พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และบทบาท 'แบ็กซ้าย' จำเป็น

พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล และบทบาท 'แบ็กซ้าย' จำเป็น
หากนึกชื่อของกองกลางชาวไทย ที่มีฝีเท้าอยู่ระดับแถวหน้าวงการลูกหนังแดนขวานทอง พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล ย่อมอยู่เคียงข้าง สารัช อยู่เย็น, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, ศิวกรณ์ เตียตระกูล และคนอื่นๆ แน่นอน

   มิดฟิลด์ชาวระยอง เติบใหญ่มาจาก เจเอ็มจี อะคาเดดมี่ ไทยแลนด์ (JMG Academy Thailand) สถาบันฟุตบอลที่ฝึกเยาวชนอายุน้อยจนกลายเป็นผู้เล่นโด่งดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ยาย่า ตูเร่, แชร์วินโญ่, โซลามง กาลู และอีกมากมาย

   กระทั่งเข้าโรงเรียนลูกหนังจากฝรั่งเศส เข้ามารวมเป็นหนึ่งเดียวกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งนั่นทำให้ พิธิวัตต์ มาต่อยอดในรั้ว ธันเดอร์โดม 

   เขาคือหนึ่งในดาวจรัสแสงของรุ่น ร่วมกับ พิชา อุทรา, สุพร ปีนะกาตาโพธิ์ รวมไปถึง สุริยา สิงห์มุ้ย ที่กวาดแชมป์มากมายในระดับเยาวชน

   อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่กิเลนผยองอุดมไปด้วยกองกลางชั้นนำของประเทศ ณ เวลานั้น - พิธิวัตต์ จึงย้ายไปหาความท้าทายที่ เชียงราย ยูไนเต็ด ในปี 2017

   เด็กหนุ่มจากระยอง ยังคงมุ่งมั่นฝึกซ้อมและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะพากว่างโซ้งมหาภัยพุ่งชนความสำเร็จทุกรายการ โดยเฉพาะ ไทยลีก ซีซั่น 2019 ที่ส่งผลให้เจ้าตัวได้รับเลือกให้เป็น 'นักเตะยอดเยี่ยม' ประจำฤดูกาลอีกด้วย

   แน่นอนว่ามันทำให้เขาติดทีมชาติไทย เป็นหนแรกในชีวิต

   นับตั้งแต่นั้นเรื่อยมา พิธิวัตต์ ก็กลายเป็นขาประจำของทัพช้างศึก โดยเฉพาะช่วงที่ อากิระ นิชิโนะ เป็นกุนซือ - เทรนเนอร์ชาวญี่ปุ่น ชื่นชอบมิดฟิลด์คนนี้มากๆ จนแทบจะจองตัวจริงแบบถาวรเลยทีเดียว

   ทักษะดี, เล่นง่าย, วิสัยทัศน์กว้างไกล, บอลสั้น-ยาวแม่นยำ, อ่านเกมเฉียบและที่สำคัญคือเรื่องของวินัยที่ไม่มีหลุดตลอดทั้ง 90 นาทีในสนาม

   ฝีเท้าของ พิธิวัตต์ รุดหน้าขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งถูก บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ทุบคลังสโมสรเพื่อกระชากตัวเขามายืนเคียงข้าง สารัช ในรั้ว บีจี สตเดี้ยม ในปี 2022

   ตามหน้าเสื่อ มันคือคู่มิดฟิลด์ในฝัน แต่ผลงานของกระต่ายแก้วในฤดูกาลนั้นกลับเป็นไปในทางตรงกันข้าม

   จากผลงานที่ย่ำแย่ ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับ เดอะ บลู แมชีน - นักเตะชั้นนำทั้งไทย และเทศ ตบเท้าเข้าสู่สโมสรหลายราย ไล่ตั้งแต่ อิกอร์ เซอร์เกเยฟ, เฟร็ดดี้ อัลวาเรซ, ดานิโล่, เรนาโต้ เคลิช, ชินภัทร ลีเอาะ และซูเปอร์สตาร์หมายเลขหนึ่งของดินแดนสุวรรณภูิม ชนาธิป สรงกระสินธุ์

   รวมไปถึง ธงชัย สุโกกี ที่ถูกดึงมาเฮดโค้ช พร้อมภารกิจอันยิ่งใหญ่ นั่นคือ 'แชมป์' สถานเดียวเท่านั้น

   เมื่อบวกกับทรัพยากรที่มีอยู่ นี่คือขุมกำลังที่สามารถคว้าทุกถ้วยในเมืองไทย ได้ไม่ยาก

   แน่นอนว่า พิธิวัตต์ ก็เป็นหนึ่งในผู้เล่นเสาหลัก หากไม่เจ็บหรือไม่ติดโทษพักแข้ง ยังไงใน 11 ตัวจริง ก็ต้องมีชื่อของเขาอยู่ในนั้น

   นัดเปิดฤดูกาล 2023-24 ที่บุกไปเสมอ โปลิศ เทโร เอฟซี 2-2 มิดฟิลด์วัย 28 ปี ก็ออกสตาร์ตในตำแหน่งกองกลางร่วมกับ สารัช โดยมี ชนาธิป เป็นเพลย์เมเกอร์อยู่หลังแนวรุก

   ทว่าเกมนั้น พิธิวัตต์ ต้องมาเล่น 'แบ็กซ้าย' หลังจากที่ อัลวาเรซ ลงมาแทน อภิสิทธิ์ โสรฎา ในนาทีที่ 59

   มันใช่ตำแหน่งที่คุ้นตา เพราะว่าเขายืนปักหลักอยู่แดนกลางมาตั้งแต่เด็กๆ และก็แทบไม่เคยขยับไปเล่นพื้นที่อื่นเลย หากไม่จำเป็นจริงๆ

   ดังนั้นการที่ พิธิวัตต์ ต้องรับบทแบ็กซ้าย คงจะเป็นเรื่องจำเป็นจริงๆ ของ บีจี ปทุม เช่นกัน

   พอถึงเกมที่สองกับการเปิดบ้านพบ ประจวบ เอฟซี - กลายเป็นว่าเขาก็ต้องเล่นแบ็กซ้ายเช่นเดิม แต่หนนี้แตกต่างนิดหน่อย เพราะว่ากระต่ายแก้วใช้ระบบกองหลัง 3 คน 

   ผลการแข่งขันจบลงด้วยการเสมอ 0-0 

   นับจากนั้นอีก 8 เกม (รวมเป็น 10 นัด) มีเพียง 2 แมตช์ ที่เขาไม่ต้องรับบทแบ็กซ้าย คือนัดชนะ อุทัยธานี เอฟซี 2-0 และถล่ม เมืองทอง 5-2 

   นอกนั้นไม่ออกสตาร์ตด้วยตำแหน่งแบ็กซ้าย ก็ถูกขยับมายืนตรงนี้ระหว่างการแข่งขัน 

   โดยเฉพาะในถ้วย เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก ตั้งแต่รอบเพลย์-ออฟ มาจนถึงรอบแบ่งกลุ่ม พิธิวัตต์ เล่นแบ็กซ้ายทุกเกม แต่มีเพียงนัดเดียวเท่านั้นที่เจ้าตัวอยู่ในสนามครบ 90 นาที นันคือแมตช์แพ้ อุลซาน ฮุนได 1-3

   แม้ว่าผลงานโดยรวมของเขาจะไม่ถือกับแย่นัก ด้วยมาตรฐานของตนเอง รวมไปถึงความเข้าใจเกมและแท็กติกที่ทำได้ตามแผนของโค้ช แต่ตำแหน่งจริงๆ ของหมอนี่คือกองกลาง ดังนั้นการขยับออกไปยืนทางฝั่งซ้าย จึงเหมือนลดทอนศักยภาพของอดีตกัปตัน เชียงราย ลงไป 

   ปัจจุบัน บีจี ปทุม มีแบ็กซ้ายธรรมชาติอยู่ 2 ราย คือ อภิสิทธิ์ และ วัฒนากร สวัสดิ์ละคร แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ทั้งคู่ยังไม่อาจสอดแทรกสู่ทีมชุดแรกได้อย่างสม่ำเสมอ

   กลับเป็น พิธิวัตต์ ที่ยืนจังก้าอยู่ทางกราบซ้ายของทีมแทบจะทุกเกม

   เข้าใจว่าแผงมิดฟิลด์กระต่ายแก้วนั้นอุดมไปด้วยผู้เล่นชั้นยอด เพราะเอาแค่ สารัช กับ ชนาธิป ก็แทบไม่เหลือพื้นที่ให้ใครแล้ว ไหนยังมี เชาว์วัฒน์ วีระชาติ และ ฉัตรมงคล ทองคีรี อีกสองหน่อ รวมไปถึง อัลวาเรซ ที่ฟอร์มดีวันดีคืน

   มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินใจว่าจะส่งใครลงสนาม

   พิธิวัตต์ ก็เก่ง, สารัช ก็กัปตัน, ชนาธิป ก็ที่สุดของประเทศ 

   สุดท้ายเลยกลายเป็นว่า พิธิวัตต์ ต้องขยับลงไปยืนเป็นฟูลแบ็ก (จำเป็น) และจากผลงานของ บีจี ปทุม ที่ลงเล่นไปแล้ว 10 เกม นั้นถือว่าไม่เป็นไปตามเป้าหมาย กับชัยชนะ 5, เสมอ 2 และแพ้ไป 3 นัด 

   มันบ่งบอกว่าทัพกระต่ายแก้วยังห่างไกลจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, แบงค็อก ยูไนเต็ด และรวมไปถึง การท่าเรือ เอฟซี ที่รักษามาตรฐานของตนเองได้สม่ำเสมอกว่า

   หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ บางทีซีซั่น 2023-24 พวกเขาอาจจะมือเปล่าอีกครั้ง 

   ส่วนตัว พิธิวัตต์ เอง ถ้ายังเล่นแบ็กซ้ายต่อไปเรื่อยๆ จากที่กำลังพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เขาอาจจะหยุดชะงัก เพราะความที่ไม่เป็นธรรมชาติในการเล่นนั่นแหละ

   มันไม่ใช่ผลดีทั้งกับสโมสร, ทีมชาติและตัวนักเตะ

   พิธิวัตต์ และบทบาท 'แบ็กซ้าย' จำเป็น อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดของทุกฝ่าย

ชิกกะด้าว


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport