จาก กัคโป ถึง เอ็นโซ่!ตัดเกรดแข้งบิ๊กเนมย้ายสังกัดในพรีเมียร์ลีก

บอกเลยว่าหากไม่มีทีมจาก พรีเมียร์ลีก ใช้เงินกันอย่างโครมคราม ตลาดนักเตะเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมาก็น่าจะเงียบเชียบ และวังเวงประดุจป่าช้าเวลาตีสาม

และเป็นเหมือนทุกครั้งที่ลีกเมืองผู้ดีครองแชมป์การจ่ายตลาดยันเตโดยงวดล่าสุดเฉพาะแค่ เชลซี ทีมเดียวก็ทำให้เงินสะพัดแล้วเมื่อ ท็อดด์ โบลีห์ สั่งลุยเสริมทัพแบบไม่เกรงใจใครเป็นการเอาใจกุนซือ แกรห์ม พ็อตเตอร์ อย่างเต็มที่

รวมแล้วมีการเปิดเผยว่า 13 ทีมจาก พรีเมียร์ลีก ใช้เงินกับนักเตะแค่รายเดียวสูงเกินกว่า 10 ล้านยูโร

และสำหรับทีมในห้าลีกใหญ่ของยุโรปก็มีแค่ นีซ , ลียง และ ลอริย็องต์ เท่านั้นที่ควักกระเป๋าซื้อนักเตะรายเดียวสูงเกินกว่า 10 ล้านยูโร

เอาเป็นว่านับเฉพาะการจ่ายตลาดใน พรีเมียร์ลีก เรามาวิเคราะห์กันดีกว่าว่าในบรรดาดาวดังระดับท็อปจะมีดีลไหนที่ปัง หรือว่าพังกันแน่

- โคดี้ กัคโป : พีเอสวี สู่ ลิเวอร์พูล 42 ล้านยูโร

แม้จะได้รับความสนใจจาก แมนฯ ยูไนเต็ด มาตลอด แต่สุดท้าย ลิเวอร์พูล จัดการปาดหน้าคว้าตัวสตาร์ทีมชาติ ฮอลแลนด์ มาร่วมก๊วนได้ในช่วงปลายเดือนธ.ค.โดย หงส์แดง จ่ายให้ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น เป็นจำนวน 42 ล้านยูโรในข้นต้นสู่ขอปีกจรวดมาสวมยูนิฟอร์ม หงส์แดง 

ทั้งๆที่โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นกับทีมชาติ ฮอลแลนด์ ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 รวมทั้งต้นสังกัดในบ้านเกิด แต่ กัคโป ไม่อาจวาดลวดลายกับ ลิเวอร์พูล ได้ดีพอ แต่อาจเป็นเพราะ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำเซอร์ไพรส์เลือกส่งเขาลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้าทั้งๆที่รู้กันอยู่ว่าเขาถนัดลากเลื้อยทางริมเส้นมากกว่า

หลังจากสตาร์ดังในแผงรุกอย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ , ดีโอโก้ โชต้า และ หลุยส์ ดิอาซ พากันล้มเจ็บ คล็อปป์ ก็ขาดแคลนอาวุธในแดนหน้า และเซ็นสัญญาดึง กัคโป มาอุดช่องโหว่เพื่อรอให้สามดาวดังกลับคืนสู่ความฟิต

และจากที่เห็น ส่วนใหญ่กุนซือด๊อยทช์ส่งดาวเตะชาวเมืองกังหันลมลงเล่นเป็นหน้าเป้าซึ่งไม่เหมาะกับสไตล์ของเขา แถมยังทำให้ทีมมีปีกซ้ายมากถึงสี่รายอีกต่างหากซึ่งมองดูแล้วเป็นการเซ็นสัญญาที่ไม่มีความจำเป็นเลยแม้แต่น้อย

เกรด : ดี

- มิไคโล มูดริก : ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค สู่ เชลซี 70 ล้านยูโร

ถือเป็นดีลที่น่าฮือฮาประจำเดือนม.ค.ซึ่งหวิดกลายเป็นมหากาพย์ไปเหมือนกันเนื่องจากตัวนักเตะกระหายย้ายสโมสร แต่ต้นสังกัดไม่คิดปล่อยออกจากทีมแบบง่ายๆกระทั่งส่งผลให้ สิงห์บลูส์ ยอมควักจ่ายในเบื้องต้น 70 ล้านยูโรซึ่งมีสิทธิ์ทะลุถึงหลัก 100 ล้านยูโรได้ตามค่าแอดออน

แม้จะไม่เคยเล่นในต่างแดนมาก่อนนอกเหนือจาก ยูเครน ลีกในบ้านเกิด แถมลงบู๊ให้กับสโมสรไม่ถึง 70 นัดด้วย แต่ เชลซี เลือกลงทุนครั้งสำคัญทั้งๆที่นักเตะมีค่าตัวโดยประเมินแค่ 30 ล้านยูโรเท่านั้น

ฉะนั้นแล้วจึงถือเป็นการเดิมพันที่เสี่ยงมหันต์สำหรับนักเตะที่ยังมีประสบการณ์เพียงน้อยนิด แต่กลับมีค่าตัวมหาศาล

กระนั้นก็ดี หลังจากลงสนามเป็นเกมแรก มูดริค ก็แสดงให้เห็นถึงการเป็นนักเตะที่พิเศษด้วยการสร้างสถิติมีสปีดที่เร็วที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ตั้งแต่เกมประเดิมสนามดวลกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งเขาเป็นตัวทีเด็ดที่เกือบพลิกเกมได้อยู่รอมร่อ

เกรด : ซี

- แอนโธนี่ กอร์ดอน : เอฟเวอร์ตัน สู่ นิวคาสเซิ่ล 45 ล้านยูโร

เอฟเวอร์ตัน น่าจะเตะก้นตัวเองที่ปฏิเสธขาย กอร์ดอน ให้กับ เชลซี เมื่อช่วงซัมเมอร์ก่อนปล่อยเขาย้ายไปค้าแข้งกับ นิวคาสเซิ่ล ในอีกหกเดือนต่อมาด้วยการรับค่าตัวนักเตะที่น้อยลง

ถึงอย่างนั้น ท๊อฟฟี่สีน้ำเงิน ยังรับทรัพย์ก้อนใหญ่อยู่ดีเนื่องจากเขามีค่าตัวโดยประเมินแค่ 25.9 ล้านยูโรเท่านั้นด้วยเหตุผลที่ไม่มีความอันตรายในพื้นที่สุดท้ายมากพอ

อย่างไรก็ตาม ความโดดเด่นในการช่วยเกมรับของ กอร์ดอน น่าจะเหมาะกับสไตล์ของ นิวคาสเซิ่ล ในยุคของ เอ็ดดี้ ฮาว ซึ่งนิยมชมชอบตัวรุกที่มีความขยันขันแข็ง

แม้จะมีอายุแค่ 21 ปี แต่ก็มีค่าตัวที่สูงเกินไป อีกทั้งยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความโดดเด่นใน พรีเมียร์ลีก เลย

เกรด : ซี

- เบอนัวต์ บาเดียชิล : โมนาโก สู่ เชลซี 38 ล้านยูโร

จากฟอร์มที่ย่ำแย่ของ คาลิดู คูลิบาลี่ ประกอบกับการบาดเจ็บของ เวสลีย์ โฟฟาน่า ทำให้ เชลซี มองหาเซ็นเตอร์ฮาล์ฟรายใหม่เพิ่มอีก

ด้วยค่าตัว 38 ล้านยูโร บาเดียชิล ถือเป็นการเซ็นสัญญาที่ยอดเยี่ยม และคุ้มค่าเงินมากกว่าที่ สิงห์บลูส์ คิดจ่ายหนักดึง ยอสโก้ กวาร์ดิโอล มาจากทีม แอร์เบ ไลป์ซิก

แถมไม่ทันไร ปราการหลังทีมชาติ ฝรั่งเศส ก็ประสานงานกับ ติอาโก้ ซิลวา ได้อย่างลงตัวจนดูราวกับว่าเล่นอยู่ใน พรีเมียร์ลีก มานานแล้วจึงถือเป็นการเสริมทัพที่สมบูรณ์แบบของถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีรูปร่างที่สูงใหญ่ หากแต่วิ่งได้อย่างรวดเร็ว

เกรด : บี

- เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ : เบนฟิก้า สู่ เชลซี 121 ล้านยูโร

เชลซี ตัดสินใจทุบสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ของ  แจ็ค กรีลิช ก่อนตลาดวายด้วยการซื้อ เฟร์นานเดซ มาจาก เบนฟิก้า ในราคา 121 ล้านยูโร

จากเม็ดเงินดังกล่าว ทำให้ดาวเตะทีมชาติ อาร์เจนติน่า ผงาดเป็นพ่อค้าแข้งค่าตัวแพงที่สุดในโลกอันดับห้า และส่งผลให้ สิงห์บลูส์ ทำลายสถิติทุกสโมสรด้วยการใช้เงินเสริมทัพในตลาดเดียวเป็นจำนวน 364 ล้านยูโร

ในแง่ของคุณภาพ ไม่มีอะไรให้ต้องสงสัยว่าเป็นการเซ็นสัญญาที่ดีของเศรษฐีลอนดอนเนื่องจาก เฟร์นานเดซ สร้างชื่อเป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของศึก ฟุตบอลโลก 2022 แถมมีผลงานที่ดีในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มอีกด้วย

ขณะเดียวกัน เชลซี จำเป็นต้องลดอายุแผงกลางของทีมที่ประกอบไปด้วย เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ยังเจ็บไม่หาย รวมทั้ง จอร์จินโญ่ ที่มีอายุเกิน 30 ปีแล้ว และถูกขายให้กับ อาร์เซน่อล ในที่สุด

สำหรับ เฟร์นานเดซ ด้วยวัย 22 ปี เขาจึงมีอนาคตที่สดใสรออยู่ แต่ให้น่าเสียดายอยู่นิดที่ เชลซี ต้องหมดเงินสูงถึง 121 ล้านยูโรไปกับนักเตะที่มีประสบการณ์เล่นในลีกยุโรปแค่หกเดือนเท่านั้น

เกรด : บี

- เลอันโดร ทรอสซาร์ : ไบรท์ตัน สู่ อาร์เซน่อล 24 ล้านยูโร

หลังจากโดน เชลซี ปาดหน้าคว้า มูดริก ไปร่วมก๊วน อาร์เซน่อล ก็หันไปหา ทรอสซาร์ ซึ่งพิสูจน์ตัวเองใน พรีเมียร์ลีก ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ ไบรท์ตัน ทดแทนการจากไปของเขาด้วยการใช้งาน คาโอรุ มิโตมะ

เป็นที่ลือกันว่าดาวเตะทีมชาติ เบลเยี่ยม มีปัญหากับกุนซือ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ จึงทำให้ นกนางนวล ขายเขาทิ้งโดยไม่ต้องคิดมาก แต่เลือกเก็บ มอยเซส ไกเซโด้ เอาไว้แม้กองกลางทีมชาติ เอกวาดอร์ จะโพสต์ขอย้ายไปค้าแข้งกับ เดอะ กันเนอร์ส อีกรายก็ตาม

ในรายของ มูดริก เขาอาจได้ลงเล่นเป็นตัวจริงทันทีหากเลือกจรดปากกากับทีม ปืนใหญ่ แต่สำหรับ ทรอสซาร์ หนีไม่พ้นต้องเป็นกำลังสนับสนุนให้กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ไปพลางๆก่อนเนื่องจากจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก ต้องการเพิ่มไพร่พลเพื่อสร้างหลักประกันในการคว้าแชมป์ลีก และน่าจะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

เกรด : เอ


ที่มาของภาพ : gettyimages
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport