ฟอเรสต์ พบ แมนยู! 5 ข้อผีแดงเฉือนชนะเจ้าป่าทะลุ 8 ทีม เอฟเอ คัพ

แมนฯ ยูไนเต็ด ยังรักษาโอกาสลุ้นคว้าถ้วย เอฟเอคัพ ในซีซั่นนี้ได้ต่อไปเมื่อบุกไปเฉือนชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แบบเฉียดฉิว 1-0 ในการฟาดแข้งรอบห้าที่สนาม ซิตี้ กราวด์ เมื่อวันพุธที่ 28 ก.พ.จากลูกโขกในนาทีที่ 89 ของ กาเซมีโร่ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นอีกเกมที่ทีม ผีแดง เล่นได้ไม่น่าประทับใจอีกตามเคย แม้สุดท้ายแล้วจะคว้าชัยชนะได้สำเร็จ แต่ก็เป็นไปแบบถูลู่ถูกังตามสไตล์ที่ไม่มีใครสามารถลอกเลียนแบบได้

1. เจ้าป่าเปลี่ยนโกลปรับโผสี่ราย

นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ กุนซือทีม ฟอเรสต์ ตัดสินใจเปลี่ยนตัวนายทวารโดยหันมาใช้บริการ แม็ตต์ เทอร์เนอร์ จอมหนึบทีมชาติ สหรัฐฯ อีกรอบแทน มัตส์ เซลส์  ที่ไม่มีส่วนร่วมในเกมนี้หลังจากมือกาวทีมชาติ เบลเยี่ยม ได้เฝ้าเสาเกม พรีเมียร์ลีก นัดออกไปแพ้ แอสตัน วิลล่า 4-2

นอกจากผู้รักษาประตูแล้ว นายใหญ่โปรตุกีสเปลี่ยนนักเตะตัวจริงอีกสามรายโดยส่ง ไรอัน เยตส์ , แฮร์รี่ ท๊อฟโฟโล่ และ ดิว็อก โอริกี้ ลงบู๊แทน คัลลั่ม ฮัดสัน โอดอย , นิโคลัส โดมิงเกซ และ มุสซ่า เนียคาเต้ ที่มีชื่อนั่งอยู่ในซุ้มทั้งหมด

2. ผีพึ่งพา อันโตนี่ ,อัมราบัต

เอริค เทน ฮาก กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ปรับทัพสามตำแหน่งจากเกม พรีเมียร์ลีก นัดแพ้ ฟูแล่ม คารัง 2-1 โดยที่ทั้ง บรูโน่ แฟร์นันด์ส กับ ราฟาแอล วาราน เช็กฟิตผ่านทั้งคู่ ลงบู๊ได้ตามปกติ

ปีศาจแดง บุกมาเยือนรังของ เจ้าป่า โดยปราศจาก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ที่เดี้ยงเพิ่มไปอีกราย ทำให้ โซฟียาน อัมราบัต ถูกส่งลงเล่นในแผงหลัง

ขณะเดียวกัน นายใหญ่ดัตช์เลือก สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ลงเล่นในแดนกลางแทน ค็อบบี้ ไมนู ขณะที่ อันโตนี่ ได้กลับมาออกสตาร์ตแทนที่ โอมารี่ ฟอร์สัน ที่หล่นไปนั่งข้างสนาม

จากการวางหมากดังกล่าวส่งผลให้ อัมราบัต ซึ่งเกมนี้สวมบทแบ็คซ้ายจำเป็นได้ลงเล่นเป็นตัวจริงหนแรกนับตั้งแต่เกมแดงเดือดบุกไปเสมอกับ ลิเวอร์พูล แบบไร้สกอร์เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ขณะที่ อันโตนี่ ซึ่งฟอร์มตกแบบกู่ไม่กลับได้ลงเล่นเป็นตัวจริงหนแรกนับตั้งแต่เกมลีกนัดออกไปแพ้ ฟอเรสต์ 2-1 เมื่อวันที่ 30 ธ.ค.

กระนั้นก็ดี หากจะนับรวมในทุกรายการ อันโตนี่ กลับมาออกสตาร์ตเป็นนัดแรกนับตั้งแต่เกม เอฟเอคัพ รอบสี่ซึ่งเจ้าตัวสอยตาข่ายได้ในแมตช์บุกไปอัด นิวพอร์ท 4-2

3. อัมราบัต งานชุก

เป็นไปตามคาดที่ เจ้าป่า เน้นขึ้นเกมรุกทางด้านขวาโดยมีเจตนาเล่นงาน อัมราบัต แบ็คซ้ายจำเป็นของทีมเยือนซึ่งชัดเจนว่าไม่ถนัดการเล่นเกมรับ แถมมีความเชื่องช้าจนเสียท่าให้กับความเร็วของตัวรุกเจ้าถิ่นหลายครั้ง

แม้ในช่วงต้นเกม แมนฯ ยูไนเต็ด จะเริ่มต้นได้ดี และมีโอกาสสร้างความหวาดเสียวได้ประปราย แต่ทันทีที่เจ้าถิ่นเริ่มตั้งลำได้ พวกเขาก็กลับมาเป็นฝ่ายบุกได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และบีบให้ ผีแดง ต้องตั้งรับกันอย่างแข็งขันคอยหาจังหวะเล่นเกมโต้กลับตามระเบียบ

ด้วยเหตุที่ทีมประสบกับปัญหามีแผงหลังล้มเจ็บหลายราย ต้องยอมรับว่าน่าเห็นใจ เทน ฮาก ไม่น้อยโดยเฉพาะเกมนี้ซึ่ง แม็กไกวร์ เดี้ยงไปอีกคนจึงส่งผลให้นายใหญ่ชาวเมืองกังหันลมไม่มีทางเลือกนอกจากต้องส่ง อัมราบัต ลงเล่นเป็นแบ็คซ้ายเนื่องจาก ลุค ชอว์ กับ ไทเรลล์ มาลาเซีย บาดเจ็บเช่นเดียวกับ อารอน วาน บิสซาก้า อันเป็นการบังคับให้ ดีโอโก้ ดาโลต์ ที่สามารถรับภาระเป็นแบ็คซ้ายได้ต้องทำหน้าที่เป็นแบ็คขวาตามปกติ

อย่างไรก็ดี เป็นเพราะ ฟอเรสต์ จบสกอร์ได้อย่างย่ำแย่ การใช้งาน อัมราบัต ในแดนหลังของ เทน ฮาก จึงยังไม่ถึงกับส่งผลร้ายแม้ว่า เจ้าป่า จะมีโอกาสส่องยิงมากกว่าในช่วง 45 นาทีแรก 12 ครั้ง และเข้ากรอบ 2 ครั้ง ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งครองบอลได้มากกว่า 63:37% ได้ยิง 9 ครั้งเข้ากรอบ 3 ครั้ง

4. โอนาน่า เดอะ แบก คนใหม่

เท่าที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส กองกลางทีมชาติ โปรตุเกส จัดว่าเป็น เดอะ แบก ของทีม  แมนฯ ยูไนเต็ด อย่างชัดเจนจากการปั้นเกม แอสซิสต์ ยิงประตู และ ฯลฯ แต่ไม่ใช่สำหรับซีซั่นนี้ซึ่งขุนพลของ เทน ฮาก มีฟอร์มที่เลวร้ายกันไปซะทั้งหมด

อย่างเกมที่ ซิตี้ กราวด์ อันโตนี่ ยังออกทะเลหาทางกลับเข้าฝั่งไม่เจอ ไม่อาจกระชากบอลหนีคู่แข่งได้เลย แถมไม่มีความมั่นใจที่จะลากเลื้อยอีกต่อไปแล้วก่อนโดนเปลี่ยนออกเนื่องจากไม่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมได้

ฉันใดก็ฉันนั้น มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็แย่พอกันโดยเฉพาะการสวมบทหน้าเป้าซึ่งเจ้าตัวปรับสไตล์ไม่ได้ และไม่อาจเก็บบอลได้เลย ขณะที่ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ปีกอาร์เจนไตน์ก็ไม่มีความจัดจ้านเหมือนซีซั่นก่อนหลงเหลืออยู่ รวมแล้วจึงทำให้เกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในซีซั่นนี้ไร้ความน่าเกรงขามอย่างที่เห็น

อย่างไรก็ดี อย่างน้อย ผีแดง ยังมี อ็องเดร โอนาน่า ที่หลายเกมหลังเริ่มเป็นที่พึ่งของทีมได้ในยามที่สถานการณ์ตกเป็นรองฝ่ายตรงข้าม อย่างเกมนี้นายทวารแคเมอรูนมีจังหวะเซฟลูกยากหลายหนช่วยยื้อชีวิตของ ผีแดง เอาไว้ในช่วงที่เกมรุกของทีมไม่มีพิษสง ไม่อาจสร้างปัญหาให้ ฟอเรสต์ ได้มากพอ

จนในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งรอดพ้นจากการเสียประตูหลายหนก็เบิกตาข่ายได้ในช่วงเวลาที่พอเหมาะพอเจาะจากลูกฟรีคิกทางด้านซ้ายในนาทีที่ 89 ซึ่ง แฟร์นันด์ส สาดเข้าเสาแรกให้ กาเซมีโร่ โถมโขกเผาขนตุงตาข่าย แต่หลังจากมีการเช็กวีเออาร์ว่า วาราน ที่ล้ำหน้าบริเวณหน้าปากประตูรบกวนการเข้าหาบอลของดาวเตะเจ้าบ้านหรือไม่ ผู้ตัดสินก็เป่าให้เป็นประตูโดยหลังเกมจบลง ผีแดง ครองบอลได้เหนือกว่า 61:39% และพลิกมาเป็นฝ่ายได้ยิงประตูมากกว่า 20-16 ครั้ง รวมทั้งส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่าเช่นกัน 7-5 ครั้ง

5. วิบากกรรม เทน ฮาก


มีความเป็นไปได้ว่า แมนฯ ยูไนเต็ด อาจจอดป้ายถ้วย เอฟเอคัพ แค่รอบแปดทีมสุดท้ายเนื่องจากผลการจับสลากประกบคู่ออกมาว่าพวกเขาจะต้องทำศึกแดงเดือดกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งซีซั่นนี้มีผลงานน่ายำเกรงยิ่งนัก

เรื่องเดียวที่ ผีแดง พอจะมองในแง่บวกได้ก็คือการได้เล่นในบ้าน แต่อย่าลืมว่าซีซั่นนี้ทีมของ เทน ฮาก มีผลงานเกมเยือนที่ดีกว่าเนื่องจากพวกเขาเสียท่าคารังมาแล้วหลายนัด ล่าสุดก็โดน เจ้าสัวน้อย บุกมาสยบที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อสุดสัปดาห์

นอกจากนี้ ก่อนเปิดศึกกับ หงส์แดง ในถ้วยน็อกเอาต์ช่วงกลางเดือนหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด จะเจอเกมโหดบุกไปเยือน แมนฯ ซิตี้ ในศึก พรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์นี้ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า เทน ฮาก จะต้องเครียดสุดชีวิตอีกหนเนื่องจาก เรือใบสีฟ้า ต้องการชัยชนะสถานเดียว และด้วยสกอร์ที่มากที่สุดเพื่อไล่ล่า ลิเวอร์พูล ต่อการพยายามป้องกันแชมป์โดยเฉพาะอย่างยิ่งซีซั่นนี้ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เสียประตูให้คู่แข่งอย่างง่ายดายหลายเกมกระทั่งประตูได้เสียเป็นรองทั้ง ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล ไปแล้ว

นอกจากจะต้องออกไปเยือน แมนฯ ซิตี้ แล้ว อย่าลืมว่านาทีนี้ เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กับ เควิน เดอ บรอยน์ สองดาวดังทีมเจ้าบ้านกำลังประสานงานกันได้อย่างรู้ใจโดยในเกม เอฟเอคัพ รอบห้า ที่แชมเปี้ยนบุกไปกระซวก ลูตัน ยับเยิน 6-2 ดาวยิงทีมชาติ นอรเวย์ ระเบิดฟอร์มสุดโหดซัดคนเดียวห้าเม็ด ขณะที่กองกลางทีมชาติ เบลเยี่ยม ยังแอสซิสต์เป็นว่าเล่นหลังหายเจ็บกลับมาลงบู๊ได้

มองดูแล้ว หากทีม ผีแดง แพ้ด้วยสกอร์ที่เละเทะ เทน ฮาก คงไม่แคล้วโดนกูรูตามเฉ่งอีกตามเคยโดยเฉพาะ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ที่อดีตนายใหญ่ อาแจ็กซ์ เปิดศึกทำสงครามน้ำลายแบบเต็มตัวแล้วหลังโดนจวกในเกมแพ้ ฟูแล่ม และมีสิทธิ์รวมถึงบอร์ด แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยที่น่าจะตัดสินอนาคตของเขาได้ง่ายขึ้นโดยมีเกมฉะกับ แมนฯ ซิตี้ และเกมแดงเดือดเอฟเอคัพเป็นเครื่องชี้วัด


ที่มาของภาพ : getty images
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport