ถึงแม้จะมาในฐานะแชมป์เก่า ทว่ากว่าพวกเขาจะขึ้นไปยืนบนโพเดี้ยมผู้ได้เหรียญทองได้นั้น ต้องบอกว่าเลือดตาแทบกระเด็น เพราะคู่ต่อสู้ในรอบชิงของพวกเขาไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็น "สุพรรณบุรี" คู่ปรับตลอดกาลที่แย่งตำแหน่งเจ้าเหรียญทองกีฬาเยาวชนแห่งชาติมาเป็นสิบๆปี

ในประเภททีมหญิง แม้ในคู่เดี่ยวมือ 2 ทาง "สบาย" กมรวรรณ ก้อนศิลา ของกทม. จะกำราบ "แตะเตี้ยม" ปริยากร ศรีสุริยาพัฒน์กุล ไปได้ไม่ยาก 2-0 เซต แต่ในคู่เดี่ยวมือ 1 แม้ "บัว" กมลวรรณ ยอดเพ็ชร จะเป็นเต็งหนึ่งของรายการ แต่ก็ต้องใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง กว่าจะเบียดคว้าชัยเหนือรุ่นพี่ร่วมเยาวชนทีมชาติอย่าง "แอสต้า" พิมพ์มาดา ทองคำ ของสุพรรณฯ ได้ 2-1 เซต

ขณะที่ประเภททีมชาย สู้กันมันหยดติ๋งๆ เสมอกัน 1-1 คู่ในสองคู่แรก ก่อนที่สุดท้ายในประเภทคู่ "สมาร์ท" ปวรปัรัชญ์ งั่นบุญศรี กับ "เปนเน่" เปน จารุศร จะเอาชนะ วงศ์วรัณ วงศ์เจริญ กับ ปัญณ์ณวัชญ์ สุทธิสมบูรณ์ ได้ 2-0 เซต ป้องกันเหรียญทองได้ทั้งทีมชายและทีมหญิง 2 สมัยซ้อน ชนิดสะใจกองเชียร์ในสนามมากๆ ทั้งฝั่งกทม.และฝั่งสุพรรณฯ เพราะคู่นี้ใช้เวลาตียาวนานร่วม 5 ชั่วโมงกว่า

นายวิเชษฐ์ ทีปกากร ผู้จัดการทีมเทนนิสกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาถือเป็นช่วงที่เทนนิสเยาวชนกรุงเทพฯ ท็อปฟอร์มอย่างมาก จากที่ปกติจะแบ่งเหรียญกับทางสุพรรณบุรีมาโดยตลอด แต่เมื่อนครสวรรค์เกมส์ครั้งที่แล้ว กทม.กวาดได้ถึง 6 ทองจาก 7 อีเวนต์ และครั้งนี้ก็สามารถเหมาทองประเภททีมได้ทั้งชายและหญิง ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะนักกีฬาส่วนใหญ่เป็นผู้เล่นระดับเยาวชนทีมชาติที่พวกเขากำลังพยายามแสดงผลงานให้คนทั่วประเทศได้เห็นว่าเขาดีพอที่จะก้าวไปสู่ชุดใหญ่ และตนมองว่าพวกเขาทำได้แน่ ไม่ใช่แค่ในรายการนี้ที่ตนมองว่ามีสิทธิ์จะคว้าเจ้าทองได้อีกสมัย หากแต่สามารถไปไกลได้ในระดับโลกเลยทีเดียว