ใครๆ ก็รู้จัก! 10 แข้งนามกระเดื่อง ชื่อดังกว่าชาติตัวเอง!!

ประเทศใหญ่ๆ ที่เลื่องชื่อเรื่องความเก่งกาจของนักเตะมีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบราซิล, อาร์เจนติน่า, เยอรมัน, ฝรั่งเศส, อิตาลี, สเปน, อังกฤษ, เบลเยียม, เนเธอร์แลนด์ส, โปรตุเกส และอีกหลายๆ ทีม โดยชาติเหล่านี้มักจะผลิตผู้เล่นระดับโลกออกมามากมาย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ

ทว่าก็มีหลายๆ ประเทศเช่นกันที่อาจจะไม่โดดเด่นนัก แต่พวกเขาก็มีนักเตะที่เรียกได้ว่าเป็น 'ความภาคภูมิใจ' และนี่คือ 10 แข้งนามกระเดื่อง ชื่อดังกว่าชาติตัวเอง!!

__________

[ 1 ] โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต (ปารากวัย)

ปารากวัย อาจจะเคยได้แชมป์ โคปา อเมริกา มาแล้ว 2 หน แต่ครั้งล่าสุดที่พวกเขาครองโทรฟี่นั่นคือปี 1979 เลยทีเดียว และก็ทั้งก็ยังไม่ได้ร่วมศึก เวิร์ล คัพ ใน 3 ทัวร์นาเมนต์หลังสุดอีกต่างหาก 

ส่วนนักเตะดังในอดีตก็ยังไม่ถึงขั้นระดับโลก เพราะมีเพียง โรเก้ ซานตา-ครูซ, คาร์ลอส กามาร่า, ฟรานซิสโก้ อาร์เซ่ และโฮเซ่ คาร์โดโซ่ ที่พอจะมีชื่อชั้นอยู่บ้าง

อย่างไรก็ตาม หากพูดถึง โฮเซ่ หลุยส์ ชิลาเวิร์ต แฟนฟุตบอลใน 80' ตอนต้น ไปจนปลาย 90' ต่างต้องซูฮกให้ความเก่งกาจของมือกาวจอมปั่นฟรีคิกของปารากวัย

เขาได้รับเลือกจาก IFFHS (สหพันธ์ประวัติศาสตร์และสถิติฟุตบอลนานาชาติ) ให้รับรางวัล 'ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม' ถึง 3 ครั้ง ซึ่งมากกว่า ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล จอมหนึบทีมชาติเดนมาร์ก เสียอีก

เท่านั้นไม่พอ ในศึกฟุตบอลโลก 1998 เขายังพาปารากวัย ไปถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ก่อนจะพ่ายฝรั่งเศส แชมป์โลกในปีนั้นในช่วง โกลเด้น โกล แต่จบทัวร์นาเมนต์ - ชิลาเวิร์ต ได้รับเลือกให้เป็นนายทวารยอดเยี่ยม

ความเหลือเชื่อของผู้รักษาประตูคนนี้ยังไม่จบลงที่ตรงนี้ เพราะปัจจุบันเขารั้งอันดับ 24 ร่วม กับการเป็นเจ้าของสถิติทำสกอร์ในนามทีมชาติมากที่สุด ด้วยจำนวน 8 ลูก และอย่าลืมว่าหมอนี่เล่นตำแหน่ง 'ผู้รักษาประตู'

__________

[ 2 ] ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมย็อง (กาบอง)

ประเทศในโซนแอฟริกา ที่มีชื่อในด้านศาสตร์ลูกหนัง ผู้คนคงจะนึกถึงไนจีเรีย, แคเมอรูน, ไอวอรี่โคสต์, กานา, เซเนกัลหรืออียิปต์ โดยกาบ็อง แทบไม่อยู่ในสารบบของทีมดังเลย

กาบอง เพิ่งได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส เมื่อ 1960 นั่นทำให้พวกเขาเพิ่งจะปกครองตนเองได้ราวๆ 63 ปี เท่านั้น มันจึงทำให้อะไรหลายๆ อย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป

ฟุตบอล เองก็เป็นหนึ่งในกีฬายอดนิยมของพวกเขา ทว่าผลงานในระดับนานาชาตินั้นน้อยนิดยิ่งนัก  เวิร์ล คัพ โลกรอบสุดท้ายไม่เคยเฉียดใกล้, แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ ไปไกลสุดแค่ 8 ทีม ส่วนที่เคยได้แชมป์นั้นเป็นเพียงทัวร์นาเมนต์เล็กๆ ที่จัดแข่งกันระหว่างประเทศใกล้เคียงเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ชื่อของ กาบอง มาเป็นที่รู้จักต่อคอลูกหนังทั่วโลกก็เพราะ ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมย็อง ศูนย์หน้าอดีตนักเตะฝึกหัด เอซี มิลาน ที่ไปสร้างชื่อระบือนามกับ ดอร์ทมุนด์ ตามต่อด้วย อาร์เซน่อล ที่เคยได้รางวัล 'ดาวซัลโว' พรีเมียร์ลีก 2018-19 ร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาล่าห์ และ ซาดิโอ มาเน่ สองแข้งจากแอฟริกา เช่นกัน

แม้ปัจจุบันผลงานของเขาจะดร็อปลงไป แต่ถึงอย่างนั้นความเป็น 'ฮีโร่' ของคนในประเทศก็ยังเป็นอยู่ตลอดกาล

__________

[ 3 ] อังเดร เชฟเชนโก้ (ยูเครน)

ยูเครน เป็นหนึ่งประเทศที่แยกตัวออกมาหลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ในปี 1991 ซึ่งนักเตะเก่งๆ ต่างก็ทยอยแยกย้ายกันไปสร้างชื่อเสียงให้กับชาติของตนเอง

หนึ่งในนั้นคือ อังเดร เชฟเชนโก้ ศูนย์หน้าเจ้าของ บัลลง ดอร์ 2004 

ในยุคที่ยังค้าแข้ง เขาคว้าแชมป์มากมายกับ เอซี มิลาน แถมยังพายูเครน เข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของประเทศเมื่อปี 2006

แถมในทัวร์นาเมนต์นั้น เชฟเชนโก้ ยังเป็นคีย์แมนนำทีมทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้อย่างเหลือเชื่อ ก่อนปราชัยให้อิตาลี แชมป์โลกไป 0-3

ความสำเร็จของเขาถือว่าเป็น 'ตำนาน' ของวงการลูกหนังยุโรป กับการได้รางวัลส่วนบุคคลมากมาย แถมยังประสบความสำเร็จอย่างสูงที่ เอซี มิลาน ซึ่งตนเองได้รางวัล 'ดาวซัลโว' กัลโช่ เซเรีย อา ถึง 2 หน 

__________

[ 4 ] บรูซ กร็อบเบล่าร์ (ซิมบับเว่)

ซิมบับเว่ ประเทศซึ่งมีที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ทวีปแอฟริกา และปัจจุบันรั้งอันดับ 126 ของโลก จากการจัดอันดับของ ฟีฟ่า (FIFA) ซึ่งอยู่ต่ำกว่าไทย (114) เสียอีก

แน่นอนว่าแฟนฟุตบอลคงจะนึกชื่อนักเตะดังของพวกเขาได้ยากลำบาก แต่ถ้าย้อนกลับไปในยุคระห่าง 80'-90' ไม่มีใครไม่รู้จัก บรูซ กร็อบเบล่าร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของ ลิเวอร์พูล ในยุคที่ทั่วทั้งปฐพีขนานนามว่า 'เครื่องจักรสีแดง'

เขาได้ชื่อว่าเป็นนักเตะชาวแอฟริกาคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้แชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปัจจุบัน) อีกทั้งยังนำหงส์แดงครองบัลลงก์ความยิ่งใหญ่เป็นเบอร์ 1 ของอังกฤษ ได้ถึง 6 สมัย

แน่นอนว่าการลงเฝ้าเสาให้ ลิเวอร์พูล เกินกว่า 400 เกม บวกกับความสำเร็จที่เกิดขึ้น กร็อบเบล่าร์ จึงถือเป็นอีกหนึ่ง 'ตำนาน' ผู้ยิ่งยงของเหล่า เดอะ ค็อป ทั่วทุกมุมโลก 

__________

[ 5 ] ดไวท์ ยอร์ค (ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก)

ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก เป็นรัฐหมู่เกาะและมีเนื้อที่รวมเพียง 5,131 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถืออยู่ลำดับที่ 164 จาก 196 ประเทศทั่วโลก แต่อย่างน้อย 'ฟุตบอล' ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่พวกเขาสามารถภาคภูมิใจได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ดไวท์ ยอร์ค

ดาวยิงหน้ายิ้มถูกค้นพบโดย เกรแฮม เทย์เลอร์ อดีตเฮดโค้ช แอสตัน วิลล่า และก็นำพาเด็กหนุ่มผิวสีให้มาค้าแข้งบนเกาะอังกฤษ กระทั่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของทีมสิงห์ผยองในยุค 90' เลยทีเดียว

ชื่อของ ยอร์ค ถือว่าดังพอตัวบนเวที พรีเมียร์ลีก แต่ทวีคูณเพิ่มเติมเมื่อถูก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากระชากตัวไปร่วมทัพในปี 1998 ด้วยค่าตัว 12.6 ล้านปอนด์ (ประมาณ 8,800 ล้านบาทในเวลานั้น) ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงมากในยุคนั้น

สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือปีศาจแดงคว้า 'เทรเบิ้ลแชมป์' เป็นสโมสรแรกของอังกฤษ แถมตัวเขาก็จารึกชื่อของตนเองว่าเป็นผู้เล่นคนที่ 7 ในประวัติศาสตร์ที่ทำประตูใน พรีเมียร์ลีก เกิน 100 ลูก ซึ่งนับเป็นคนนอกยุโรป คนแรกที่ทำได้สำเร็จ 

อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่เพชฌฆาตหน้าเปื้อนยิ้มไม่ได้ 'พีเอฟเอ เพลเยอร์ ออฟเดอะ เยียร์' (PFA Player of the Year) หรือรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมที่เลือกโดยเพื่อนร่วมอาชีพเดียวกันในฤดูกาล 1998-99 ซึ่งนั่นสร้างความหัวเสียให้กับ เซอร์แอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มากทีเดียว

แต่ถึงอย่างนั้น ยอร์ค ก็ถือเป็นตำนานผู้ยิ่งยงของทั้ง ยูไนเต็ด และตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ตราบนานเท่านาน

__________

[ 6 ] จอร์จี้ ฮาจี้ (โรมาเนีย)

โรมาเนีย ประเทศในโซนยุโรปกลาง ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แถมในเรื่องของฟุตบอลก็ถือว่าน่าสนใจไม่เบา โดยเฉพาะการทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายใน เวิร์ล คัพ 1994 ที่มี จอร์จี้ ฮาจี้ นำทัพ

ความยิ่งใหญ่ของเขาถือเป็นประวัติศาสตร์เลยก็ว่าได้ เพราะระหว่างปี 1985-2000 ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ชื่อของเพลย์เมเกอร์คนนี้จะหลุดออกจากรายชื่อ 1 ใน 3 ของนักเตะยอดเยี่ยมของประเทศ

ฮาจี้ คือนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์และจินตนาการ เขาสร้างชื่อกับ สเตอัว บูคาเรตส์ ด้วยการพาทีมไปถึงรองแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ 1988-89 กระทั่งถูก เรอัล มาดริด มากระชากตัวไปในซีซั่นต่อมา

ชื่อของ ฮาจี้ มาพีกสุดขีดในฟุตบอลโลก 1994 ในบทบาทจอมทัพของโรมาเนีย ที่พาทีมไปไกลถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งถือเป็นผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาตร์ของประเทศ ส่วนตัวเขาก็ได้รับเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์

__________

[ 7 ] ฮริสโต้ สตอยคอฟ (บัลแกเรีย)

ฮริสโต้ สตอยคอฟ เป็นนักเตะรุ่นเดียวกันกับ ฮาจี้ ที่โด่งดังมาพร้อมๆ กัน สไตล์การเล่นก็ไม่หนีกันมาก ทักษะสูง, จ่ายบอลคม, ยิงเฉียบขาด แถมยังมีลูกมหัศจรรย์ให้ฮือฮาได้เสมอ แต่ในแง่ของถ้วยรางวัล ต้องยอมรับว่าเพลย์เมเกอร์ทีมชาติบัลแกเรีย นั้นเหนือก่าเยอะพอควร

แชมป์ ลา ลีกา สเปน 5 สมัย บวกกับอีก 1 ในถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คงจะบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ในตัวเขาได้เป็นอย่างดี

เท่านั้นไม่พอ ในฟุตบอลโลก 1994 - สตอยคอฟ สร้างประวัติศาสตร์พาบัลแกเรีย ไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะแพ้อิตาลี ไปหวุดหวิด 1-2 แต่พอจบทัวร์นาเมนต์เขาเป็น 'ดาวซัลโว' 6 ประตู เท่ากัน อเล็ก ซาเลนโก้ ของรัสเซีย

ด้วยความเป็นศิลปินลูกหนัง เรื่องราวในแง่ลบของเขาก็มีไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเกือบโดนแบบตลอดชีวิตหลังเหตุการณ์ชกต่อยในศึก บัลแกเรียน คัพ รอบชิงชนะเลิศปี 1985 หรือการที่มักจะบอกว่าตนเองนี่แหละเป็นผู้ปั้น โรมาริโอ้ (ตำนานศูนย์หน้าทีมชาติบราซิล) ให้โด่งดัง

__________

[ 8 ] จอร์จ เบสต์ (ไอร์แลนด์เหนือ)

หนึ่งในนักฟุตบอลที่เก่งกาจที่สุดของโลกในยุค 60'-70' กับลีลาการกระชากลากเลื้อยและยิงประตูเฉียบคมจนพา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ ส่วนตนเองก็ได้ บัลลง ดอร์ มาประดับบารมี 1 หน ซึ่งตอนนั้นเขาเพิ่งจะอายุเพียง 22 เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในฐานะทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ น่าเสียดายที่ตลอดห้วงระยะเวลาที่ เบสต์ ค้าแข้ง เขาไม่เคยมีส่วนร่วมกับฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเลยสักครั้ง ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับผู้เล่นระดับ เวิร์ล คลาส เช่นเขา

ความยิ่งใหญ่ของตำนานหมายเลข 7 ของ ยูไนเต็ด ดูได้จากคำยกย่องจากอดีตนักเตะดังที่ออกมาพูดถึง เบสต์ มากมาย ไล่ตั้งแต่ ดีโอโก้ มาราโดน่า - "จอร์จ (เบสต์) คือแรงบันดาลใจของผมในวัยเด็ก"

โยฮัน ครัฟฟ์ - "ถ้าคุณพูดถึงความสามารถนักเตะยุโรป คุณจะประเมินว่าอยู่ในระดับ 6-7 แต่ถ้าพูดถึง จอร์จ เบสต์ เขาต้องเต็ม 10 เท่านั้น"

"เปล่า - ผมมักจะพูดเสมอว่า จอร์จ เบสต์ คือนักเตะที่เก่งที่สุดในยุโรป"

__________

[ 9 ] ไรอัน กิ๊กส์ (เวลส์)

กิ๊กส์ เป็นอีกหนึ่งนักเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่ได้มาจากประเทศใหญ่ในโลกของฟุตบอล แต่ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการพาทีมกวาดถ้วยรางวัลมากมาย

จริงๆ แล้วเขาสามารถเลือกที่จะเล่นให้ทีมชาติอังกฤษ ได้ แต่สุดท้ายเปลี่ยนใจไปรับใช้เวลส์ ซึ่งก็น่าเสียดายที่ในช่วงชีวิตค้าแข้ง ปีกพ่อมดคนนี้ไม่เคยได้สัมผัสกับ เวิร์ล คัพ เลยสักหน 

อย่างไรก็ตาม กับสโมสร กิ๊กส์ ยิ่งใหญ่มากๆ กับแชมป์ พรีเมียร์ลีก 13 สมัย, เอฟเอ คัพ 4 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 2 สมัย แต่น่าน้อยใจเล็กๆ ตรงที่ตนเองได้รับเลือกให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

__________

[ 10 ] จอร์จ เวอาห์ (ไลบีเรีย)

ไลบีเรีย ชาติอันดับ 141 ของการจัดอันดับ ฟีฟ่า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศที่อยู่ต่ำกว่าไทย แต่ในอดีต พวกเขาเคยมีนักเตะที่ยิ่งใหญ่ แถมยังได้ บัลลง ดอร์ มาแล้วอีกต่างหาก

จอร์จ เวอาห์ คือผู้เล่นคนนั้น

ความยิ่งใหญ่ของเขาเปรียบเปรยประมาณว่า เขาทราย แกแล็กซี่ ขึ้นชกเมื่อใด กรุงเทพมหานคร จะถนนโล่งเมื่อนั้น หรือให้เด่นชัดขึ้นอีกคือ แมนนี่ ปาเกียว ฮีโร่ของฟิลิปปินส์ ที่ปัจจุบันก็ผันตัวสู่การเมือง เช่นเดียวกับ เวห์

ในสมัยนักเตะ เขาพา เอซี มิลาน คว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา 2 สมัย โดยที่ตนเองได้ บัลลง ดอร์ ปี 1995 แต่ผลงานระดับชาตินั้นไม่เอื้ออำนวยนัก เพราะเคยเล่นเพียง แอฟริกัน เนชั่นส์ คัพ เพียง 2 ครั้ง เท่านั้น และตกรอบแรกซะด้วย

ปัจจุบัน เวอาห์ ที่หันหน้าสู่การเมืองเต็มตัว และก็ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไลบีเรีย อีกต่างหาก

__________


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport