ภ.ป.ร.เหนือชั้นป้องกันแชมป์รักบี้ประเพณีได้อีกสมัย

ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย โชว์ฟอร์มดุ เอาชนะ วชิราวุธวิทยาลัย 30-7 จุด ในการแข่งขันรักบี้ประเพณี "วชิราวุธวิทยาลัย-ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย" ครั้งที่ 29 โดยป้องกันแชมป์ได้อีกสมัย

พลเรือเอก พงษ์เทพ หนูเทพ องคมนตรี เป็นประธานการแข่งขันรักบี้ประเพณี "วชิราวุธวิทยาลัย-ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย" ครั้งที่ 29 ชิงถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่สนามศุภชลาศัย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 23 ธ.ค.66 โดยศึกรักบี้ประเพณี "วชิราวุธวิทยาลัย-ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย" ครั้งนี้ สมาคมนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัย เป็นเจ้าภาพ ซึ่งสถิติพบกัน 28 ครั้งเป็น ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ที่เอาชนะได้ 18 ครั้ง วชิราวุธเอาชนะได้ 8 ครั้ง และ เสมอกัน 2 ครั้ง แต่ใน 4 ครั้งหลังสุดเป็นชัยชนะของ ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย

ด้านรายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีมนั้น ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในฐานะแชมป์เก่า ยังนำโดย 3 ทหารเสืออย่าง พิชญ์พงษ์ พลายบัว, วุฒิพงศ์ สกุลเทียนทอง และ วุฒิกร แก้วเขียว ที่ผนึกกำลังกับ ณัฐพงศ์ ภาสพานทอง, อิทธิเชษฐ์ ภัทรวัชรกุล, ยศกร วัชรคงศักดิ์, ณภันต์ เด่นลำไพ, อดิเทพ เกียรติพัฒนาชัย, ภาณุพงศ์ พ่วงพันธ์ ขณะที่ วชิราวุธ ได้นักรักบี้ทีมชาติไทยชุดปัจจุบันนำโดย อัครินทร์ ฐิติสกุลวิทย์, อภิชัย พิชัยกมล, พชร พลปัถพี, ชวกร ศิวปรีชากุล และยังมี ฆฤณ ลักษณสมพงศ์ และ สิชล นครินทร์ ลงสนาม

เริ่มเกม ภ.ป.ร. ที่ออกนำไปก่อน 3-0 จุด ในนาทีที่ 11 จากการเตะโทษของ พิชญ์พงษ์ พลายบัว จากนั้นนาทีที่ 20 วุฒิกร แก้วเขียว วิ่งเข้าไปวางทรัยทางริมเส้นฝั่งซ้าย และ พิชญ์พงษ์ เตะเปลี่ยนเข้าไปอีก นำห่างเป็น 10-0 จุด ถัดจากนั้นเพียง 3 นาที ภ.ป.ร.ฉีกไปเป็น 17-0 จุด จาก ทรัยของ ภาณุพงศ์ พ่วงพันธ์ และ พิชญ์พงษ์ เตะเปลี่ยนเข้าไป และในนาทีที่ 28 พีระพล ชูควร วางทรัยและพิชญ์พงษ์ เตะเปลี่ยนเข้าไป นำห่างถึง 24-0 จุด

ครึ่งหลัง วชิราวุธ แก้เกมด้วยการส่ง วรงค์กรณ์ คำเกิด อดีตกัปตันทีมชาติไทย ลงไปยืนคุมแนวรับคอยสั่งการในแดนหลัง แต่นาทีที่ 51 พิชญ์พงษ์ เตะโทษให้ ภ.ป.ร.นำห่าง 27-0 จุด ต่อมาในนาทีที่ 69 พิชญ์พงษ์ ยังโชว์ความแม่นเตะโทษเข้าไปอีกทำให้ ภ.ป.ร.นำห่าง 30-0 จุด จากนั้นนาทีที่ 76 วชิราวุธ บุกอย่างหนัก และเป็นทาง วรงค์กรณ์ คำเกิด วางทรัยและลุกขึ้นมาเตะเปลี่ยนเข้าประตูตีไข่แตกเป็น 7-30 จุด แต่สุดท้ายก็ไล่ไม่ทันทำให้จบเกม ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย เอาชนะไป 30-7 จุด ป้องกันแชมป์ได้อีก 1 สมัย


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport