โม ซาลาห์ ทำสถิติ!5ประเด็นร้อน ลิเวอร์พูล บุกสอย วูล์ฟส์

โม ซาลาห์ สร้างสถิติ-ยกนิ้วให้การแก้เกมของบอส! เปิด 5 ประเด็นน่าสนใจจากนัด ลิเวอร์พูล แซงกลับมาชนะ วูล์ฟส์ ขึ้นไปครองจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ชั่วคราว

เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล นำทัพ "หงส์แดง" ออกไปชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส 3-1 ถึงถิ่น โมลินิวซ์ กราวนด์ ในศึก พรีเมียร์ลีก คู่แรกประจำวันเสาร์ที่ 16 กันยายน ส่งผลให้ลงเล่นไปแล้ว 5 นัด มี 13 คะแนน แซง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นไปครองตำแหน่งจ่าฝูงชั่วคราว

จากชัยชนะของ ลิเวอร์พูล มี 5 ประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

1. หงส์หลังพิการ


เกมนี้ ลิเวอร์พูล มีปัญหาอย่างมากในแนวรับ หลัง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาคนเก่งเจ็บกล้ามเนื้อหลังต้นขา ส่วน เฟอร์จิล ฟานไดค์ กัปตันทีมติดโทษแบน ขณะที่ อิบราฮิม่า โกนาเต้ ยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย

คล็อปป์ ต้องส่ง โจ โกเมซ ลงมาประจำการในตำแหน่งแบ็กขวา และให้เจ้าหนู จาเรลล์ ควอนซาห์ ลงมาเล่นเป็นเซนเตอร์แบ็กคู่กับ โฌแอล มาติป

จากแนวรับที่มีปัญหาทำให้ "หงส์แดง" โดนเจ้าถิ่นทำประตูออกนำอย่างรวดเร็วจาก ฮวัง ฮี-ชาน นาทีที่ 7 แต่ยังดีที่สุดท้ายทีมมายิงได้ 3 ประตูแซงคว้าชัยได้สำเร็จ

2. ซาลาห์ สร้างสถิติมีส่วนร่วมทะลุ 200 ประตู


โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ทำได้ 2 แอสซิสต์ในนัดนี้ ส่งผลให้มีส่วนร่วมกับ 200 ประตูที่ ลิเวอร์พูล ทำได้ (ยิง 139 แอสซิสต์ 61) จากการลงสนาม 223 เกม

มีเพียงแค่ เธียร์รี่ อองรี ตำนานกองหน้า อาร์เซน่อล เท่านั้นที่ลงสนามน้อยกว่า ซาลาห์ (206 เกม) แล้วมีส่วนร่วมกับที่ทีมตัวเองทำได้ 200 ประตู

นอกจากนั้น ซาลาห์ ยังกลายเป็นนักเตะคนที่ 4 ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่ทำแอสซิสต์เกมเยือน 5นัดติดต่อกันต่อจาก มุซซี่ อิซเซ็ต, เชส ฟาเบรกาส และ เคราร์ด เดโลเฟว

จริงๆ แล้ว ซาลาห์ น่าจะมีชื่อทำได้ 3 แอสซิสต์ หลังจ่ายให้ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียต ยิงประตูหนีห่าง 3-1 แต่สุดท้าย พรีเมียร์ลีก ให้ ฮูโก้ บูเอโน่ กองหลัง วูล์ฟส์ ทำเข้าประตูตัวเอง

3. หงส์ยกระดับเกมครึ่งหลัง


ครึ่งแรก ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มย่ำแย่ โดยนักเตะหลายคนเริ่มเกมดูเชื่องช้า และเสียบอลง่ายๆ ทำให้เป็นรองเจ้าถิ่น แต่ยังดีที่ตามหลังอยู่แค่ลูกเดียวเท่านั้น

คล็อปป์ แสดงให้เห็นถึงการแก้เกมที่ยอดเยี่ยม โดยเปลี่ยนเอา อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ออกทันทีหลังจบครึ่งแรก แล้วส่ง หลุยส์ ดิอาซ ลงมาเล่นแทน

จากนั้น คล็อปป์ ก็ส่ง ดาร์วิน นูนเญซ และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ลงมาแทน โคดี้ กัคโป ที่เป็นคนยิงตีเสมอ 1-1 และ ดิโอโก้ โชต้า ก่อนที่จะมีผลให้ทีมทำผลงานเยี่ยมเหนือกว่าเจ้าถิ่นชัดเจน

4. ชนะตอนลงเตะเที่ยงวันเสียที


ในฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล มีผลงานย่ำแย่ในเวลาที่ต้องเล่นวันเสาร์ตอน 12.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) โดยเล่นไป 6 เกม ไม่ชนะเลย (เสมอ 3 แพ้ 3)

ผลงานของ ลิเวอร์พูล ลงเล่น 12.30 น. ในฤดูกาลที่แล้ว

- ฟูแล่ม 2-2 ลิเวอร์พูล

- เอฟเวอร์ตัน 0-0 ลิเวอร์พูล

- น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 1-0 ลิเวอร์พูล

- ลิเวอร์พูล 0-0 เชลซี

- บอร์นมัธ 1-0 ลิเวอร์พูล

- แมนฯ ซิตี้ 4-1 ลิเวอร์พูล

อย่างไรก็ตาม เกมนี้ คล็อปป์ สามารถพา ลิเวอร์พูล คว้า 3 แต้มได้สำเร็จ ทำให้ลบล้างผลงานที่ย่ำแย่ในเรื่องนี้ไปได้เสียที

5. แม็ค อัลลิสเตอร์ ไม่ผ่านบทบาทหมายเลข 6


ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มย่ำแย่ในครึ่งแรก และโดนเจ้าถิ่นยิงนำ 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 7 โดยหนึ่งในนักเตะที่เล่นไม่ดีคือ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ กองกลางทีมชาติอาร์เจนตินา 

แม็ค อัลลิสเตอร์ ต้องถอยมารับบทบาทมิดฟิลด์หมายเลข 6 อีกครั้ง ก่อนโดนใบเหลืองตั้งแต่ต้นเกมทำให้เล่นยากกับบทบาทตัวรับ และดูช้าจนเสียบอลไปในหลายจังหวะ ทำให้ คล็อปป์ ตัดสินใจเปลี่ยนออกหลังจบครึ่งแรก

แม็ค อัลลิสเตอร์ ถือเป็นการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยม แต่บทบาทที่เหมาะสมสุดของเขาคือการเป็นกองกลางหมายเลข 8 หรือหมายเลข 10 มากกว่า


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport