ที่สุดของ ฟุตบอลโลก 2022

ก่อนนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 ระหว่าง อาร์เจนติน่า กับ ฝรั่งเศส จะอุบัติขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ใครบางคนถามผมว่าศึก เวิลด์ คัพ ขบวนนี้คือศึก เวิลด์ คัพ ที่สะเด่าไปเลยอีน้องส์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ตามที่ท่านประธานฟีฟ่าคนปัจจุบันได้เอ่ยอ้างเอาไว้จริงหรือเปล่า ???

ผมตอบว่าขอให้นัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 มันจบลงอย่างสมบูรณ์แบบเสียก่อน

กระทั่งนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2022 ผ่านไปเรียบร้อย

คำตอบของผมคือ...ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง !!!

และต่อไปคือที่สุดของ ฟุตบอลโลก 2022 ในสายตาของผู้ชมทางบ้านอย่างผมแบบพอสังเขป

ทีมยอดเยี่ยม: อาร์เจนติน่า

ความพ่ายแพ้ต่อ ซาอุฯ ตั้งแต่เกมแรกส่งผลให้พลพรรคฟ้าขาวตกอยู่ในสภาวะฉุกเฉินโดยพลัน เพราะหากพลาดท่าพ่ายแพ้ในเกมต่อไป พวกเขาจะกระเด็นตกรอบทันที

หรือแม้กระทั่งนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม อาร์เจนติน่า ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แพ้

ฉะนั้นหลังจากความปราชัยในเกมแรก มันจึงเสมอหนึ่งนัดชิงชนะเลิศของ "ทีมเมสซี่" ทุกนัด

...ว่าแล้ว อาร์เจนติน่า ก็ค่อยๆ ยกระดับฟอร์มการเล่นของตัวเองให้สูงขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับฟอร์มการเล่นของ ลีโอเนล เมสซี่ ที่เปล่งปลั่งขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ก่อนระเบิดตูมออกมาในนัดชิงชนะเลิศที่เกือบจะเกิดเหตุการณ์แบบ "แอนตี้ ไคลแม็กซ์" อยู่รอมร่อ

ทั้งรูปแบบการเล่นที่เป็นไปตามสถานการณ์เฉพาะหน้า ความหื่นกระหายในชัยชนะที่ว่ากันแบบนัดต่อนัด

แน่นอนว่านอกจาก ลีโอเนล เมสซี่ และพวกพ้อง คนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จจนต้องต้องชื่นชมและเชิดชูอย่างจงหนักคือผู้เป็นกุนซือของพวกเขานี่แหละ

กุนซือยอดเยี่ยม: ลีโอเนล สกาโลนี่

เรียนตามตรงว่าก่อน เวิลด์ คัพ ฉบับอาหรับราตรีจะอุบัติ ผมอุทานว่า "ใครวะ" เมื่อได้ยินชื่อของ ลีโอเนล สกาโลนี่ ที่ไม่ได้อยู่ในทำเนียบของกุนซือระดับอ๋องด้วยซ้ำ

โค้ชหนุ่มผู้นี้เจอปัญหาตั้งแต่เกมแรกที่ดันพลาดท่าพ่ายแพ้ทีมรองบ่อนพร้อมฟอร์มการเล่นที่กระท่อนกระแท่น

แต่นี่แหละที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแก้ไขสถานการณ์ของเขา

ลีโอเนล สกาโลนี่ สามารถปรับเปลี่ยนระบบการเล่น ใช้เหลี่ยมเล่ห์ และวางกลยุทธ รวมถึงเลือกตัวผู้เล่นเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ไปเรื่อยๆ แถมพลิกแพลงสูตรการเล่นของทีมตัวเองไปเรื่อยตามสถานการณ์เฉพาะหน้าทั้งๆ 4-2-3-1, 4-3-3, 3-5-2 และ 4-4-2 ก่อนปล่อยทีเด็ดในนัดชิงชนะเลิศ

ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด คือสามารถใช้งาน ลีโอเนล เมสซี่ บนวัย 35 กะรัตให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ผู้เล่นยอดเยี่ยม: ลีโอเนล เมสซี่

พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของ อาร์เจนติน่า

เอาเป็นว่าถ้า อาร์เจนติน่า ชุดแชมป์โลก เมื่อ 1986 ไม่มี ดิเอโก้ มาราโดน่า พวกเขาก็จะไม่มีทางคว้าแชมป์

ขอยืนยันหนักแน่นว่า อาร์เจนติน่า ชุดนี้ ถ้าไม่มี ลีโอเนล เมสซี่ ก็ไม่มีทางคว้าแชมป์โลกได้เช่นกัน

บนวัย 35 เจ้าของสมญา "คิง เลโอ" ปรับรูปแบบการเล่นให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายได้อย่างยอดเยี่ยมดีนักแล  ท่านผู้ชมอาจไม่ได้เห็นลีลาการลากเลื้อยกินตัวคู่แข่งทีละ 3-4 คน แล้วเข้าไปสับไกยิง หรือแอสซิสต์ให้เพื่อนร่วมทีมทำลายตาข่ายเหมือนตอนหนุ่มๆ แต่มันถูกทดแทนด้วยการเล่นที่ชาญฉลาดมาก ไม่ว่าจะเป็นการวางบอลหลังไลน์ การจ่ายบอลที่มากด้วยคุณภาพและทะลุทะลวง รวมถึงการสร้างสรรค์เกมรุกที่เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ 

แม้นบางนัดจะถูกเอเลี่ยนลักพาตัวหายไปจากเกม  

บัดดลกลับโผล่ออกมาแสยะยิ้มสยดสยองพลางสับไกยิงเปรี้ยงเดียวหาย หรือการผ่านบอลแบบ "คิลเลอร์ พาสส์" ที่มีความเฉียบคมระดับบาดหินขาด 

และโดยไม่เว้นแม้แต่การสังหารจุดโทษที่เยือกเย็นยิ่งนักอันเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้ อาร์เจนติน่า พุ่งเข้าชนความยิ่งใหญ่

ประตูยอดเยี่ยม: ริชาร์ลิสัน

อืมมมมมม...นะ

คือในศึกฟุตบอลโลกหนนี้มีการทำประตูที่จัดอยู่ในประเภท "สวยลากไส้" จนสายลมและต้นหญ้าในสนามยังต้องโค้งคาราวะให้มากมายหลากหลายรูปแบบ สวยด้วยการยิง สวยด้วยการเข้าทำ 

ผมชอบลูกยิงของ คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ แห่งทีมชาติฝรั่งเศสในรอบ 16 ทีมที่เอาชนะโปแลนด์ 3-1 หรือการวอลเล่ย์ลูกเข้าไปซุกตาข่ายในนัดชิงชนะเลิศอันเกิดขึ้นในสภาวะที่กดดันหนักหน่วง

แต่หลังจบพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ขอยกให้การยิงของ ริชาร์ลิสัน แห่งทีมชาติบราซิลในเกมที่เอาชนะ เซอร์เบีย ด้วยสกอร์ 2-0

เมื่อหัวหอกสายพันธุ์แซมบ้าจับบอลกระดกขึ้น ก่อนกระโดดฟาดลูกเข้าไปตุงตาข่าย 

เกมยอดเยี่ยม: นัดชิงฯ 🇦🇷 vs 🇫🇷

จากทั้งหมด 64 นัดในศึกฟุตบอลโลก 2022 ขอบอกว่าเกมที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองที่สุด มันมาเกิดขึ้นในนัดสุดท้าย

ด้วยครบทุกรสชาติ ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด แล้วกะซวกพริกขี้หนู 300 เม็ดลงไปในหม้อทองแดงยมบาล - สถานการณ์ที่บีบหัวใจ - การยิงกันสนั่นจอ ก่อนจะกินกันไม่ลงจนต้องมาตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ 

เรียกว่าเป็นเกมมีทั้งคุณภาพและความบันเทิงอัดแน่นในตัวเอง

ผู้ชมทางบ้านอย่างผมไม่เคยพลาดนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก มาตั้งแต่ปี 1982

ขอบอกว่านี่คือนัดชิงฯ ยอดเยี่ยมที่เอาชนะแชมป์เก่าในสายตาของผมอย่างนัดชิงฯ ปี 1986 (อาร์เจนติน่า ชนะ เยอรมัน ตะวันตก 3-2) ลงแบบราบคาบ แถมสะเด่าไปเลยอีน้องมากที่สุดเท่าที่เคยดูมาเลยทีเดียว

11 ผู้เล่นยอดเยี่ยม (4-3-3)

ผู้รักษาประตู: เอมี่ มาร์ติเนซ (อาร์เจนติน่า)

กองหลัง: ฮาชราม ฮาคิมี่ (โมร็อคโก), แฮร์รี่ แม็กไกวร์ (อังกฤษ), ยอสโก้ กวาร์ดิโอล (โครเอเชีย), เตโอ แอร์กน็องเดซ (ฝรั่งเศส)

กองกลาง: ลูก้า โมดริช (โครเอเชีย), เอ็นโซ เฟร์นานเดซ (อาร์เจนติน่า), อ็องตวน กรีซมันน์ (ฝรั่งเศส)

กองหน้า: ฮาคิม ซีเย็ก (โมร็อคโก), ลีโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า), คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ (ฝรั่งเศส)

บอ.บู๋



ที่มาของภาพ : Siamsport
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport