เอ็มบั๊ปเป้ ยังเข้มไม่เท่า! 3 อันดับค่าเฉลี่ยการทำประตูดีสุดใน ฟุตบอลโลก

ยังคงเดินหน้าสานต่อผลงานอันยอดเยี่ยมได้ต่อไป สำหรับ คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส หลังจากล่าสุดทำ 2 ประตูจนช่วยให้บ้านเกิดเอาชนะ โปแลนด์ 3-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของ ฟุตบอลโลก 2022 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา

จนถึงตอนนี้ เอ็มบั๊ปเป้ ทำประตูในศึก ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ไปได้แล้ว 9 นัด พร้อมกับสามารถทำสถิติได้หลายอย่าง อาทิเช่น การเป็นนักเตะคนแรกที่ทำประตูในรอบสุดท้ายของศึก ฟุตบอลโลก ได้อย่างน้อย 8 ประตูก่อนที่จะมีอายุครบ 24 ปี หรือการเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูในรอบน็อกเอาท์ของรายการ ฟุตบอลโลก ได้แตะหลัก 5 ลูก นับตั้งแต่ที่ เปเล่ เคยทำเอาไว้เมื่อปี 1958 หลังจากตอนนี้ เอ็มบั๊ปเป้ มีอายุ 23 ปีกับ 349 วัน เป็นต้น

ทั้งนี้ 9 ประตูที่ เอ็มบั๊ปเป้ ทำได้ในศึก ฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายนั้น มาจากการลงเล่นไปทั้งหมด 11 นัด คิดเป็นค่าเฉลี่ยได้ 0.82 ลูกต่อ 1 เกม ซึ่งนั่นก็ถือเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจแล้ว อย่างไรก็ตาม มันยังมีคนที่มีค่าเฉลี่ยน่ามหัศจรรย์กว่านั้นอีก โดยวันนี้เราจะมานำเสนอคนที่ติด 3 อันดับแรกในชาร์ตดังกล่าว โดยจะดูเฉพาะคนที่ทำประตูได้อย่างน้อย 5 ลูกเท่านั้น


3. กิเยร์โม่ เอสตาบิเล่ (อาร์เจนตินา), โยเซฟ ฮูกี้ (สวิตเซอร์แลนด์), โอเล็ก ซาเลนโก้ (รัสเซีย) : 2.00 ลูกต่อ 1 นัด

ฮูกี้ เคยมีส่วนร่วมกับศึก ฟุตบอลโลก แค่ครั้งเดียว นั่นคือปี 1954 ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพ ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้ตรงตามที่แฟนๆ เจ้าถิ่นตั้งความคาดหวังเอาไว้ โดยเฉพาะการทำแฮตทริกได้ในรอบก่อนรองชนะเลิศที่เจอกับ ออสเตรีย แต่วันนั้น สวิตเซอร์แลนด์ แพ้ไป 5-7 ทำให้เขามีโอกาสได้ลงเล่นเกม ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย เพียงแค่ 3 นัดเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังทำได้รวมแล้ว 6 ประตู

ขณะที่ ซาเลนโก้ มีโอกาสได้โชว์ฝีเท้าใน ฟุตบอลโลก แค่หนเดียวเช่นกัน ได้แก่ปี 1994 ซึ่งแข่งกันที่ สหรัฐอเมริกา และเขาก็ทำได้ 6 ประตูจากการลงเล่น 3 นัดเหมือนกับ ฮูกี้ แต่ที่ต่างออกไปคือมันมีเกมหนึ่งที่เขาทำได้ถึง 5 ประตู ได้แก่นัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี นัดที่ "หมีขาว" ถล่ม แคเมอรูน 6-1 โดยสุดท้าย ซาเลนโก้ ก็เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนท์นั้นร่วมกับ ฮริสโต้ สตอยช์คอฟ ตำนานดาวเตะชาวบัลแกเรียด้วย

ส่วน เอสตาบิเล่ ก็เคยได้ลงเล่น ฟุตบอลโลก แค่สมัยเดียว โดยของเขาต้องย้อนไปถึงเมื่อปี 1930 หรือก็คือครั้งแรกที่มีการแข่ง ฟุตบอลโลก แต่ เอสตาบิเล่ ก็โชว์ฟอร์มได้สุดยอดด้วยการกดไป 8 ประตูจากการลงเล่น 4 นัด ทำให้เขาเป็นดาวซัลโวสูงสุดของรายการดังกล่าว แต่น่าเศร้าที่ "ฟ้า-ขาว" ได้เพียงรองแชมป์หลังจากในนัดชิงชนะเลิศไปแพ้ให้ อุรุกวัย 2-4

2. ฌุสต์ ฟงแตน (ฝรั่งเศส) : 2.17 ลูกต่อ 1 นัด

ฟงแตน เคยผ่านศึกฟุตบอลโลกแค่ครั้งเดียว นั่นคือตอนปี 1958 แต่ผลงานของเขาบนแผ่นดินของ สวีเดน ในครั้งนั้นแค่ครั้งเดียวมันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาได้รับการจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นหนึ่งในนักเตะชั้นยอดของโลกลูกหนัง

ฟงแตน ประเดิมทัวร์นาเมนท์ได้อย่างสวยหรูด้วยการทำแฮตทริกพา ฝรั่งเศส ไล่ต้อน ปารากวัย 7-3 ส่วนในนัดสองของรอบแบ่งกลุ่มเขาทำได้ 2 ลูกในเกมที่แพ้ ยูโกสลาเวีย 2-3 ขณะที่นัดสุดท้ายเขาทำได้ 2 ประตูจนช่วยให้ ฝรั่งเศส ชนะ สกอตแลนด์ 2-1 ส่งผลให้ ฝรั่งเศส เข้ารอบน็อคเอาท์ในฐานะแชมป์ของกลุ่ม 2

พอถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ฟงแตน ก็ทำ 2 ประตูให้ทีมชนะ ไอร์แลนด์เหนือ 4-0 ส่วนในรอบรองชนะเลิศแม้ว่าเขาจะทำประตูได้แต่ ฝรั่งเศส ก็แพ้ บราซิล 2-5 ถึงกระนั้น ในนัดชิงอันดับ 3 ฟงแตน ก็ทำคนเดียว 4 ลูกจนช่วยให้ ฝรั่งเศส ชนะ เยอรมัน ตะวันตก 6-3

สรุปแล้ว ฟงแตน ทำได้ถึง 13 ประตูจากการลงเล่น 6 นัด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาคือดาวซัลโวสูงสุดของทัวร์นาเมนท์นั้น และจนถึงตอนนี้เขายังเป็นเจ้าของสถิติการทำประตูได้มากที่สุดต่อการเล่น ฟุตบอลโลก 1 ครั้งด้วย

1. ซานดอร์ ค็อกซิส (ฮังการี) : 2.20 ลูกต่อ 1 นัด

ฟุตบอลโลก 1954 ถือเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ ค็อกซิส เคยมีส่วนร่วมในทัวร์นาเมนท์ระดับนั้น แต่เขาก็ได้รางวัลดาวซัลโวสูงสุดของรายการไปนอนกอด หลังจากทำได้ถึง 11 ประตูจากการลงเล่นเพียงแค่ 5 นัดเท่านั้น

ส่วนสำคัญที่ทำให้ ค็อกซิส ยิงได้กระจายขนาดนั้นเป็นเพราะเขาทำแฮตทริกได้ถึง 2 หนนั่นเอง ส่งผลให้เขาเป็นนักเตะคนแรกที่ทำแฮตทริกได้อย่างน้อย 2 ครั้งต่อการเล่น ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย 1 สมัย ก่อนที่หลังจากนั้นจะมีคนทำแบบเขาได้อีก 2 คน

สำหรับนัดแรกที่ ค็อกซิส ทำแฮตทริกได้นั้น คือนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม 2 นัดที่ ฮังการี ชนะ เกาหลีใต้ 9-0 เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ปี 1954 และในอีก 3 วันให้หลังเขาก็ระเบิดฟอร์มโหดด้วยการทำ 4 ลูกจนพาทีมถล่ม เยอรมัน ตะวันตก 8-3

ขณะที่ในรอบก่อนรองชนะเลิศกับ บราซิล และรอบรองชนะเลิศกับ อุรุกวัย เขาก็ทำได้นัดละ 2 ประตูด้วยจนทำให้ทีมชนะด้วยสกอร์ 4-2 ทั้งนี้ 2 เกม เพียงแต่ในเกมกับ อุรุกวัย นั้น ฮังการี เอาชนะได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษหลังจบ 90 นาทีเสมอกัน 2-2 ซึ่งคนที่ทำทั้ง 2 ลูกในช่วงต่อเวลาพิเศษให้กับ ฮังการี ก็คือ ค็อกซิส นั่นเอง

น่าเศร้าที่เกมเดียวในรายการนั้นที่ ค็อกซิส ทำประตูไม่ได้ มันดันเกิดขึ้นในนัดชิงชนะเลิศพอดิบพอดี ส่งผลให้ ฮังการี แพ้ เยอรมัน ตะวันตก 2-3 จนทำให้ ฮังการี ได้ตำแหน่งรองแชมป์โลกเป็นครั้งที่ 2


- เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport