ทิ้งอนาคตลีกสูงสุด ไปลีกล่าง เรียนจบ ตกงาน ตอนนี้ติดธง เงินเดือนพุ่ง 60 เท่า

ชีวิตของเด็กเมืองเหนือ ที่เริ่มเล่นฟุตบอลด้วยความสนุกใน อำเภอขุนตาล จ.เชียงราย ก่อนตัดสินใจย้ายมาเรียนมัธยม 1 ที่โรงเรียน อบจ.เชียงราย เพียงเพราะอยากมีอนาคตด้านฟุตบอล ซึ่ง "เจ้าไนซ์" ชานุกูล ก๋ารินทร์ พร้อมเพื่อนร่วมโรงเรียนเก่า ตัดสินใจมาเช่าหออยู่กันเอง พร้อมกับได้เรียนฟรี และเล่นฟุตบอลควบคู่กันไป

ชีวิตที่พลิกไปมาช่วงมัธยมต้นจนถึงมัธยมปลาย

ช่วงที่ร่ำเรียนอยู่ม.1 อายุ 13 ปี เคยมีแมวมองของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน เรียกไปคัดตัว แต่เนื่องจากรุ่นอายุ 13 ปีของเจ้าตัวเปิดคัดไปแล้ว “เจ้าไนซ์”เลยต้องไปคัดในรุ่น 16 ปี ปรากฏว่าผ่านแค่ทักษะ แต่ลงทีมเจอรุ่นพี่ตัวใหญ่ปะทะจนยุบ อดเข้าคริสเตียนไปอย่างน่าเสียดาย

เมื่อเรียนจบม.3 ที่ร.ร.อบจ.เชียงราย เจ้าตัวเตรียมจะไปคัดที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ในกรุงเทพฯ แต่ตอนนั้นสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด ได้เตรียมทำอะคาเดมี่พอดี ก็เลยมาคุยกับเจ้าตัวให้ลองไปคัดก่อน ปรากฏว่าคัดติดอะคาเดมี่ของสโมสร จนขึ้นม. 5 ก็เซ็นเข้าชุดใหญ่ของสโมสร มีโอกาสได้เล่นสำรองอยู่ 2 แมตช์ ซึ่งรับเงินเดือน 3 พันบาท แต่มีเบี้ยเลี้ยงซ้อมรายวันให้ด้วย ก่อนถูกปล่อยยืมไปอุตรดิตถ์ ในดิวิชั่น 2 ตอนนั้น และอีกปีถัดมาไปเล่น น่าน เอฟซี พร้อมกับร่ำเรียนไปจนจบม.6

ทิ้งอนาคตลีกสูงสุด ไปเล่นลีกล่าง

"เจ้าไนซ์" เล่าให้ฟังว่า ช่วงใกล้จบม.6 สัญญากับอะคาเดมี่ เชียงรายก็จะหมดพอดี ได้รับการติดต่อจากม.นอร์ท กรุงเทพ ทีมในไทยลีก 3 ให้ไปทดสอบฝีเท้า 1 สัปดาห์ เจ้าตัวพร้อมเพื่อนก็ไปลองทดสอบ ก่อนกลับมาเชียงราย ซึ่งช่วงนั้นทางผู้บริหารเชียงราย เองก็ได้เตรียมสัญญาใหม่ให้เจ้าตัวแล้ว

"ช่วงนั้น ผมได้เล่นโค้กคัพให้เชียงราย จบเกมนัดสุดท้ายวันนั้น รุ่งขึ้นเชียงรายจะนัดเซ็นสัญญาใหม่ แต่ผมได้รับข้อเสนอจากม.นอร์ทกรุงเทพ ให้ไปเล่น โดยได้เงินเดือน 18,000 บาท พร้อมให้เรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ซึ่งผมตัดสินใจไม่บอกใคร นั่งรถตอนเช้าเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปเซ็นกับม.นอร์ทกรุงเทพ เลย ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าสัญญากับเชียงรายมีข้อเสนออย่างไร บอกตามตรงตอนนั้นก็ยังงงกับการตัดสินใจของตัวเอง"

เล่นจนเรียนจบ แต่ตกงานไม่มีทีมเล่น

ระหว่างเล่นให้ม.นอร์ทกรุงเทพ ปรากฏว่าเพื่อนร่วมรุ่นอะคาเดมี่ของเชียงรายอย่าง เอกนิษฐ์ ปัญญา กับ โชติภัทร พุ่มแก้ว ได้มีโอกาสเล่นลีกสูงสุดกับเชียงรายแล้ว "เจ้าไนซ์" ยอมรับว่ารู้สึกเสียดายเหมือนกันที่ทิ้งอนาคตตัวเองจากเมืองเหนือมาเล่นลีกล่าง แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเล่น ระหว่าง 5 ปีที่เล่น ก็มีโอกาสได้อุ่นกับสโมสรใหญ่ในไทยลีกหลายทีม มีหลายทีมสนใจ แต่เพราะมีค่าฉีกสัญญา 5 แสน ทำให้หลายทีมเลือกที่จะรอให้หมดสัญญาแล้วค่อยว่ากัน

"พอเรียนจบ สัญญาหมด ผมอายุตอนนั้น 23 ปีแล้ว นอร์ทกรุงเทพ ก็อยากต่อสัญญาแต่เรามีเอเย่นต์แล้วก็อยากเล่นลีกที่สูงกว่านี้ เลยให้เอเย่นต์หา ส่วนเราก็กลับบ้านที่เชียงรายไปรอเป็นเดือน ตกงานตอนนั้น จนมีทีมในภาคเหนือในไทยลีก 3 ติดต่อมาจะให้ 5 หมื่นต่อเดือน ผมก็ยังลังเล ขอผ่อนผันเขา เพื่อรอเอเย่นต์หาทีมจากลีกสูงสุดก่อน สุดท้ายเอเย่นต์ก็หาไม่ได้ ติดต่อกันยาก เลยโทรไปหาว่าทีมที่สนใจจะให้ 5 หมื่น เขาบอกตอนนี้ให้ได้แค่ 3 หมื่น - 3 หมื่น 5 ผมเลยตัดสินใจยังไม่ตกลง"

ฝีเท้าเบิกทาง ต่อรองทีมลีกสูงสุดจนได้เล่น

เมื่อไม่ตกลงกับทีมในไทยลีก 2 ด้วยเหตุเงินเดือนเปลี่ยนไป "เจ้าไนซ์" ก็ได้รับการติดต่อจากโค้ชเก่าคือ "โค้ชแบงค์" ของ ม.นอร์ทกรุงเทพ ที่ติดต่อให้กลับไปเล่น โดยมีข้อเสนอเดียวกันคือ เดือนละ 3 - 3.5 หมื่นบาท แต่ "โค้ชแบงค์" ก็บอกว่า เอาอย่างนี้เดี๋ยวจะติดต่อเทโรฯให้ เพราะ "โค้ชแบงค์" รู้จัก "โค้ชอ้น" รังสรรค์ ให้ไปลองทดสอบฝีเท้าก่อน ถ้าไม่ติดค่อยกลับมาเล่นให้นอร์ทกรุงเทพ

"ผมไปซ้อมที่เทโรฯ 1 สัปดาห์ พอครบ "พี่อ้น" เดินมาบอกว่า อยากให้ลองซ้อมต่อสัก 1 เดือน แต่ผมปฏิเสธเพราะบอกว่าจะต้องให้คำตอบกับนอร์ทกรุงเทพแล้ว "พี่อ้น" ก็เลยเสนอเงินเดือนให้ 3.5 หมื่นในปีแรก ส่วนปีที่สอง 4 หมื่น และเพิ่มเป็น 5 หมื่นในสัญญา 3 ปีที่เซ็น ผมก็ตกลง เพราะนี่คือความฝันที่จะได้เล่นลีกสูงสุดเป็นจริง"

โอกาสมาเร็วเกินคาด คว้าได้จนติดธง

ช่วงปรีซีซั่นก็ซ้อมกับเทโรฯ เกือบ 2 เดือน เปิดฤดูกาลไปจนถึงนัดที่ 5 ผมได้ลงเล่นตลอดในฐานะตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงไป แต่ผลงานของทีมยังชนะใครไม่เป็น จนเกมที่ 6 "พี่อ้น" ก็ส่งผมลงตัวจริงนัดเจอสมุทรปราการ ซิตี้ เกมนั้นจบที่ผลเสมอ หลังจากนั้นผมก็ถูกส่งลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่อง จนปีที่ 2 กับเทโรฯ ก็มีชื่ออยู่ในลิสต์ทีมชาติเตะอาเซี่ยนคัพ แต่หลุด ก่อนจะมีชื่อติดและได้ไปอุ่นเครื่องกับชุดใหญ่ที่ยูเออี เมื่อปีที่แล้ว

"มันเหมือนความฝันนะครับ อย่าว่าแต่ติดทีมชาติเลย เล่นลีกสูงสุดยังแทบไม่เคยคิด ตอนอยู่ที่ม.นอร์ทกรุงเทพ คิดว่าคงไม่มีโอกาสได้เล่นในไทยลีก 1 กับเขาแล้ว แต่นี่ได้เล่นแล้วยังติดททีมชาติ มันเกินฝันจริง ๆ"

จากเริ่มต้น จบที่เจ้าท่า เงินพุ่ง 60 เท่า

หลังจากกลับจากยูเออีกับทีมชาติไทย "เจ้าไนซ์" ก็ได้รับข่าวดีว่าสโมสรใหญ่ อย่าง การท่าเรือ ได้ติดต่อมา และทั้งสองสโมสรตกลงกันด้วยดี โดยได้รับเงินเดือนอยู่ในราว 180,000 บาท ซึ่งหมายถึงรายได้ที่พุ่งจากที่เคยอยู่อะคาเดมี่ 3 พันต่อเดือน เป็น 60 เท่าพอดี ถึงตอนนี้เจ้าตัวสามารถนำรายได้มาปลดหนี้ให้ทางบ้านจนเป็นไท และเตรียมจะสร้างหลักฐานให้กับตัวเองทั้งซื้อบ้านและซื้อรถในอนาคตอันใกล้นี้แล้ว

เป้าหมายต่อจากนี้ของ ชานุกูล ก๋ารินทร์ คือการยึดตำแหน่งตัวจริงของการท่าเรือ และสร้างผลงานให้สโมสรเต็มที่ รวมถึงการมีชื่อติดทีมชาติซึ่งคือโบนัสจากผลงาน พร้อมกับขอบคุณผู้ใหญ่สโมสรเชียงราย ยูไนเต็ด, ม.นอร์ทกรุงเทพ และโปลิศ เทโรฯ ที่ทำให้เขามีวันนี้


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport