนักฟุตบอลในทีม

ปลูกฝังความเป็นยูไนเต็ด.. ให้กับคนที่อยู่ในทีมมาก่อนเขานั่นแหละ พวกคุณทุกคนล้วนมีมันอยู่นะ ปลุกมันขึ้นมาสิอย่าซ่อนเอาไว้

เทน ฮาก อาจจะแข็งกับลูกทีม อาจจะมีมาตรการเชิงรุกที่นักเตะไม่คุ้นเคย แต่จุดมุ่งหมายของเขาชัดเจน ที่ทำไปก็เพื่อให้ทีมที่อีเหละเขละขละกลับมาเข้าที่เข้าทาง ซ้อมสาย กลับก่อน หรือทำเป็นทองไม่รู้ร้อนกับความพ่ายแพ้.. เฮ้ย.. พวกมึงไม่ใช่นักเตะของทีมกระจอกงอกง่อยที่ไหนนะ พวกมึงเป็นนักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นะ สวมเสื้อที่มีตราปีศาจถือสามง่ามอยู่บนหน้าอกนะ มันต้องมีความรับผิดชอบมากกว่าปกติสิวะ

ต้องเจ็บปวดกับความพ่ายแพ้มากกว่าที่เป็นอยู่สิ ต้องอับอายกับความปราชัยให้มากกว่าที่กำลังเป็นสิ ก็เพราะพวกมึงไม่ใช่แค่นักเตะของทีมๆ หนึ่งไง พวกมึงเป็นนักเตะของทีมที่ยิ่งใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไง

มีตรงไหนของทัศนคติที่ เทน ฮาก พยายามยัดใส่ลูกทีมนี้ที่เกินเลยหรือเกินกว่าเหตุบ้าง แล้วทุกบทลงโทษ ทุกความแข็งกร้าวที่แสดงออกมาก็ล้วนมีเหตุผลรองรับทั้งสิ้น อีกทั้งตัวเขาเองนั่นแหละที่ยืดอกรับผิดชอบเป็นคนแรก ไม่ใช่ปล่อยลอยตัวหนีความผิด

ลงโทษให้มาซ้อมในวันหยุด เขาเองก็ควรได้หยุดเหมือนกันไหมแต่ก็ต้องมาคุมซ้อมทีมที่เพิ่งจะแพ้อย่างน่าขายหน้ามา การซ้อมเพิ่มเป็นเพียงส่วนหนึ่งแต่หัวใจของมันคือการแสดงความรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ที่รับไม่ได้ ตรงนี้มีลูกทีมคนไหนเข้าใจบ้างไหมหรือคิดแค่ว่าเจ้านายมันเลอะเทอะ บ้าอำนาจ

ลงโทษให้วิ่งสิบกิโล เขาก็ลงไปวิ่งกับลูกทีมด้วย เป็นการแสดงความรับผิดชอบร่วมกันเช่นกันนอกเหนือไปจากเป็นการเรียกความฟิตสมบูรณ์ให้กับนักเตะ ถ้ามีคนเข้าใจมันก็ดี แต่จะเป็นทั้งหมดทุกคนหรือเปล่าไม่รู้..

การให้สัมภาษณ์เพื่อกระตุ้นลูกทีมถูกมองว่าเป็นความโหดร้าย กับกรณีซานโช่ เทน ฮากเคยประคบประหงมเขาแค่ไหนคนที่ด่าเขาทำราวกับว่าไม่เคยเห็น ช่วงที่อดีตดาวเตะดอร์ทมุนด์ไม่พร้อมทั้งสภาพร่างกายและจิตใจก็ เทน ฮาก เองไม่ใช่หรือเป็นคนสั่งให้ไปพัก พร้อมเมื่อไหร่ค่อยกลับมา ไม่ต้องเป็นห่วงทีม

กับกรณีของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สถานะตำนานของสโมสรนั้นไม่ถูกแตะต้องอยู่แล้ว แต่อะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร เทน ฮาก ก็จัดการอย่างดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ มีไม้แข็ง มีไม้อ่อน ให้ลงสนามด้วยซ้ำไม่ได้จับดอง

คนหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่าก็เขาไม่เคารพผม เป็นคำพูดที่แสดงถึงความเป็นปัจเจก แต่คนที่ถูกกล่าวหาว่าไม่เคารพเขานั้นต้องรับผิดชอบลูกทีมอีกยี่สิบกว่าคนให้ได้อยู่ร่วมกันในบรรยากาศที่ถูกต้อง มีทัศนคติร่วมกันที่ดี ต้องตบแต่งขัดเกลาความคิดให้มองสโมสรมาก่อน ตัวเองมาทีหลัง มันถึงจะพาทีมไปด้วยกันได้

สโมสรต้องมาก่อน.. ทีมต้องมาก่อน.. และคำว่าทีมในที่นี้ย่อมหมายถึงทุกๆ คน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง

ทัศนคติเหล่านี้แย่ตรงไหน อันที่จริงมันเป็นทัศนคติขั้นพื้นฐานด้วยซ้ำ มันใช่เรื่องที่คนเป็นผู้จัดการทีมต้องมาพร่ำสอนปากเปียกปากแฉะกันหรือ แค่ภารกิจวางระบบการเล่นให้ทันศาสตร์ฟุตบอลสมัยใหม่เพื่อต่อสู้กับมหาอำนาจทั้งหลายให้ได้ก็รากเลือดแล้วยังต้องมาร้องขอให้ทุกคนช่วยมีทัศนคติที่ควรจะเป็นอีกเนี่ยนะ

ในบทสัมภาษณ์ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องดีเอ็นเอของทีมไม่สามารถเล่นแบบอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม ผมไม่คิดว่ามันเป็นบทสัมภาษณ์ธรรมดาๆ แต่มองเห็นความท้อถอยของเขาซ่อนอยู่ มันคล้ายกับเขายอมแพ้แล้วกับวัฒนธรรมองค์กรที่ยากจะกอบกู้

เพราะมันเหมือนเขาวิ่งพล่านพยายามทำมันอยู่คนเดียว ด้วยความปรารถนาให้สโมสรกลับไปอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นอยู่คนเดียว

ไม่ใช่คนอื่นๆ หรือฝ่ายอื่นๆ ไม่พยายามทำ ไม่ใช่นักเตะไม่พยายามหรือฝ่ายบริหารไม่พยายาม พวกเขาก็คงพยายามเหมือนกันแต่เป็นความพยายามบนถนนคนละเส้น บนทางที่มุ่งไปกันคนละทิศ

ไม่ใช่ทางที่ เทน ฮาก อยากให้เป็นแน่ๆ ทั้งที่โดยหลักการแล้วเขาคือคนกำหนดทิศทางโดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากฝ่ายบริหารที่เชื่อมั่นในทิศทางเดียวกัน

เหมือนที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้รับที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหมือนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้รับที่ลิเวอร์พูล แนวทางของทั้ง 2 สโมสรนั้นเป็นคนละเรื่องกันเลยแต่ทุกภาคส่วนของสโมสรล้วนเดินตามแนวทางเดียวกันทั้งฝ่ายบริหาร โค้ช และนักเตะ มันจึงพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยบุคลิกชัดเจน เป็นเอกลักษณ์

มันคือการทำงานร่วมกันบนทิศทางที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน เป๊ปทำงานกับ ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป แห่งยูเออี ด้วยโครงสร้างการบริหารและแนวทางการทำทีมฟุตบอลแบบหนึ่ง คล็อปป์ทำงานกับ FSG แห่งอเมริกา ด้วยโครงสร้างการบริหารและแนวทางการทำทีมฟุตบอลอีกแบบหนึ่ง

บอกไม่ได้หรอกว่าแบบไหนถูกต้องที่สุดเพราะมันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือทุกๆ คนในสโมสรเข้าใจนโยบายและความเป็นตัวตนของตัวเองอย่างถ่องแท้ ยึดมั่นและศรัทธาในแนวทางที่วางเอาไว้และเดินหน้าไปด้วยกันบนแนวทางนั้น

ยกตัวอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล มาแบบนี้ เรามองเห็นแนวทางที่ชัดเจนไหมสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผู้จัดการทีมกี่คนแล้วที่เข้ามาทำงานที่นี่แล้วอยู่ไม่ได้ เดวิด มอยส์ หลุยส์ ฟาน กัล โชเซ่ มูรินโญ่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา..

มองไม่เห็นความเป็นหนึ่งเดียว กระทั่งเรื่องง่ายที่สุดแค่การตอบสนองในสนามว่าต่อให้ต้องตายกูก็ไม่ยอมแพ้เด็ดขาดเรายังมองไม่เห็นหรือเห็นแค่ในบางเกมเท่านั้น แทบไม่ต้องเปรียบเทียบกับภาพที่เราเคยเห็นนักเตะอย่าง เวย์น รูนี่ย์, พอล สโคลส์, โรนัลโด้, เดวิด เบ็คแฮม, รอย คีน, รุด ฟาน นิสเตลรอย, คาร์ลอส เตเวซ, ยาป สตัม หรือใครต่อใครในยุคเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วิ่งและกลิ้งเป็นลูกขนุนเนื้อตัวมอมแมม

บทลงเอยของแต่ละคนในยุคนั้นอาจแตกต่างกันไป บางคนจบกับทีมสวย บางคนจบกับทีมไม่สวย แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือเลือดนักสู้ เก่งขนาดนี้ยังวิ่งไล่กัดฟันสู้ยิบตา ชนะยังไม่พอใจด้วยซ้ำถ้าผลงานไม่ดี แพ้นี่เลิกพูดเลยอารมณ์ต้องดำดิ่งกับมันราวกับว่าพวกกูเพิ่งจะทำอะไรที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตลงไป

แคแร็กเตอร์ของนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลานั้นเป็นอย่างนี้จริงๆ คือแฟนบอลทีมอื่นต้องบ่นว่านอกจากเก่งแล้วแม่งยังสู้ชิบหาย

เลือดนักสู้ต้องเป็นแบบนั้น ต้องทำให้เห็น ไม่ใช่แค่พูด เลือดนักสู้ในแบบที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่นามธรรม..

ยูไนเต็ดในยุคก่อนจึงชนะคู่แข่งตั้งแต่ยังไม่ลงสนาม ยิ่งใครมาเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ก็เหมือนแพ้ไปแล้วครึ่งตัว แข้งขาสั่นตั้งแต่ตั้งแถวในอุโมงค์

แต่ในวันนี้ไม่มีใครกลัวยูไนเต็ดแล้ว ทีมเล็กทีมน้อยมาเยือนโรงละครแห่งความฝันด้วยความฮึกเหิมมุ่งมั่นอยากลงไปไล่อัดเจ้าบ้านเต็มที มันกลายเป็นโจทย์ที่ยากขึ้นโดยใช่เหตุของทีมปีศาจแดง

ความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า ปีแล้วปีเล่า สะสมพอกพูนกลายเป็นความหดหู่กองใหญ่ จากที่เคยกล้าก็กลับไม่กล้า จากที่เคยมั่นใจก็กลับไม่มั่นใจ ตรงนี้ เทน ฮาก ย่อมมีส่วนรับผิดชอบเช่นกันที่ยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกทีมได้

ความกดดันยิ่งมากขึ้นก็ย่อมยิ่งไม่เป็นผลดีต่อการทำงานของผู้จัดการทีม จะหยิบจับตัดสินใจอะไรก็ถูกบดบังด้วยความกังวล ภารกิจสำคัญของ เทน ฮาก ในการทำยูไนเต็ดให้เล่นฟุตบอลอย่างที่เขาต้องการกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่

ไม่เพียงอุปสรรคนอกสนามจากแรงกดดันและเสียงวิจารณ์จากสื่อและแฟนบอลเท่านั้น ยังมีอุปสรรคในสนามจากสิ่งที่เรากำลังมองเห็นมันอยู่อีกด้วย

การทำงานขององค์กรโดยรวมทั้งหมดทำให้ทุกอย่างกำลังเป็นไปอย่างนี้ อย่างที่ แกรี่ เนวิลล์ พูดเอาไว้นั่นแหละ วัฒนธรรมองค์กรของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อ่อนแอมาก ไม่มีความชัดเจน ไม่มีความต่อเนื่อง ไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

มีความพยายามในการแก้ปัญหาเหล่านั้นเพื่อปรับทุกอย่างให้เข้ารูปเข้ารอยเป็นทิศทางเดียวกันโดยยึดสโมสรเป็นหลักหรือเปล่า ในเมื่อต่างคนต่างก็บอกว่ารักสโมสร จริงจังและทำเต็มที่แล้วด้วยกันทั้งนั้น

ถ้ายืนยันว่ามี.. ก็พูดได้เลยว่าพวกเรายังมองไม่เห็น คงต้องรอต่อไปกันกระมัง

นักเตะ ผู้จัดการทีม และฝ่ายบริหาร อาจกำลังจ้วงฝีพายเต็มที่เพื่อพาเรือไปข้างหน้า แต่กลับพายกันไปคนละทิศ ไม่คิดจะหันหน้ามาทำความเข้าใจกันใหม่หน่อยหรือว่าพวกเราควรจะไปทางไหนดี

ความไร้เทียมทานของเป๊ปกับแมนฯ ซิตี้ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ.. ความมหัศจรรย์ของคล็อปป์กับลิเวอร์พูลก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ.. หรือความมั่นคงทุกย่างก้าวในยามนี้ของ มิเกล อาร์เตต้า กับอาร์เซน่อลก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

เพราะไม่มีสโมสรไหนปล่อยให้ผู้จัดการทีมของตัวเองต้องแบกรับทุกอย่างโดยลำพัง แต่ให้เวลาและการสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ทั้งจากข้างล่างและข้างบน

เย็นนี้ยูไนเต็ดจะไปเยือน คราเวน ค็อตเทจ ของฟูแล่ม ไม่ว่าผลการแข่งขันจะเป็นอย่างไร เราต่างก็รู้สึกว่ายังไม่มีอะไรวางใจได้เลย

ชนะก็ยังไม่อาจเชื่อมั่น แพ้ยิ่งเลิกพูดถึงความมั่นใจ ตราบใดที่ทิศทางของสโมสรยังเป็นแบบนี้

ปลด เทน ฮาก แล้วหาคนใหม่.. กับการพายเรือเวียนวนอยู่ในอ่างที่เป็นอยู่ บางทีเราอาจมองเห็นปลายทางชัดกว่าต้นทางเสียอีก

ตังกุย


ที่มาของภาพ : getty images
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport