"มาริโอ ยูรอฟสกี้" ตัวเลขและสิ่งที่เขาสร้างไว้กับ เมืองทอง

มาริโอ ยูรอฟสกี้ เพิ่งแยกทางกับ เมืองทอง ยูไนเต็ด ไปเมื่อวันจันทร์ที่ 21 กันยายน 2023 และนี่คือ 'ตัวเลข' ต่างๆ รวมไปถึงสิ่งที่เขาได้ฝากไว้ให้แฟนๆ กิเลนผยองกับฟุตบอลไทย ได้จดจำ!!

- คุมทีมนาน 1,066 วัน

    นี่คือเฮดโค้ชที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร กับระยะเวลาเกือบ 3 ปี โดยเขาเริ่มทำงานกับ เมืองทอง ในวันที่ 19 ตุลาคม 2020 (พบ โปลิศ เทโร เอฟซี เป็นทีมแรก) กระทั่งยุติบทบาทหลังปราชัย บีจี ปทุม ยูไนเต็ด 2-5 (ประกาศอำลาวันจันทร์ที่ 21 กันยายน 2023)

- ทั้งหมด 99 เกม

    แน่นอนว่าการที่ ยูรอฟสกี้ เป็นกุนซือ เมืองทอง ที่มีอายุงานมากที่สุดของสโมสร เขาย่อมมีจำนวนเกมที่เยอะกว่าใครด้วยเป็นเงาตามตัว แต่น่าเสียดายที่ตัวเลขหยุดลงที่ 99 นัด เท่านั้น เพราะขาดแค่แมตช์เดียวก็จะครบ 100 แล้ว

- ชนะ 46 เกม

    ยูรอฟสกี้ มีช่วงน่าประทับใจมากมาย ไม่ว่าจะบุกไปเฉือน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 3-2 หรือฤดูกาล 2022-23 ที่ชนะในลีกรวดเดียว 8 นัด รวมทั้งการพาทีมจบอันดับ 4 ของตาราง ทั้งๆ ที่ในทีมไม่ได้มีผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์

- เสมอ 23 เกม

    ฟุตบอลแบบฉบับ ยูรอฟสกี้ เน้นการคอนโทรลเกม ซึ่งสไตล์ของเขาค่อนข้างชัดเจน ทว่าก็มีหลายๆ หนที่น่าจะชนะ แต่กลับทำได้เพียงผลเสมอ โดยเฉพาะซีซั่นที่ผ่านมาที่อุตส่าห์นำ บุรีรัมย์ ถึง 4-1 แต่กลับมาถูกตีเจ๊า 4-4 อย่างน่าเสียดาย

- แพ้ 30 เกม

    ตัวเลขที่เกิดขึ้นค่อนข้างสูงก็จริง แต่ในจำนวนเหล่านี้ เกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ที่ เมืองทอง เป็นฝ่ายครองบอลบุกใส่คู่ต่อสู้ แต่สุดท้ายเจอสวนกลับ และก็พ่ายแพ้ไปในที่สุด

- ยิงได้ 182 ประตู

    ด้วยความที่เป็นทีมที่เน้นการครองบอลและบิวต์-อัปตั้งแต่แดนหลัง ทำให้โอกาสยิงในแต่ละเกมของ เมืองทอง ค่อนข้างจะสูง และนั่นนำมาซึ่ง 182 ประตู นั่นเอง

- เสีย 128 ประตู

    ด้วยความที่ ยูรอฟสกี้ เน้นให้ลูกทีมบิวต์-อัปตั้งแต่แดนหลัง มันจึงทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการโดนฉกบอล เพราะเมื่อพลาด มันหมายถึงประตูเลยทันที และนี่คือหลักฐานสำคัญว่าเหตุใดกิเลนผยองจึงถูกฝั่งตรงข้ามเจาะตาข่ายได้มากมาย

- ฟุตบอลพาสซิ่ง

    แม้ว่า เมืองทอง จะไม่ได้มีซูเปอร์สตาร์มากมายเหมือนเก่าก่อน ทว่าปรัชญาของกิเลนผยองยังคงเน้นเรื่อง 'เกมรุก' และมันสอดคล้องกับการมี ยูรอฟสกี้ เป็นกุนซือ เพราะเทรนเนอร์วัย 38 ปี ชื่นชอบฟุตบอลเอนเตอร์เทน ซึ่งสไตล์การเล่นในสนามก็สะท้อนตัวตนของเขาออกมาได้เป็นอย่างดี 

- แพสชั่นล้นเหลือ

    ด้วยความที่อยู่เมืองไทย มาตั้งแต่ปี 2012 ทำให้ ยูรอฟสกี้ ค่อยๆ กลมกลืนกับวัฒนธรรมสยามประเทศ โดยเฉพาะกับ เมืองทอง ที่เจ้าตัวประกาศผ่านสื่ออยู่เสมอว่านี่คือสโมสรที่เขา 'รัก' มากที่สุด ดังนั้นทุกครั้งที่มีการแข่งขัน ผู้คนก็มักจะได้เห็นอารมณ์ร่วมระหว่างเกมจากกุนซือคนชาวมาซิโดเนีย เป็นประจำในหลากหลายแง่มุม 

- แฟชั่นนิสต้า

    นอกเหนือไปจากความดีเดือดในสนาม ยูรอฟสกี้ ยังเป็นเฮดโค้ชมาดเท่ เพราะในแต่ละเกม การแต่งกายนั้นออกมาดูดีตลอด ส่วนหนึ่งมาจากการที่มีภรรยาเป็นแฟชั่นดีไซน์ มันจึงทำให้ชุดของเขาค่อนข้างเก๋ไก๋ และมันคือหนึ่งในสีสันของวงการลูกหนังไทย อย่างแท้จริง

- ให้โอกาสดาวรุ่ง

    ยูรอฟสกี้ คือกุนซือที่ตอบโจทย์ของ เมืองทอง เป็นอย่างดี กับนโยบายการใช้ผู้เล่นที่เติบโตจากอะคาเดมี่ของสโมสร และนั่นนำมาซึ่งโอกาสของบรรดาดาวรุ่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ปุรเชษฐ์ ทอดสนิท, ทรงวุฒิ ใคร่ครวญ, คคนะ คำยก และคนอื่นๆ อีกมากมาย

- ส่ง วีระเทพ สู่ทีมชาติไทย

    ด้วยแท็กติกบอลคอนโทรลของ ยูรอฟสกี้ มันจำเป็นต้องมีนักเตะสกิลสูงเป็นจอมทัพ และนั่นทำให้ วีระเทพ ป้อมพันธุ์ แจ้งเกิดเต็มตัวในฤดูกาล 2020-21 ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นมิดฟิลด์ชาวนนทบุรี ยังโนเนมอยู่เลย แต่หลังจากได้ร่วมงานกับเทรนเนอร์ชาวมาซิโดเนีย - ความเก่งกาจของเขาเปล่งประกาย จนปัจจุบันได้กลายเป็นหนึ่งในตัวหลักของทีมชาติไทย ไปแล้ว

- ปั้น พ็อพพ์ จนเป็นต่างชาติเกรดเอ

    ก่อนหน้าการเข้ามาคุมทัพของ ยูรอฟสกี้ - วิลเลียน พ็อพพ์ มีสถิติ 0 แอสซิสต์ และ 0 ประตู ในสีเสื้อกิเลนผยอง แต่หลังจากได้รับการติวเข้มจากตำนานหมายเลข 20 เท่านั้นแหละ แนวรุกบราซิล แปลงร่างทันที ซึ่งทุกวันนี้เขาก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นต่างชาติที่ดีที่สุดของ ไทยลีก


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport